งานฉลองน้ำ ครั้งที่
๔
๖ - ๘ ต.ค.'๔๖
"...วันนี้เป็นวันแรกที่เราฉลองน้ำ...ลด
แต่ก่อนฉลองน้ำท่วม
ฉลองน้ำขึ้น แต่ที่จริงเราก็ฉลองน้ำลด มาหลายปีเหมือนกัน เพราะว่าน้ำท่วมขึ้นไป
พอถึงวันฉลองน้ำ น้ำก็เริ่มลดๆๆลงไปแล้ว แต่ก็ไม่น้อยเท่านี้ ทุกปีมากกว่านี้....."
พ่อท่านกล่าวไว้ในช่วงแสดงธรรมก่อนฉัน ในวันแรกของงานฉลองน้ำ'๔๖
ปีนี้น้ำขึ้นไม่มาก
ปีกลายน้ำขึ้นทีละ ๕๐ เซ็นฯ ทีละเมตร แต่ปีนี้น้ำขึ้นไม่มาก วันละ
๑-๒ เซ็นฯ หรือ ๕ เซ็นฯ เป็นอย่างมาก แล้วก็ลด ลดอยู่เรื่อยๆ วันละ
๑- ๒ เซ็นฯ ลดน้อยลงจนพ่อท่านต้องประกาศ ลดฉลองน้ำ
จาก ๗ วัน(๖-๑๒) เหลือ ๓ วัน(๖-๘) เพราะหากจัดถึงวันที่ ๑๒
การเดินทาง เข้าออกของพี่น้องที่มาร่วมฉลองน้ำ และการขนย้ายข้าวของจะลำบาก
เพราะเรืออาจเกยตื้นได้
น้ำท่วมครั้งนี้เป็นครั้งที่
๕ (ครั้งที่
๑ ปี ๒๕๓๙, ครั้งที่ ๒ ปี ๒๕๔๓, ครั้งที่ ๓ ปี ๒๕๔๔, ครั้งที่ ๔ ปี
๒๕๔๕) ระดับน้ำเริ่มท่วมถนนทางเข้าหมู่บ้าน ไม่สามารถใช้รถเข้าออกชุมชนได้
ต้องใช้เรือแทน ตั้งแต่วันที่ ๑๔ ก.ย.เป็นต้นมา บริเวณที่น้ำท่วมก็เป็นบ้านที่อยู่แถวร้านปันบุญ,
หน้าเฮือนศูนย์ฯ จากตลาดอาริยะฯ มายังเฮือนโสเหล่ที่ท่วมแค่ใต้ถุนบ้าน
และถนนระหว่างบุ่งไปยังเฮือนสมณะ ซึ่งยังเหลือแผ่นดิน ให้เดินอีกมากมาย
น.ร.ที่มาร่วมงานต่างก็บ่นว่าไม่สนุกเลย เพราะได้พายเรือ-เล่นน้ำกันในบุ่งเท่านั้น
ไม่มีการแข่งขันพายเรือ ว่ายน้ำ ส่วนเด็กน้อยสมุนพระรามชั้นอนุบาล
ก็เล่นน้ำกันแถวถนนหน้าเฮือนโสเหล่ และตามใต้ถุนบ้าน ซึ่งก็ดูปลอดภัยดี
แม้จะจัดงานแค่
๓ วัน พี่น้องจากพุทธสถานและญาติธรรมจากกลุ่มต่างๆ ก็ยังปลีกเวลามาเยี่ยม
ให้กำลังใจ เหมือนเดิม สีมาฯ มาเป็นอันดับแรก
ตามด้วยศีรษะฯ และ
สันติฯ และยังมีพี่น้องจาก สวนส่างฝัน-ขอนแก่นอโศก-ยโสธร
ที่เหมือนกันคือมาได้คนละวัน สองวัน ก็ต้องรีบกลับ เพราะติด
งานอบรมฯ มาล่าสุดแบบได้ใจกันคือ พี่น้องจากร้อยเอ็ดอโศก
ที่แม้จะทราบว่างดฉลองน้ำแล้ว แต่ได้เตรียมขนผัก-มะละกอขึ้นรถแล้ว
ก็ไม่อยากเสียความตั้งใจ เลยได้มาร่วมงาน เปิดร้านมังฯ
บุฟเฟ่ต์ ในวันที่ ๙ ต.ค. แทน
รายการในแต่ละวันเป็นไปอย่างธรรมชาติ
ไม่มีทำวัตรเช้า เพราะพี่น้องต่างก็เพิ่งเสร็จสิ้นจากงาน ขายอาหารเจ
จึงให้พวกเราได้พักผ่อนกันให้เต็มที่ และชาวบ้านราชฯ บางส่วนต้องออกไปเตรียมงาน
เพื่อเปิดร้านมังฯบุฟเฟ่ต์ ช่วงกลางวันก็ให้พักผ่อน เอนกายตามอัธยาศัย
ในช่วงก่อนฉัน พ่อท่านได้แสดงธรรมทุกวัน
อธิบาย ขยายความ เจาะลึกในหลายๆเรื่อง ผู้เป็นอโศกพันธุ์แท้ ต้องหาเท็ปฟังให้ได้เด้อ!
๖ ต.ค. พ่อท่านอธิบายความหมายสูตรสำเร็จของอาริยะมนุษย์
คือ มักน้อย สันโดษ สมรรถนะ ขยัน สร้างสรร เสียสละ โดยเฉพาะสมรรถนะและความขยันเป็นทรัพย์แท้ของมนุษย์
งานนี้ถือว่าพวกเรามาพักผ่อน
ดังที่พ่อท่านได้เทศน์ไว้ในวันที่ ๗ ต.ค. ว่า "....งานฉลองน้ำ
อาตมา จัดขึ้น ด้วยเหตุผลที่ว่า น่าจะเป็นอีกอันหนึ่งที่พวกเราจะได้มาพักผ่อนหน่อย
เพราะว่าเราจะไม่มี เรื่องอะไร มากหรอก จะฟังธรรม นอกนั้นก็กินก็เล่นกันใช่ไหม
เล่นน้ำ เล่นท่า มีสนุกสนาน อะไรต่ออะไรกันไป ไม่ได้มีเรื่องหนัก เรื่องหนา
ไม่ได้เป็นงานเป็นการ เพราะว่าน้ำมันท่วม ไม่มีอะไร ที่จะได้ทำ ไม่ติดธุระอะไรมากมาย
เพราะฉะนั้นผู้ที่อยู่ในที่ไหนๆก็ตาม
ถึงเวลาวาระช่วงนี้ อาตมาคิดว่า น่าจะเป็นช่วงพักผ่อน
เหมือนมาเล่นน้ำ ทะเล มาหาดทรายบางแสน มาหัวหินอะไรอย่างนี้
แต่แทนที่จะเป็นน้ำทะเล เป็นน้ำจืด แม่น้ำมูลเป็นน้ำจืด อาบสบายกว่า
ไม่เหนียวตัว น้ำทะเลเหนียวเนื้อเหนียวตัว เค็มปี๋ แสบตา ไม่ค่อยดีเท่าแม่น้ำมูลหรอก
เล่นสู้ไม่ได้ จะดีกว่าตรงมีคลื่นให้เล่น น้ำมูลไม่ค่อยมีคลื่น แต่ไม่จำเป็นหรอก
มันก็เล่นๆ มันก็กระโจนไป อย่างนั้นเอง
บ้านราชฯมีน้ำ ก็จะเป็นสุขด้วยน้ำ
พวกเราที่อยู่ที่อื่นๆเป็นโคก ไม่มีน้ำเหมือนที่นี่ เพราะฉะนั้น ที่นี่จะเป็นแหล่ง
ที่พวกเราจะได้มาพักผ่อน เหมือนบ้านพี่บ้านน้อง มากันสบาย ไม่ต้องไปเดือดร้อนที่พักที่อะไร
เหมือนรีสอทร์ ของเรา มาพักผ่อนของเราไป
คนเราก็จะต้องทำงาน
แล้วก็จะต้องพักผ่อนบ้าง พักผ่อนก็ไม่จำเป็นต้องไปเห่อตามเขา จะต้องไปเที่ยว
หาดหัวหิน จะต้องไปเที่ยวหาดบางแสน หรืออะไรต่ออะไรที่เขาล่อกันน่ะ
ครึกครื้นมันก็มีอะไรต่างๆ นานา หลายอย่างแถวนั้น แต่ว่าดูแล้วไม่เข้าท่าหรอก
มันเน่าแล้ว มันสกปรก มีเชื้อโรค มีอะไรต่ออะไรเลอะเทอะ เยอะเลย ไม่สะอาดสะอ้าน
ก็คนสารพัด แต่ละคนก็นิสัยไม่ดี นิสัยดีก็มีบ้าง แต่นิสัยไม่ดีมีเยอะ
มักง่าย ทิ้งขว้าง ทำอะไรต่ออะไรให้สูญเสีย ให้เน่า ให้เหม็น ให้สกปรก
เลอะเทอะอะไรก็แล้วแต่ เยอะแยะ ถ้าจะเปรียบเทียบแล้ว
ที่ของเราน่าที่จะมาพักผ่อนมากกว่า มันสะอาดสะอ้าน สะดวก เหมือนกับ
กลับบ้าน ของเรา มีที่มีทาง มีสถานที่อะไรต่ออะไรให้ ที่พอจะเสริมเติมสร้างเสริม
อีกนิดหน่อย ก็จะได้เป็นอะไรต่ออะไร ของพวกเรา ไม่ต้องจ้างไปแพง อะไรที่นั่นขูดหมดเลย
หัวหิน บางแสน ซื้ออะไรก็แพง
ของเราไม่ต้องซื้อไม่ต้องหาอะไรหรอก
อยากกินก็มาทำกินเอง อยากจะอะไรต่ออะไรก็ว่ากันไป ซึ่งมันจะคนละ ระบบกับทางโลกเขา
ของเราอิสรเสรีภาพ จะฟรี จะรู้สึกอบอุ่น ไม่มีอะไรขีดคั่น ไม่มีอะไรกดดัน
ไม่ต้องไปทำ แบบทุนนิยมแบบโลกเขา อาตมาคิดว่าอันนี้จะเป็นวัฒนธรรมสังคม
อีกชนิดหนึ่งของพวกเรา ไปๆมาๆ กันได้สบายสะดวกอะไรพวกนี้
ปีนี้น้ำไม่ค่อยขึ้น
น้ำเล็กน้อย แต่ก็พอมีน้ำแหละ ได้เล่นกันพอสมควร ถึงแม้จะน้อยไปหน่อยนึง
ปีนี้น้ำขึ้นมา พอๆกับปี'๓๙ เพราะทางรัฐเขาเตรียมทำร่องให้น้ำผ่าน
จะน้ำมากน้ำน้อยก็ไม่มีปัญหาอะไร
เพราะอยู่ที่เรา ว่าเราเองมีอะไรก็ได้ เพราะเราได้ฝึกฝน ตนเองแล้ว
ไม่ต้อง ไปกำหนดว่าจะต้องมากเท่านี้ จะต้องน้อยเท่านี้
ถ้าไม่ได้สมใจ เราไม่สบายใจ ไม่ชอบใจ ลองฝึกธรรมะแล้ว เราจะรู้ว่าสิ่งเหล่านี้แหละ
เป็นเรื่องที่เราจะต้องเรียนรู้ความจริง....."
ภาคค่ำเป็นการแสดงบนเรือเวทีแบบสบายๆ
ตั้งแต่ ๖ โมงเย็นถึง ๒ ทุ่มครึ่ง เป็นการแสดงร้องรำ ทำเพลงของ น.ร.และญาติธรรมที่มาร่วมงาน
ซึ่งก็ไม่ต้องซักซ้อมอะไรกันมาก เพราะแต่ละชุดล้วน ใช้แสดง ในงานอบรมฯ
อยู่แล้ว ซึ่งพ่อท่านได้พูดถึงการแสดงของพวกเราว่า "....เอาไปเอามา
มาถึงวันนี้แล้ว กร่อยไปเรื่อย จะร้อง จะรำ จะเล่น จะหัว ถ้ามองในแง่โลกๆธรรมดา
ล้มเหลวนะ ดูซิงานนี้ไม่ขึ้น ไม่บันเทิงเริงรมย์ ไม่รู้สึกตื่นเต้น
ไม่รู้สึกปลุกเร้า มีรสชาติโลกียรสไม่ขึ้นเลย อย่างนี้ไม่ขึ้นหรอก
พ่อท่านพาทำฉลองน้ำ ไม่เห็นจะเข้าท่า อะไรเลย ไม่มีอะไรเลย ไม่รุ่งเรืองเลย
ดูซิ! ไปเอาดาราใหญ่ๆ มาเล่นก็ไม่ได้ ของเราก็ไม่เห็นจะมีอะไร แบบนี้ไปไม่รอด
ถือว่าไม่ประสบผลสำเร็จ เสื่อม !
อาตมากลับเห็นว่าดีแล้วล่ะ
พวกเราไม่ต้องไปเที่ยวงมงายในเรื่องเหล่านี้มาก แต่พวกเรากลับเป็นว่า
งานเจเสร็จปั๊บ ไม่ค่อยได้พัก ต้องไปบูรณะร้านมังฯบุฟเฟ่ต์ ต้องไปช่วยทำงาน
ต้องไปเตรียมงาน สนุกกันใหญ่ เลย คนเตรียมโน่นนี่ก็ว่ากันใหญ่ ไปเสียเวลากับการสร้างสรรรที่เป็นสาระ
....จริงนะการบันเทิงเริงรมย์นี่ คุณค่าน้อย
แต่มูลค่ามันเยอะ ดาราฮิตเชี่ยวชาญในเรื่องนี้ ออกไปสู่ตลาดโลกมูลค่าแพง
แต่คุณค่าน้อย ถ้าไปเป็นคนรับใช้ ไปเป็นคนงาน พวกนี้ดูคุณค่า มันน้อย
มูลค่าพวกเรายิ่งศูนย์บาทด้วย แต่คุณค่ามันสูง...."
สำหรับความเสียหายในเรื่องของวัตถุข้าวของก็ไม่มี
เพราะได้เตรียมการจัดเก็บและขนย้าย เสร็จเรียบร้อย ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว
หากจะมีบ้างก็เป็นพวกพืชผัก ที่ปลูกไว้ในบางแห่ง ที่น้ำท่วมถึง เท่านั้น
แล้วงานฉลองน้ำ
ครั้งที่ ๕ ก็จบลงด้วยความเรียบง่าย แต่แน่นด้วยสาระ พี่น้องได้มาพบหน้า
พบตากัน ได้ไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบ และเหนือสิ่งอื่นใด ได้ฟังธรรมอันประเสริฐจากพ่อท่าน
ที่ใช่ว่าจะหาฟังกันได้ง่ายๆ เพื่อน้อมนำกลับไปประพฤติ ปฏิบัติ ขัดเกลาตน
พัฒนาสู่การเป็น อาริยะมนุษย์ ถึงพร้อมประโยชน์ตน-ประโยชน์ท่าน เพื่อร่วมกันกอบกู้มนุษยชาติต่อไป...
ชาวบ้านราชฯขอกราบขอบพระคุณทุกฐานะ
ที่มาเยี่ยมเยียนให้กำลังใจ และที่ตั้งใจมา แต่ไม่ได้มา เพราะงดฉลองน้ำเสียก่อน
สุดท้าย ฝากคำเตือนจากพ่อท่าน
ที่ได้เตือนลูกๆทุกพุทธสถาน-สังฆสถาน-กลุ่มชุนชน ว่า
"ขอเตือนชุมชนศีรษะอโศก
ตอนนี้ทางรัฐเขากำลังยื่นมือเข้า กำลังเลือกเฟ้นเข้ามา กำลังไอ้โน่นไอ้นี่เข้ามา
ถ้าศีรษะอโศกยังไม่อบอุ่น ยังระแหงกันอยู่ ยังไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันให้ดีๆ
ยากนะ เพราะอะไร อาตมาวิเคราะห์แล้ว
แต่ก่อนศีรษะอโศกเขาเจริญรุ่งเรืองไปดีนะ
แหมพูดกันนำเลย แต่เดี๋ยวนี้ชักจะยังไงๆแล้ว เพราะอะไร เพราะไปหลงงานนอกมากไป
โดยไม่ดูจิตวิญญาณในกัน ไม่หันมาดูจิตวิญญาณในกัน ไม่ต้องไปสร้าง งานนอกมากหรอก
งานนอกเข้ามาหาเราเอง ยิ่งทุกวันนี้
ขณะนี้ งานนอกเขาจะมา แล้วเราเลือกได้เลย อาตมาดูแล้วไม่มีอะไรหรอก
สิ่งนั้นมาเป็นเหตุปัจจัยกดดัน ให้พวกเรากลายเป็น เวลาไม่มี ผู้ใหญ่ต้อง
ไปรับผิดชอบ งานที่ไปรับหน้ามาอันโน้นอันนี้ แต่ละคนๆไม่ว่าง ปล่อยให้เด็ก
ทะเลาะกัน เด็กก็ตัดสินกันไม่ได้ ผู้ใหญ่ก็ไม่มีเวลา มัวแต่ไปวุ่นข้างนอก
อะไรอย่างนี้ นี่ล่ะจะ
ไปไม่รอด
หันกลับเข้ามาดูข้างในพวกเรา
เราอุตส่าห์สร้าง อุตส่าห์สะสมมา ไม่ใช่ง่าย ยากเย็นจะตาย ได้ขนาดนี้
มันไม่ใช่ธรรมดา จริงๆไม่ใช่ธรรมดา... ให้คนมีปัญญาเข้าใจ
แล้วก็มีวิถีการดำเนินชีวิต อย่างนั้น แล้วก็เปลี่ยนแปลงคนให้มาเป็นคนอาริยะ
หรือเป็นคนเจริญแบบที่เขาเข้าใจได้.... ยี่สิบ สามสิบปีมานี้...
อาตมา ได้สร้างคน ได้สร้างระบบการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะเป็นระบบบุญนิยม
มาได้ขนาดนี้...
เพราะฉะนั้นคนมาชื่นชมเรา
ทำให้เราหลงตัว เหลิงไปได้บ้าง ก็พยายามระมัดระวังบ้าง พยายามดูกันดีๆ
ผู้ใหญ่ก็มาดูเนื้อในของเรามีงานให้ทำ คนของเรา ลูกๆหลานๆของเรามีเยอะ
แม้แต่ผู้เฒ่าผู้แก่ของเราอยู่ในนี้ สังคมของเราสร้างขึ้นไปเถอะให้เจริญไป
ไม่ใช่เราเห็นแก่ตัว สังคมภายนอกเราก็สัมพันธ์มากอยู่แล้วทุกวันนี้
ไม่ใช่เราไม่เกื้อกูลข้างนอก
ทุกวันนี้เราก็ทำกับสังคมภายนอกพอสมควร
จะมากขึ้นๆ มากจนกระทั่งฉุดเราลงไป อันนี้ระวัง ที่ไหนก็เหมือนกัน
ศีรษะก็เหมือนกัน บ้านราชฯก็เหมือนกัน ทุกแห่งต้องระมัดระวังอันนี้ได้ดี
พอตัว พอได้ พอเหมาะ จะเจริญ จะไปได้ดี..."
-
ฅนเมืองเรือ -
-
สารอโศก อันดับที่ ๒๖๔ กันยายน ๒๕๔๖ -
|