กรรมตามสนอง

ตอน....รอยเกวียนรอยกรรม


รอยเกวียนรอยกรรมนี้ เป็นเรื่องราวของผลกรรมของ คุณประยงค์ มูลสาระศรี อายุ ๔๘ ปี อยู่ที่ ๑๓ บ้านชัยศรี หมู่ที่ ๓ ต.คำใหญ่ อ.ห้วยเม็ด จ.กาฬสินธุ์

คุณประยงค์ได้เล่าถึงเรื่องของกฎแห่งกรรม ที่ได้ประสบมากับชีวิตของตนเอง ให้กับผู้เขียนฟังว่า

ผมเป็นลูกชาวนา ต้องทำนาตามพ่อแม่ปู่ย่า ที่เคยทำมา พอหมดฤดูทำนา ก็หาทำงานรับจ้าง ทั่วไป และในตอนเป็นหนุ่มก็ได้ไปฝึกซ้อมชกมวย กับเพื่อนๆ ที่พอจะฝึกจะสอนชกมวยให้ ก็เลยมีอาชีพชกมวยอีกอาชีพหนึ่ง

ไม่ว่าจะเป็นงานบุญงานวัด ที่เขาจัดให้มีการชกมวยผมก็มักจะไปหาคู่ชก เพื่อหาเงิน เที่ยวงานบุญนั้นอยู่เป็นประจำเสมอมา พูดถึงนิสัยใจคอของผม แต่ก่อนนี้ เป็นคนนิสัยมุทะลุโมโหง่าย อารมณ์ฉุนเฉียว หงุดหงิดขี้รำคาญ

ราวปี พ.ศ.๒๕๑๖ ตอนนั้นผมกำลังเป็นหนุ่ม อายุราว ๑๘ ปีเห็นจะได้ ในปีนั้น หลังจากที่ผมได้ทำนา กับน้องสาว จนถึงฤดูเก็บเกี่ยวข้าว ตีข้าวนวดข้าว จากลอมลาน จนเสร็จดีแล้ว ผมก็ได้นำเอาวัวมาเทียมเกวียน เพื่อจะขนเอาข้าวจากลานไปสู่เล้าสู่ฉาง

ในวันนั้น หลังจากที่ผมขนข้าวขึ้นสู่เกวียน จนเต็มเกวียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมก็ได้นำเอา วัวคู่นั้นมาเทียมเกวียน เพื่อลากเกวียนขนข้าว ไปตามเส้นทาง เข้าสู่หมู่บ้าน

ขณะที่วัวคู่นั้นลากเกวียน มาถึงถนนที่มีทรายมากๆ วัวก็ไม่สามารถลากเกวียน ฝ่าถนน ที่มีทรายลึกนั้นไปได้ วัวทั้งสองเลยพากันก้มหัว ปลดแอกออกจากคอเอง แล้วก็หันหน้า มาชนกัน พอผมเห็นวัวทำอย่างนั้น ผมนี้โกรธมากเลย

ผมจึงจับเอาเชือกของวัวทั้งสองมาผูกไว้ แล้วก็เอาไม้เกวียนมาตีกระหน่ำลงไป บนหลังของมันทั้งคู่ อย่างสุดแรงของผม.... พอผมตีมันทีไร มันก็จะส่งเสียงร้อง อย่างโหยหวน...โอ๊ก...อุ๊ก...โอ๊ก...อุ๊ก....

ในใจของผมก็คิดไปว่า มันร้องเยาะเย้ย ผมจึงตีซ้ำไปอีกตัวละหลายที คราวนี้ผมเห็น วัวทั้งคู่ น้ำตาไหลพรั่งพรูเป็นสายเลย ผมเลยคิดว่า มันคงจะยอมแล้วล่ะ จึงได้หยุดตีมัน ซึ่งหลังของมันคงจะเจ็บและช้ำมาก จากนั้นก็จับทั้งคู่ เอามาเทียมเกวียน คราวนี้พวกมัน แทบจะพาเกวียนเหาะไปเลย

ผมได้ทำกรรมกับวัวคู่นั้นแล้ว ก็ไม่คิดถึงเรื่องบาปกรรมอะไร ก็เป็นธรรมดาของคน และสัตว์โลก ทั่วไป ผู้ที่ฉลาดเฉโกกว่า ย่อมเอาเปรียบข่มเหงคะเนงร้าย กับผู้ที่โง่เขลากว่า

ผมคิดว่าวัวหรือควายเป็นสัตว์ดิรัจฉาน หากเราเอาเขามาใช้การใช้งาน หากใช้ไม่ได้ดั่งใจเรา การตีการฆ่าเขาย่อมเป็นของธรรมดาของคนที่มีอำนาจกว่าสัตว์ โดยที่ผม ลืมคิดไปว่า ใจเขา...ใจเรา....มันคงไม่แตกต่างกันเลย เพียงแต่ว่า เขาพูดไม่ออก เขาบอกไม่ได้เท่านั้น......

ต่อมาปี พ.ศ. ๒๕๑๘ ถัดมาจากปีที่ผมตีวัวมาอีก ๒ ปี รอยเกวียนรอยกรรม หมุนวนหมุนเวียนวิบากกรรม ที่ผมเคยทำเอาไว้ มันก็ได้หมุนวน เข้ามาสู่ชีวิตของผมจนได้

ในปีนั้น ทางวัดตามชนบทจัดให้มีงานบุญประจำปี และมีการชกมวยการกุศลขึ้นด้วย ผมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ได้ขึ้นชกมวย เป็นมวยคู่ที่ ๓ พอขึ้นชกไปได้ยกที่ ๒......

พอระฆังดังขึ้น ผมก็เข้าไปชกกับคู่ต่อสู้ มีอยู่ครั้งหนึ่งในยกนั้น ผมได้เข้าไปกอดรัดคู่ต่อสู้ เพื่อตีเข่า แต่ผมกลับโดนคู่ต่อสู้ จับผมทุ่มลงสู่พื้นเวที อย่างแรง

ผลปรากฏว่า หลังของผมกระแทกกับพื้นเวทีมวยอย่างแรง ทำให้ผมเจ็บแปล๊บ! เข้าไปสู่หัวใจ เจ็บปวดเป็นอันมากจนลุกไม่ขึ้น โดนกรรมการนับสิบเป็นอันว่า ผมยอมแพ้อย่างขาวสะอาดเลย

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ผมรู้สึกเจ็บหลังเรื่อยมา จนมาปีพ.ศ.๒๕๒๔ ผมก็ได้แต่งงาน กับสาวงาม ในหมู่บ้านเดียวกัน ในระยะที่ผมแต่งงาน กำลังมีความสุขนั้นเอง ก็มีอาการเจ็บปวด ที่หลังมากขึ้น เจ็บที่สันหลังดันเข้าไปสู่หน้าอก เจ็บปวดมาก จนกินก็ไม่ได้ นอนก็ไม่หลับ ป่วยอยู่ที่บ้าน ทนทุกข์ทรมานอยู่ถึง ๓ เดือน

ต่อมาผมก็มาคิดว่า หากรักษาหยูกยาตามมีตามเกิดอยู่ที่บ้าน ผมก็คงจะต้องตายแน่ๆ ผมเลยตัดสินใจ ให้เมียและญาติพี่น้อง พาส่งโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ แล้วผมก็มานอนเจ็บ นอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลอีกครึ่งเดือน หมอเลยผ่าตัด เอาถุงน้ำดีออก

หมอบอกว่าเลือดมันเข้าไปตกค้างอยู่ในถุงน้ำดี ทำให้เป็นเหตุเจ็บป่วยในครั้งนี้ พอหมอผ่าตัด เอาถุงน้ำดีที่มีเลือดร้ายนั้นออกไป ผมก็รู้สึกสบายขึ้นมาบ้าง

ในขณะที่นอนพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล ผมก็คิดไปถึงกรรมของตนว่า นี่แหละหนอ ผลกรรมของผม ที่เคยทำเอาไว้กับวัวในครั้งนั้น

ผมต้องนอนพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ เป็นเวลาถึง ๓ เดือน เมื่อหมอเห็นว่า ร่างกายผม หายเป็นปกติแล้ว หมอจึงอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล ผมต้องสูญเสียเงิน ค่าใช้จ่าย ค่ารักษาพยาบาลเป็นเงินจำนวนมากทีเดียว มันไม่คุ้มกันเลย กับสิ่งที่เรากระทำลงไป สมแล้วที่ผู้เฒ่าผู้แก่พูดว่า โมโหนี้พาตัวตกต่ำ....

หลังจากที่ผมหายเป็นปกติดีแล้ว ผมก็ได้บวช เพื่อเป็นส่วนบุญกุศล แด่เจ้ากรรม นายเวร ของผม ในขณะที่ผมบวช เป็นพระอยู่นั้น ผมก็ได้ฉันอาหารมังสวิรัติ วันละหนึ่งเวลา บวชอยู่ ๒๕ วัน แล้วจึงได้สึกออกมา

ทุกวันนี้ ตรงหลังของผมที่โดนคู่ต่อสู้ทุ่ม จนกระดูกหลังหักในคราวนั้น ต่อมาเซลที่เนื้อ ตรงกระดูกหัก มันก็จะสร้างเนื้อขึ้นมาใหม่ มันจะนูนขึ้นมาบนหลังของผม มองดูคล้ายๆ หนอกของวัว อย่างไร ก็อย่างนั้นล่ะ ผมมาคิดได้ทุกวันนี้ว่า "บาปกรรมเวรภัยมีจริง เห็นได้ในชาตินี้เอง" คุณประยงค์ กล่าวกับผู้เขียน ในที่สุด

ก่อนจากกันผู้เขียน ขอคัดเอาบทธรรมมาฝาก เพื่อเป็นคติเตือนใจ (จากพระไตรปิฎก ภาษาไทย ฉบับหลวง เล่มที่ ๓๗ "สพฺพฺ มิทํ กมฺมโตติกถา" ข้อที่ ๑๗๐๐ ใจความว่า

"โลกเป็นไปเพราะกรรมหมู่สัตว์เป็นไปเพราะกรรม สัตว์ทั้งหลายมีกรรม เป็นเครื่องกระชับ เหมือนลิ่มสลักแห่งรถ ที่แล่นไปอยู่ฉะนั้น

บุคคลได้เกียรติ ได้ความสรรเสริญเพราะกรรม บุคคลรู้ชัดซึ่งกรรมนั้นว่า เป็นเครื่อง ทำให้ต่างกัน ฉะนี้แล้ว ไฉนจะพึงกล่าวว่า กรรมไม่มีในโลกนี้เล่า"

- ก่อแก่น -

-สารอโศก อันดับที่ ๒๖๕ ตุลาคม ๒๕๔๖ -