แถลง คนนอก-ในศาสนาพิจารณากันที่ไหน ? ในงานมหาปวารณาที่ผ่านมา ใครที่ไปร่วมงานก็จะสัมผัสได้ว่า พ่อท่านในวัย ๖๙ ย่าง ๗๐ ปี สุขภาพของท่านยังแข็งแรงชนิดไม่ธรรมดา ท่านเทศน์อบรมสมณะถึง ๓ ชั่วโมงติดต่อกัน (มีเนื้อหาบางส่วนจะตัดออกมาให้ฆราวาสได้ฟังด้วย โปรดติดตาม.....) ในงาน ๕ วัน ปกติท่านจะเทศน์ตั้งแต่ทำวัตรเช้า ร่วมเข้าประชุมเพื่อให้โอวาท ให้คำปรึกษากับกลุ่มนั้น คณะนี้ ที่ขอเข้าพบ แม้ว่างเมื่อไหร่ก็จะมีเด็กและผู้ใหญ่ มาขอเปลี่ยนชื่อเป็นไทยๆกันอยู่ตลอดเวลา และท่านก็จะอยู่ดูการแสดงในรายการภาคค่ำ เพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้แสดง จนจบรายการของทุกวัน ท่านจึงจะได้พักผ่อน เพราะความมีอารมณ์ที่ดี (อีคิว-โลกุตระ) จึงทำให้สุขภาพของพ่อท่านแข็งแรง เพราะมีการพักผ่อนที่ดี (สามารถหลับได้ภายใน ๑ นาที) จึงทำให้สุขภาพของพ่อท่านแข็งแรง และเพราะมีอิทธิบาทดี (มีไฟในการดูแลสุขภาพของตนได้ดี และมีพลังในการช่วยเหลือผู้อื่นอยู่มากมาย) จึงทำให้ สุขภาพของพ่อท่านแข็งแรงแบบไม่ธรรมดา แม้ "อ." อื่นๆ ก็มีความลึกซึ้งอีกมากมายที่จะได้ศึกษากันในโอกาสต่อๆไป เพียงแต่ยกมาให้พวกเรา ได้เห็นกันว่า แค่รูปธรรมทางร่างกายที่ต้องแบกภารกิจ อันมากมายของชาวอโศกเต็มไปหมด แต่ก็ไม่ได้ทำให้ พลังกายพลังใจของท่าน ลดน้อยถอยลงไปกว่าคนหนุ่มสาวธรรมดาๆ จะพึงมีกัน ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ย่อมมาจากเหตุที่สำคัญ คือ "พลังวิมุติ" ของท่าน อันยากที่ใครๆจะไปเปรียบเทียบเคียงได้ แต่ถึงกระนั้นก็ตามในงานมหาปวารณาที่ผ่านมา พ่อท่านก็ยังขอให้สงฆ์ช่วยแนะนำติงเตือน บอกกล่าว ในข้อบกพร่องที่ได้เห็นเองก็ดี ได้ยินมาก็ดีหรือเกิดความสงสัยขึ้นมาก็ดี พ่อท่านกล่าวเชิงตำหนินักบวชที่รู้สึกว่า คนวัดปากจัดยิ่งกว่าตะไกรโรงพยาบาล ท่านสอนคนที่ถูก ตะไกรงับ มานั้นว่า ถ้ากราบเขาได้ก็ให้ไปกราบขอบคุณเขา ที่เขากล้าแตะเรา ด่าเรา หรือทำให้เราไม่ชอบใจ ไม่พอใจขึ้นมา ทั้งความไม่ชอบใจ ความเจ็บใจ คือ กิเลส คืออัตตาบ้าที่เราจะต้องชำระล้าง ให้หมดให้สิ้นไป จากจิตใจ ของเรา ซึ่งก็ต้องอาศัยคนประเภทปากตะไกรโรงพยาบาลนี่แหละ ที่จะช่วยงับอัตตาบ้าของเรา ออกมาให้ชำระ สะสางกัน จะดูกันว่า ใครเป็นคน"ใน"ของศาสนา ซึ่งมีวิมุติเป็นแก่นสาร หรือเป็นคน"นอก"ศาสนา(ประเภทเปลือก กระพี้) ก็คงดูกันได้ที่เวลามี "ผัสสะ"ที่ถูกด่า ถูกว่า ถูกตำหนิ ติติงเกิดขึ้น ผู้ที่เป็นคน"ใน"ของศาสนา จะสามารถน้อมรับเอาคำตำหนิติติงมาล้างอวิชชา เพื่อพัฒนาตน ให้เข้าสู่แก่นสาร (วิมุติ) ได้อยู่ตลอดเวลา ส่วนผู้ที่เป็นคน"นอก"ของพุทธศาสนา เมื่อได้รับคำตำหนิติติงขึ้นมาจะรีบแก้ตัวมากกว่าแก้ไข จะถูกอัตตาบ้า จัดการมากกว่าจัดการเจ้าตัวอัตตาบ้า จะรีบปกป้องอวิชชามากกว่ากำจัดอวิชชา ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เพราะว่า กิเลสของข้าใครอย่าแตะ! (องครักษ์พิทักษ์กิเลส) หรือก็เป็นเพราะว่า "ข้าฯคือความถูกต้อง" (องครักษ์พิทักษ์อวิชชา) นั่นเอง - คณะผู้จัดทำ - สารอโศก อันดับที่ ๒๖๕ ตุลาคม ๒๕๔๖ |