โครงการ พลังกู้ดินฟ้า ประชาเป็นสุข
ค่ายเยาวชนคนสร้างชาติ ครั้งที่ ๑
๒๐ - ๒๔ ตุลาคม ๒๕๔๖ ณ ชุมชนสันติอโศก

เยาวชนขึ้นชื่อว่าเป็นอนาคตของชาติ เยาวชนเป็นวัยที่สร้างสรร กล้าคิด กล้าทำ กล้าตัดสินใจ และเป็นวัยที่มีพละกำลัง มีอิทธิพลเปลี่ยนแปลงกระแสของสังคมได้มาก หากเยาวชนนำศักยภาพตัวเองไปทำในสิ่งดี สิ่งนั้นก็เป็นที่ภาคภูมิใจของประเทศชาติบ้านเมือง แต่หากเยาวชนของชาติหลงไปทำในสิ่งที่ผิด ก็เป็นลางบอกเหตุให้ประเทศชาติล่มจมได้ง่ายๆ เป็นที่น่าตกใจในกระแสเยาวชนปัจจุบันที่เห่อตามแฟชั่น ใส่สายเดี่ยว เจาะรูฝังโลหะตามตัว สัก ติดเกมตู้ เที่ยวกลางคืน เยาวชนที่มีการศึกษา ยอมขายตัวเพื่อจะได้วัตถุตามค่านิยม เมื่ออนาคตของชาติเกิดเป็นโรคแพร่ระบาดอยู่อย่างนี้ ประเทศชาติจะไปรอดได้อย่างไร

โครงการพลังกู้ดินฟ้าประชาเป็นสุข เล็งเห็นปัญหาส่วนนี้ จึงจัดการอบรมเยาวชนคนสร้างชาติครั้งที่ ๑ ขึ้น โดยมีสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)ให้ความสนับสนุน จัดทำโดยเครือข่ายกสิกรรมไร้สารพิษแห่งประเทศไทย (คกร.) เมื่อวันที่ ๒๐-๒๔ ต.ค.๔๖ ณ ศูนย์ฝึกอบรมชุมชนสันติอโศก กรุงเทพฯ

ผู้มาร่วมงานทั้งหมด ๑๕๓ คน ผู้ชาย ๘๐ คน ผู้หญิง ๗๕ คน

*** วันจันทร์ที่ ๒๐ ต.ค. ๔๖
เช้าผู้เข้าอบรมทยอยกันลงทะเบียน
๑๒.๐๐ น. ปฐมนิเทศ โดย สมณะซาบซึ้ง สิริเตโช ต่อจากนั้นเป็นกิจกรรมฟั่นเกลียวใจให้เป็นหนึ่ง เพื่อทำความรู้จักกัน แบ่งกลุ่มและ ตั้งชื่อกลุ่ม คติธรรมประจำกลุ่ม แนะนำพี่เลี้ยง ต่อด้วย Walk Rally ชมชุมชน สร้างความประทับใจ และความสามัคคีภายในกลุ่ม ได้ความรู้ขณะเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ ของชุมชน บรรยากาศดี เสร็จจากนั้น ทำกิจกรรมส่วนตัวและรับประทานอาหารมังสวิรัติมื้อแรก

๑๘.๐๐-๒๐.๐๐ น. แบ่งกลุ่มพบพี่เลี้ยงเพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน เป้าหมายหลักเพื่อรู้จักกันให้มากที่สุดภายในกลุ่ม ๒๐.๐๐ น. รวมตัวสวดมนต์ไหว้พระ นั่งเจโตสมถะ ระลึกทบทวนตัวเองก่อนนอน โดย สมณะกล้าตาย ปพโล เสร็จแล้วแยกย้ายกันเข้านอน

*** วันอังคารที่ ๒๑ ต.ค ๔๖
ระฆังส่งสัญญาณให้ตื่นรับรุ่งอรุณ เวลา ๐๔.๐๐ น. ทำกิจส่วนตัว และรีบรวมตัวด้วยเพลงคนสร้างชาติ เข้าศาลาฟังธรรม เช้าแรกของการทำวัตร ได้พบกับสมณะชนะผี ชิตมาโร เรื่องศีล ๕ ละอบายมุข จากนั้นออกกำลังกายด้วยโยคะ และแอโรบิค โดยแยกออกเป็น ๒ กลุ่ม จากนั้นรับประทานอาหารเบาๆ แล้วจึงไปพบปะสัมพันธ์ชุมชนฯเพื่อเจาะรายละเอียด ฐานงานชุมชนทำอะไรกันบ้าง

๐๙.๐๐ น. ขึ้นศาลาอีกครั้ง เรียนรู้การไหว้การกราบของวัฒนธรรมไทย ต่อด้วยการฟังเทศน์ก่อนฉัน ดำเนินรายการโดยสมณะเมืองแก้ว ติสสวโร ีสมณะชัดแจ้ง วิจักขโณ และ สมณะใจเด็ด จิตตคุโณ ร่วมรายการ ท่านได้เล่าถึงอดีต ที่กว่าจะฟันฝ่ามาถึงจุดนี้ ต้องใช้ความอดทนมากและภาคภูมิใจที่เอาชนะใจตัวเองได้ เสร็จแล้ว รับประทานอาหาร แล้วจึงแยกย้ายกันทำกิจกรรม ๕ ส. กตัญญูสถานที่

ภาคบ่ายมีสาระเกมส์ขบวนการกลุ่ม สร้างความสนุกสนานประทับใจกันมากขึ้น

๑๔.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. ลงทำงานเรียนรู้ ศึกษาสัมมาอาชีพ มีทั้งกระเพาะปลาเจ หมั่นโถว ขนมเทียน ข้าวห่อสาหร่าย ผู้เข้าอบรมสนใจเป็นพิเศษ เพราะนอกจากเป็นสิ่งแปลกใหม่แล้ว ต้องลุ้นฝีมือตนเองอีกต่างหาก แถมเป็นอาหารในมื้อเย็นด้วย แล้วจึงแยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัว

ตอนเย็นรับประทานอาหารจากฝีมือตนเอง พร้อมฟังเพลงอาริยะจากคุณตะวันเดือน

๑๘.๐๐-๒๐.๐๐ น. สัมภาษณ์ปฏิบัติกร "คนเหลือคน" โดยคุณสู่เสรี เจาะใจชีวิตของเด็กสัมมาสิกขาคนหนึ่ง ที่ต้องมาเรียนรู้การถือศีล ๕ ละอบายมุข รับประทานอาหารมังสวิรัติ ๒ มื้อ ด้วยความร่าเริงแจ่มใส

อีกคนหนึ่งเป็นหญิงสาวสัมมาสิกขาลัยวังชีวิต ปี ๓ ที่มีเบื้องหลังของชีวิตพันพัวกับอบายมุข และมีจริตนิสัย เอาแต่ใจตัวเอง แต่ด้วยเธอผันชีวิตมาอยู่กับหมู่มิตรดี สหายดี สังคมสิ่งแวดล้อมดี จึงเปลี่ยนแปลงนิสัย และ เลิกอบายมุขได้

ส่วนคนสุดท้ายเป็นชายหนุ่มที่อยู่ท่ามกลางความเพียบพร้อมของวัตถุ การศึกษา ชื่อเสียง เป็นคนร่าเริงสนุกสนาน กับการเที่ยวในต่างประเทศ หักเหชีวิตตนเองมาเป็นนักปฏิบัติธรรม แล้วยังมาแบกรับหน้าที่เป็นผู้รับใช้ ดูแล ร้านอาหารชมรมมังสวิรัติแห่งประเทศไทย ด้วยความอดทน เสียสละ อุตสาหะ และไม่เลือกงาน ส่งผลให้ชายผู้นี้ มีความสุขกับการปฏิบัติธรรม ควบคู่กับการทำงานบุญ

๒๐.๐๐ น. สวดมนต์ไหว้พระนั่งเจโตสมถะก่อนนอน โดย สมณะกล้าตาย ปพโล

*** วันพุธที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๔๖
ทำวัตรเช้าของวันนี้ นำโดย สิกขมาตุมาลินี และ สมณะโพธิสิทธิ์ โพธิสิทโธ เรื่อง วิบากกรรม ทำให้ได้ประจักษ์ซึ้ง ถึงผลแห่งบุญและบาปที่ติดตามให้ผลอยู่ตลอดเวลาและได้กระตุ้นสำนึกให้เว้นออกจากบาป-เวร-ภัยมากขึ้น จากนั้น ออกกำลังกาย รับประทานอาหารเบาๆ สัมพันธ์ชุมชนดั่งวันวาน

การรวมตัวขึ้นฟังเทศน์ก่อนฉันวันนี้ สมณะเดินดิน ติกขวีโร เทศน์ในหัวข้อ ทรัพย์ของพระพุทธเจ้า ผู้ฟังเบิกบานในธรรมกันโดยทั่วหน้าทั้งพี่เลี้ยงและผู้เข้าอบรม จากนั้นก็รับประทานอาหาร ทำกิจกรรม ๕ ส. มีกิจกรรมเขียนจดหมายถึงเมืองไทย ได้วิเคราะห์ร่วมกันว่า สังคมไทยในปัจจุบันมีปัญหาอะไรเร่งด่วน ที่จะต้องแก้ไขมากที่สุด แล้วผู้เข้าอบรมแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหา ได้ข้อสรุปว่า สิ่งที่เร่งด่วน ที่ต้องแก้ไขคือ คนขาดศีลธรรมสังคมจึงอ่อนแอ เกิดคดีความขึ้นมากมายประชาชนไร้ความสุข แนวทางการแก้ไขคือ ควรจัดอบรมประชาชนเรื่องศีลธรรมให้มากขึ้น เน้นเรื่องศีล มากกว่าเรื่องร่ำรวย สังคมจึงจะสงบสุข

๑๔.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. ฝึกสัมมาอาชีพ

ตอนเย็นรับประทานอาหาร และแบ่งกลุ่มพบสมณะและสิกขมาตุประจำกลุ่ม บรรยากาศดี ผู้เข้าอบรมแต่ละกลุ่ม เก็บคำถาม ตั้งแต่แรกเข้ามางานค่ายฯ เพื่อมาถามในวันนี้ ส่วนมากถามคำถามเชิงธรรมะ ซึ่งก็ได้รับคำตอบ ที่ชัดเจนกันมากขึ้น

๒๐.๐๐ น. นั่งเจโตสมถะ สวดมนต์ และแยกย้ายกันเข้านอน

*** วันพฤหัสบดีที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๔๖
ทำวัตรเช้าโดยสมณะกล้าจริง ตถภาโว เรื่อง กตัญญู การตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ นับว่าเป็นเรื่องประเสริฐสุด หลังจากนั้นออกกำลังกาย รับประทานอาหารเบาๆ รวมกลุ่มเตรียมการแสดงภาคค่ำ ซึ่งแต่ละกลุ่มต้องมีต้น ละกิเลส เป็นการเขียนข้อความตั้งใจลดละสิ่งไม่ดีของตนเอง แล้วแขวนไว้กับกิ่งไม้ประจำกลุ่ม เพื่อถวายสมณะ เป็นการตั้งสัจจะว่าจะพยายามเลิกลดละสิ่งไม่ดีต่างๆ และเตรียมซูลูประจำกลุ่มด้วย

ก่อนฉัน รายการ "ตอบปัญหาผ่าเปรี้ยงหัวใจวัยจ๊าบ" โดย พ่อท่านโพธิรักษ์ ซึ่งคำถามมีมากมายจนพ่อท่านตอบไม่หมด ประเด็นหลักๆ ที่พ่อท่านฝากเยาวชนให้ตระหนัก คือ เราเกิดมาเป็นคนมีกรรม เป็นทรัพย์ เป็นสมบัติ ส่วนเพชร เงิน ทอง ยศถาบรรดาศักดิ์ มิใช่ของจริงเลย เราทำดีก็เป็นของเรา ทำชั่วก็เป็นของเรา เอาไปแบ่งใครไม่ได้ ผลส่งให้เราครบถ้วน ตามที่เรากระทำไว้ สัจจะตรงที่สุด ที่จะส่งผลให้เราได้รับผลของการกระทำของตนไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้า ทุกวันนี้คนไม่เชื่อกรรม สังคมบ้านเมืองจึงฉิบหาย อย่าทำกรรมชั่วเลย เพราะไม่ดีกับตัวเรา

ภาคบ่ายฝึกสัมมาอาชีพ ภาคค่ำเป็นรายการที่น่าสนใจมากที่สุดคือ ซูลูของแต่ละกลุ่ม ที่เรียกเสียงฮาชนิดที่ท้องคัดท้องแข็งเลยทีเดียว การแสดงสะท้อนสังคมของไทยในมุมมองของเยาวชนคนไทย สร้างความตระหนักให้กับทุกฝ่ายว่าสังคมจะเจริญได้ต้องพัฒนาคนหรือตน ให้มีศีล คุณธรรม เราเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่ควรอย่างยิ่งในการเริ่มต้น ณ วันนี้

*** วันศุกร์ที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๔๖
รุ่งอรุณรับฟังธรรมะจากสมณะร้อยดาว ปัญญาวุฑโฒ ในหัวข้อ เยาวชนคนสร้างชาติ จากนั้นทำบุญตักบาตร ร่วมกัน แม้ฝนจะตกแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการตักบาตรที่อบอุ่นหนาแน่น เพราะ ๑๕๐ กว่าชีวิต ต้องเข้าแถว โค้งไปมาตามศาลา และใต้โบสถ์ แม้ที่จะแคบแต่ดูบรรยากาศแล้ว ทุกคนมีปิติยิ้มแย้มแจ่มใส ในการทำบุญ ร่วมกัน จากนั้นดื่มนมถั่วเหลือง แล้วแยกย้ายกันเป็นกลุ่มสัมพันธ์ชุมชน

ก่อนฉัน ฟังเทศน์จากสมณะเพาะพุทธ (ท่านจันทร์) รับประทานอาหาร เก็บสัมภาระ

๑๒.๓๐ น. ตัวแทนแต่ละกลุ่ม ชาย-หญิง ออกมาเปิดใจ หลายคนเปิดใจว่าพ่อแม่บังคับมา ไม่ชอบ แต่พอมาอยู่แล้ว รู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเอง บางคนเตรียมชุดขาวมาด้วย เพราะคิดว่าเข้าค่าย ในพุทธสถาน คงนั่งสมาธิ หลับตาเป็นส่วนใหญ่ เหมือนวัดทั่วไป แต่ผิดคาด รู้สึกสนุก และได้ประโยชน์อย่างมาก บางคนบอกว่า ถูกล้างสมอง แต่ภูมิใจเพราะเป็นสิ่งดี เพิ่งรู้ว่าธรรมะไม่น่าเบื่อ

ต่อจากนั้นเป็นรายการพรก่อนจาก แต่ละกลุ่มได้ถวายต้นละกิเลสให้สมณะและสิกขมาตุ ซึ่งท่านก็ใช้เป็น ส่วนประกอบ ในการให้พรก่อนจากด้วย บางคนตั้งใจเลิกเนื้อสัตว์ บางคนจะพยายามเลิกบุหรี่ บางคนขอเลิก อบายมุขทุกชนิด บางคนตั้งใจรับประทานมังสวิรัติในวันเกิด ฯลฯ ซึ่งต่างก็เป็นเรื่องน่าอนุโมทนายิ่ง

รายการสุดท้าย ร่ำลากัน ด้วยบทเพลงโบกมือลา ไหว้ลากันจนครบ ด้วยรอยยิ้มและคราบน้ำตา ด้วยหัวใจตื้นตัน และลึกๆ ของภายในต่างรู้กันว่า ณ ที่แห่งนี้ เราจะมาพบกันอีก เพื่อเป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน และเพื่อสร้างสรร สิ่งที่ดีงามตลอดไป

- นภาสูญ -

-สารอโศก อันดับที่ ๒๖๕ ตุลาคม ๒๕๔๖ -