พระบรมราโชวาท

เนื่องในอภิลักขิตสมัยวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม พระชนมพรรษา ๗๖ พรรษาขอขอบใจนายกฯและท่านทั้งหลาย ทั้งข้างในทั้งข้างนอกที่ได้มาชุมนุมกันเพื่อให้พรในโอกาสวันคล้ายวันเกิด ซึ่งนับว่าเป็นกำลังใจที่จะมีชีวิตการทำงานต่อไป...

...จากการไปเข้าโรงพยาบาล ก็ทราบว่าร่างกายมันดีขึ้นแล้ว ก็ปรากฏว่า ทีหลังมีการเดินก็เดินดูดีขึ้น ไม่เขยกเหมือนก่อน แต่ก็ยังมีอีกแห่งที่ยังซ่อมยังไม่เสร็จ ต้องใช้เวลานานกว่าจะซ่อมกระดูกนี่ ก็รู้ว่าน่าจะทำได้ ให้ร่างกายมันสมบูรณ์...

...ก็มาเจอผู้ที่มาจากพิษณุโลก พิษณุโลกนั่นนะ บังเอิญชาวบ้านคนนั้นเขามาจากที่ที่อยู่ใกล้แควน้อยของพิษณุโลกที่จะลงมาในแม่น้ำน่าน จำได้ว่าที่ตรงนั้นมันมีที่น่าจะใช้น้ำเพื่อทำเขื่อนที่นับว่าใหญ่พอสมควร ที่จะช่วยในเรื่องถ้ามีขาดน้ำก็จะกักน้ำเอาไว้และปล่อยลงมาสำหรับทำนา ทำการเกษตร และทั้งในหน้าน้ำเวลาน้ำจะท่วม น้ำมาจากตรงนี้มันมาก จะทำให้แถวพิษณุโลก แถวอำเภอใกล้ๆแถวนั้น น้ำท่วมเกือบทุกปี ฉะนั้นถ้าทำเขื่อนนี้ได้ ก็จะดี แล้วก็ถามชาวบ้านว่า เห็นด้วยมั้ย เขาบอกว่าเห็นด้วย บอกว่าเขาไม่ขัดข้อง... ...จะช่วยจังหวัดพิษณุโลกและช่วยในเขตใต้ของแม่น้ำเจ้าพระยานี้ด้วย ทำให้น้ำไม่ท่วม น้ำไม่แล้ง เพราะว่าเขื่อนนั้นจุได้มาก ภายหลังก็มีคนเอะอะโวยวายว่า ถ้าสร้างแล้วจะมีแผ่นดินไหว ก็เลยว่า แผ่นดินนี้ก็จะต้องศึกษา... ...ก็กลัวเหมือนกันว่าสร้างเขื่อนนี้จะทำให้รอยร้าวในดิน เกิดแผ่นดินไหวโครมมาเราก็จะเดือดร้อน แต่ที่เดือดร้อนมากที่สุดคือรอยร้าวในคน คนทุกคน คนเดียวก็ร้าวได้ เออ! อย่างที่กระดูกร้าวต้องปะด้วยกาวอีพ็อกซี่ แต่ว่าระหว่างคนหลายคน ในหมู่คนมีรอยร้าวก็ลำบากมาก จะต้องหาวิธีที่จะประสานสมานความร้าว....

....แล้วก็ที่ท่านนายกฯพูดถึงว่ามีสื่อมวลชนมาพูดมาถาม....เราจำได้ดีทีเดียวที่เขาถาม ถามในห้องทำงาน ห้องทำงานนั้นมีแผนที่ใหญ่อยู่บนฝา....เขาจึงถามมา ที่ท่านทำนี้สำหรับต่อสู้ก่อการร้ายใช่ไหม เราบอกก่อการร้ายอะไร....เราไม่ใช่จะไปปราบก่อการร้าย....เรามาสำหรับปราบความจน ความเดือดร้อนของประชาชน....ในการปราบความจนนั้นก็มีที่ว่าต้องพัฒนาอาชีพ ความเป็นอยู่ของประชาชน คือ อาชีพไม่ใช่เพียงแต่ปลูกผัก ปลูกถั่วปลูกงาให้หลานเฝ้า แต่ว่าเป็นเรื่องของความอยู่ดีกินดี ความรู้การศึกษาอย่างที่กล่าวว่า ต้องช่วยให้การศึกษาดีขึ้น เพราะว่าถ้าการศึกษาไม่ดี คนไม่สามารถที่จะทำงานการศึกษาต้องทุกระดับ ถ้าพูดถึงระดับสูงคือหมายความว่า นักวิทยาศาสตร์ขั้นสูง ถ้าไม่มีการเรียนขั้นประถม ขั้นอนุบาลไม่มี ทางที่จะให้คนไทยขึ้นไปเรียนในขั้นสูง หรือเรียนขั้นสูงเรียนไม่ดี ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็ยังไม่ดีเพราะว่าขั้นสูงนั้นต้องมีรากฐานจากขั้นต่ำ ถ้าขั้นต่ำไม่มี เรียนขั้นสูงต่างๆไม่รู้เรื่อง เมื่อไม่รู้เรื่องก็จะทำอะไรที่น่ากลัว...

...ข้าพเจ้าเองเรียน ในชีวิตที่เรียนตั้งแต่เด็ก เริ่มต้นๆที่เมืองไทยเข้าอนุบาล เข้าอนุบาลอายุ ๓-๔ ขวบ จนกระทั่งถึงเข้าโรงเรียนอายุ ๕ ขวบ แต่ก็ไม่ได้เรียนต่อในเมืองไทย เพราะว่าต้องตามเสด็จฯไปต่างประเทศ และไปเข้าโรงเรียนตั้งแต่อายุ ๖ ขวบถึง ๑๗ เข้าไปอยู่โรงเรียนตั้งแต่อนุบาล จนกระทั่งถึงขั้นมัธยม พยายามศึกษาในหลักสูตรของโรงเรียนที่เขามี ซึ่งก็นับว่าหลักสูตรของเขาน่ะดี เพราะว่าทำให้คิด เขาสนับสนุนให้คิด ไม่ใช่สมัยนี้อย่างนี้เมืองไทยเขาหาว่า ครูบังคับนักเรียน แต่ว่ามาวิธีที่คิดใหม่ของรัฐบาล ต้องให้นักเรียนสอนครู ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าเด็กเพิ่งเกิด เพิ่งเห็นโลกจะสอนครูได้อย่างไร แต่จริง ครูบางคนสอนไม่เป็น รัฐมนตรีบางคนก็สอนไม่เป็น แต่ว่าถ้าสอนให้ถูกหลักทำให้เด็กสอนครูได้ ซึ่งไม่ใช่ว่าถ้าเด็กสอนครู แต่เด็กเกิดมีปัญหาอะไรก็ให้ยอมให้เด็กพูดขึ้นมา เอ๊ะ!นี่อะไร เท่ากับสอนครู คือถ้าเด็กร้องขึ้นมาว่า เอ๊ะ!นี่อะไร โดยมากครูโกรธ ดูถูกครูแล้วทำโทษ หมายความว่าการปฏิรูปศึกษาจะต้องให้มีว่า ให้เด็กเกิดสงสัยได้... ...ถ้าเด็กร้องขึ้นมา เอ๊ะ!นี่อะไร ฟังเอา อันนี้หมายถึงฟังเด็ก เพราะว่าความที่เด็กเนี่ยไม่ใช่เขารู้ เรียนรู้มา แต่บางคนเขามีความคิดที่แปลกแหวกแนว เมื่อมีความคิดแหวกแนวเขาร้องเอ๊ะ! ต้องฟังเขา... ...พอศึกษา ข้าพเจ้าเองก็เกิดสนใจ สนใจประวัติศาสตร์ของพวกมายา พวกมายาเนี่ย เพื่อนๆเด็กๆก็ไม่รู้จัก เพราะว่าไม่เคยเรียน ไม่สอนในโรงเรียน ครูไม่สอน เราก็ต้องสอนครู มันก็แปลกอย่างนี้ เราก็ทำตามนโยบายของท่านนายกฯมา ตั้งแต่ท่านนายกฯยังไม่เกิด เราสอน เราสอนครู และลงท้ายครูเขาก็ยอมรับ ดีอยู่ที่ครูยอมรับ เราก็เลยไม่ถูกดุ ไม่ถูกดุแบนไปเลย แต่ท่านนายกฯก็เห็นว่าควรจะให้เด็กๆ สอนครูได้ถูกต้อง แต่ว่า ให้เด็กสอนครูจนกระทั่งครูไม่ได้สอนเด็ก อันนี้เป็นไปไม่ได้....

...เดี่ยวนี้ทั่วโลกเขาบ่นว่า ขาดน้ำ ขาดน้ำ ในระหว่างที่บ่นว่าขาดน้ำๆ มีคนเขาตายเพราะถูกน้ำท่วม อย่างฝรั่งเศสใต้เดี๋ยวนี้ตายไปเกือบ ๑๐ คนแล้ว ทำไมเพราะว่าเขาไม่ได้ทำโครงการระบายน้ำที่ถูกต้อง.... ...แต่ถ้าเมืองไทยไม่พยายามทำ แก้ไขสถานการณ์น้ำท่วม กรุงเทพฯนี้ คนเขาขู่มาหลายปีแล้ว เราก็ฟังๆไม่อยากพูดว่าจริง แต่ความจริงเป็นจริงได้ ว่ากรุงเทพฯนี่จะท่วม ไม่ใช่เพราะว่าดูดน้ำบาดาล ทรุดก็ทรุดแน่นอน ทรุด เพราะว่ากรุงเทพฯนี่เป็นพรุทั้งอัน ไม่ใช่ไม่เป็นพรุ ที่รู้ว่าเป็นพรุ อย่างสวนหลวง ร.๙ นั่น ขุดไปมันเป็นพรุ ดินมันเปรี้ยว ที่ทั่วกรุงเทพฯนี่ดินเปรี้ยว
มีคนเขาซื้อดิน เพราะว่าคนไปขุดดินมาขาย....คนที่ซื้อดินมาปลูกต้นไม้ ต้นไม้ตายหมด มันเปรี้ยว เลยทำอะไรไม่ได้...

...เราก็แก้ไขจนได้ แก้ไขไม่ให้เปรี้ยวจนปลูกข้าวได้...

...แต่ก่อนนี้ที่ตากใบ เป็นอำเภอที่ติดกับอำเภอเมืองและติดกับเขตแดน ชาวบ้านปลูกข้าวไม่ได้ เขาปลูกข้าวดูตอนแรกขึ้นเขียว ไม่เท่าไหร่ก็เหลือง เหลืองไม่ใช่เพราะว่าสุก ข้าวสุก เหลืองเพราะว่าแห้งตาย มีเป็นหย่อมๆ บางแห่งที่เขียว และในที่สุดได้ข้าว ไร่หนึ่งได้ประมาณครึ่งถังไม่ถึงครึ่งถัง แล้วไปทำวิธีแก้ไข ๒ ปีเขาได้ข้าวไร่ละ ๓๐ ถัง แล้วก็เวลาชวนไปดู ก็ได้เห็น ได้เห็นข้าวเขาใส่ในถุงเล็กๆ เอาวางข้างทาง เราก็จอดอยู่ เขาก็ยกข้าวเป็นถุงๆมาใส่ มันก็เต็มรถ เยอะแยะ เขาบอกเอาไว้กิน บอกไม่ต้อง มีถมเถ เขาขายแล้ว... ...ต่างๆเหล่านี้เป็นเรื่องต้องศึกษา แล้วต้องใช้จินตนาการด้วย ไม่ใช่มีในตำรา ถ้ามีในตำราฝ่ายมลายูก็ทำแล้ว ข้ามฟากไปทางโน้นวิธีปลูกข้าวไม่เหมือนของเรา แต่ของเราเพิ่งพบวิธีปลูกข้าวในพรุ และทำให้นราธิวาสมีกินแล้วก็ขายได้ อันนี้ที่หมายความว่าจะต้องสอนให้เด็กๆมีจินตนาการ ซึ่งตอนนั้นฝ่ายมาเลเซีย ฝ่ายมลายูมีเทคโนโลยีสูง เราก็ชื่นชมรัฐบาลมาเลเซีย ว่าเขาเก่ง เขามีความสามารถ เขาฉลาด ก็จริงเขาฉลาด แต่ตอนนั้นเขาก็ปลูกข้าวไม่เป็น ต้องเอาคนไทยไปสอน แต่ที่เราสอนได้จากคนที่มีความรู้แล้ว เรียนเกี่ยวข้องการเกษตรแล้วมาพลิกแพลง พลิกแพลงให้สามารถทำให้ดินมีผลิตผลได้ เพราะอันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ เกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ จะต้องสามารถที่จะเลี้ยงตัวได้ ถึงเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง แต่เศรษฐกิจพอเพียงนี้ไปก้าวหน้าไปอีกว่าไม่ใช่เพียงแต่ปลูกให้เพียงพอกิน ไม่ใช่พอกินอย่างนั้น มันต้องมีพอที่จะตั้งโรงเรียน มีพอที่จะมีแม้แต่ศิลปะ ทำให้ศิลปะเกิดขึ้นแล้วก็ประเทศชาติ จะถือว่าประเทศไทย เป็นประเทศที่เจริญในทุกทาง เจริญในทางไม่หิว มีกิน คือไม่จนมีกิน แล้วก็มีอาหารใจ อาหารที่จะศิลปะหรือะไรอื่นๆให้มากๆ
ความสะดวกให้สามารถที่จะสามารถสร้างอะไรๆ ได้ นี่ก็เศรษฐกิจพอเพียง แต่เศรษฐกิจพอเพียงสำคัญว่าจะต้องรู้จักขั้นตอน คือถ้านึกจะทำอะไรให้เร็วเกินไปไม่พอเพียง แต่ว่าถ้าไม่เร็วเกินไป หรือถ้าช้าเกินไปก็ไม่พอเพียง ต้องให้รู้จักก้าวหน้า อาจจะเร็วก็ได้แต่ให้ก้าวหน้าโดยไม่ทำให้คนเดือดร้อน อันนี้เศรษฐกิจพอเพียง ก็คงได้ศึกษามาแล้วว่าเราพูดมาตั้ง ๑๐ ปีเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง แล้วก็เศรษฐกิจพอเพียงก็ต้องปฏิบัติด้วย...

....ในเรื่องด้านปกครองทั้งหลาย ด้านวิชาการอื่นๆทั้งหลายมันก็มีพอเพียงเหมือนกัน ตอนนั้นพูดถึงรัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ มีรัฐศาสตร์พอเพียงก็มีเหมือนกัน ถ้าไม่พอเพียงใช้ไม่ได้ จะทำให้เละเทะไปหมด ฉะนั้นก็ที่พูดนี้ตะล่อมให้เข้าใจว่าให้พอเพียงไม่ใช่เศรษฐกิจ ให้พอเพียงในความคิด แล้วทำอะไรพอเพียงสามารถที่จะอยู่ได้ แม้จะกองทัพก็ต้องพอเพียง แต่กองทัพทำอะไรพอเพียงเยอะแยะ ทำโครงการต่างๆที่ช่วยแล้วก็ที่สมควรที่จะทำ แล้วก็ทำได้ ทหารเรือ เรือ ต.๙๑ นั่นละเศรษฐกิจพอเพียง แต่เดี๋ยวนี้ ต.๙๑ ก็พังแล้ว แต่ว่าก็ได้รับราชการมานานพอสมควร อื่นๆก็ควรคิดถึงพอเพียงมาคงต้องพูดเพราะว่านายกฯมาพูดเมื่อวานนี้ที่สนามหลวง แล้วถือธง ถือธงชนะ ไชโย นี่ละทราบดีว่านายกฯไม่ค่อยชอบให้เตือน เพราะว่าเตือนใครเตือนเรามันเคือง มันเคือง แต่จะเล่าให้ฟัง เตือน สมเด็จพระบรมราชชนนี แม่นะ เราอายุ ๔๐-๕๐ แล้ว ท่านมา ท่านชม อู้!เก่งทำให้ในหลวง แม่ชอบ แต่ท่านต่อต้องต่ออย่าลืมตัว ท่านว่าอย่างงั้นทุกครั้ง อย่าลืมท่านพูดว่าอย่าลอย อย่าลอยคือ ท่านใช้คำว่าปอดลอย ลอย ลอย ลอย ไอ้ขานี้มันต้องอยู่กับดิน ท่านบอกว่าชื่อลูก ชื่อภูมิพล ภูมิพลต้องเหยียบดิน ไอ้การลอยไม่เหยียบดิน เสร็จ ใช้ไม่ได้ ภูมิพลเนี่ยเหยียบดิน นี่ไม่ใช่ดิน ข้างใต้พื้นดิน พื้นดิน ถึงเดินไปบนภูเขาก็เดินบนดิน เพราะเฮลิคอปเตอร์ลงมาถึงเดินกับดิน ท่านเตือนอยู่เสมือนว่า ห้ามไม่ให้ลอย จนกระทั่งอายุเกือบ ๖๐ ท่านหยุด ท่านไม่เตือนแล้ว ท่านก็บอกว่าแม่ชอบเท่านี้ ท่านบอกว่าถ้าทำอะไรดีให้รู้ว่าดี แต่ว่าอย่าไปเห่อมากเกินไป แต่อย่างนี้ขอโทษนายกฯ หาว่าตำหนินายก ไม่ใช่ ต้องระวัง ไอ้การชัยชนะของการปราบการปราบยาเสพติดดีเนี่ยที่ปราบ แล้วที่เขาตำหนิบอกว่าคนตายตั้ง ๒,๕๐๐ คน เรื่องเล็ก ๒,๕๐๐ คน ถ้านายกฯไม่ได้ทำ ทุกปีๆจดไว้มีมากกว่า ๒,๕๐๐ คนที่ตาย ที่ตายทั้งคนที่เสพติดแล้วก็ขึ้นไปจะฆ่าคนจะทำอะไร เผาอะไรต่างๆ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่ต้องไปปราบ ปกติก็ตายมากเหมือนกัน แต่ไม่พูดถึงเลย ไม่ไปนับ เดี๋ยวนี้ใครเขาก็ชี้ๆนับ พวกที่ค้า พวกที่ทำก็ตายเยอะเหมือนกัน ก่อนนี้แต่ไม่พูดถึง เชื่อว่าพอๆกับที่จดว่ามีผู้ที่ตายในการสงครามการต่อสู้ยาเสพติด ที่ทราบว่าคนตายเพราะยาเสพติดนี้มากมาย... ...ปีที่แล้วอธิบายว่าทำไมนึกถึงเป็นสงครามคำว่าสงครามเอามาจากปากคนว่า เป็นสงคราม เพราะว่าสงคราม ๒ อย่าง สงครามการเมืองและสงครามเศรษฐกิจ สงครามการเมืองเขาใช้ยาเสพติดนี้มาสำหรับมาบ่อนทำลายประชากรไทย ประชากรของประเทศ เขาก็ไม่ได้ เป็นผลพลอยได้ที่เขาได้เงิน แต่ที่ได้คือทำลายประชากร ให้เป็นคนติดยา เป็นคนที่เขาว่าขี้ยา ขี้ยา คนที่ขี้ยาคิดอะไรไม่ออก บางคนนึกว่าใช้ยาเนี่ยทำให้แข็งแรง ทำให้มีความคิดดี แต่แท้จริงไม่ คนที่เสพยา ตอนนั้นเป็นเฮโรอีนนะ เขาใส่ในน้ำหวาน ใส่ในกาแฟแล้วก็หลอกทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่...

...การปกครองสมัยนี้แปลกดี กลับไปเหมือนดังเก่า กดให้ประชาชนรับผิดชอบ ตอนนี้คนที่เดือดร้อนคือข้าพเจ้าเอง เดือดร้อนท่านรองนายกฯ มาบอกว่าทรงเป็นซูเปอร์ซีอีโอ ใช้คำอะไรจำไม่ได้แล้ว แต่ว่าเข้าใจว่าเป็นซูเปอร์ซีอีโอ เราก็ลงท้าย เราก็รับผิดชอบทั้งหมด ประชาชนทั้งประเทศ ประชาชนทั้งประเทศโยนให้พระเจ้าอยู่หัวรับผิดชอบหมด ซึ่งผิดรัฐธรรมนูญนะ รัฐธรรมนูญบอกว่าพระเจ้าอยู่หัวไม่รับผิดชอบอะไร...

...เมืองไทยนี่ประหลาดวิธีปกครองแต่ยังไงก็ตาม นายกฯรับผิดชอบทุกอย่าง ถ้ารับผิดชอบทุกอย่างก็ต้องยอมรับการตำหนิ คือถ้าจะรับผิดชอบทุกอย่าง ผมอย่างหนึ่งคนเดียว ผมสั่งคนเดียว ถ้าเป็นอย่างนั้น คนก็ชี้คนเดียวนะ ถ้ารับผิดชอบคนเดียว คนก็ชี้คนเดียว ฉะนั้นก็เป็นของที่ธรรมดา แต่ถ้าทำดี เรียบร้อย ทุกคนได้รับประโยชน์ทั้งหมดทุกคนได้รับประโยชน์ แล้วก็ตัวเองก็ได้รับประโยชน์ เพราะว่าทำอะไรรับผิดชอบสิ่งที่ทำดี ก็โก้ คนรับผิดชอบในสิ่งที่ดีที่ถูกต้อง อันนี้ที่สำคัญ ฉะนั้นไม่ต้องโกรธ ต้องภูมิใจ แต่ว่าต้องพยายามที่จะพิจารณาว่า อะไรมันจริง อะไรไม่จริง ในที่นี้ ๒๕๐๐ คน จริงหรือไม่จริง อ่านหนังสือพิมพ์เขาบอกว่า โอ!รัฐบาลทำไม่ดีทำรุนแรงเกินไป ไปพิจารณาอ่าน ให้อ่านหนังสือพิมพ์ อ่านเหล่านั้นแล้วก็ให้เขาเขียนหนังสือพิมพ์ เขาติ ตำหนิเรา ก็ฟังเขา ว่าเขาตำหนิอะไร และถ้าเขาตำหนิถูกต้องก็ขอบใจเขา ถ้าตำหนิไม่ถูกก็บอกว่าอันนี้มันไม่ถูก เบาๆหน่อย

แต่ว่าที่เดือดร้อน คนที่เดือดร้อนคือพระมหากษัตริย์เดือดร้อน เพราะว่าใครตำหนิไม่ได้ เราไม่ได้บอก ท่านที่เขียนรัฐธรรมนูญบอกว่าพระมหากษัตริย์ใครตำหนิไม่ได้ ใครละเมิดไม่ได้ แล้วทำไมเขียนอย่างนั้นไม่ทราบ ใครละเมิดมิได้ ถ้าละเมิดไม่ได้ เราก็ไม่รู้ว่าเราทำถูกหรือไม่ถูก ก็เลย แต่ท่านไม่อยู่แล้ว คือแม่ ต้องเชื่อ เราเชื่อคนเดียว เชื่อแม่คนเดียว แต่ท่านอยู่บนสวรรค์ ท่านก็เดี๋ยวนี้ท่านก็อยู่นี่ ท่านก็ตักเตือนอยู่ว่าให้คิดดีทำดี ถูกต้อง

และนี่ก็ให้โอวาทกับตัวเอง เพราะว่าไม่มีใครให้โอวาทแล้ว แล้วสบายใจ ก็เข้าใจว่าท่าน ท่านทั้งหลายอาจจะได้ยินสมเด็จพระบรมราชชนนี ท่านให้โอวาทลูก แล้วเราก็ให้โอวาทข้าราชการ ใครต่อใครที่อยู่ในที่นี้ ประชาชนทั่วไปว่า ทำอะไร ถ้าทำดีก็ปลาบปลื้มกัน ถ้าทำไม่ดีพิจารณาตัวเองว่า ไม่ดี เว้นไว้ดังนี้ที่ควรจะเป็น พวกนี้ก็ประชาชนเหมือนกัน พวกนี้บางทีเขานึกว่าไม่เป็นประชาชน บางทีก็เป็นประชาชนนั่นแหละ ถูกให้โอวาทเหมือนกัน คนเขาว่าไม่ได้ให้โอวาท คนเขาว่าให้โอวาทจนเสียงแหบแล้ว ก็ถ้าไม่ฟังก็เป็นเรื่องของเขา เหมือนกัน ถ้าให้โอวาทท่านทั้งหลายไม่ฟัง จนเราเสียงแหบ ก็ไม่เป็นไร ท่านเดือดร้อน ท่านเดือดร้อนจริงๆ ถ้าสมมติว่าให้โอวาทแล้วก็ท่านไม่ฟังท่านต้องเดือดร้อน แต่ว่าถ้าฟังไปคิดก็เชื่อ ไม่ใช่มาอวดว่าพูดดี ว่าพูดถูกต้องทุกอย่าง แต่ว่าพยายามอย่างน้อยที่จะพูดให้คนคิดคำว่าบอกว่าให้แต่ละคนคิดดีๆ ก็ไม่เสียหายอะไร เพราะว่าทำให้งานที่ท่านทำ ...ท่านเป็นผู้ใหญ่คนโตงานผู้ใหญ่คนโตทำ ...ก็ทำให้มีเกิดประโยชน์กว้างขวางไปได้....ทำให้เกิดผลแก่คนอื่นมากมาย อย่างที่ตัวเองรู้สึกว่า พูดเนี่ย พูดออก ไม่ใช่ออกทีวี ไม่ได้ออก แต่ออกวิทยุสด สดนะที่พูดเนี่ย ไปทั่วไปถึงนราธิวาส ไปถึงเชียงราย ไปถึงสกลนคร ทั่วทุกทิศ คนที่ฟังเขาฟังได้ ก็เขา ก็เข้าหูเขา เขาก็ต้องคิด คนที่ฟังเขาคิดแล้วก็คิดว่า พระเจ้าอยู่หัวพูดดีก็เอาไปใช้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ที่จริงที่พูดเนี่ยเป็นทรัพย์สินทางปัญญา แล้วคนเอาไปหากิน ก็ยอมให้ไปหากิน

คำพูดถ้าเราถือว่าเราพูดดี เอาไปหากิน ถ้าหากิน คนก็จะมีความสุข...

...ขอให้ทุกๆท่านที่มา ทุกทั่วไป ทุกแห่ง ทุกข้างนอกและข้างใน ให้มีความร่มเย็น ให้มีความเจริญทุกคน งานการอะไรที่ทำให้มีผลสำเร็จที่ดี ก็ขอขอบใจท่านทั้งหลายที่มา

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ
ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิตฯ
วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๔๖ เวลา ๑๗.๐๐ น.
(จาก น.ส.พ.ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๖)

- สารอโศก อันดับที่ ๒๖๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๖ -