เนื่องจากวันจันทร์ที่ ๘ กันยายน ๒๕๔๖ ที่ผ่านมานี้ มีเจ้าหน้าที่จากรายการทีวีช่องหนึ่ง มาขอสัมภาษณ์ เกี่ยวกับการดื่มปัสสาวะ ตอนแรก พอฟังชื่อรายการแล้วคิดหนักอยู่เหมือนกันค่ะ เพราะเกรงว่า เขาจะนำเสนอข้อมูลของน้ำฉี่ เป็นเรื่องที่แปลกที่พิสดารออกไป แต่พอพูดคุยในรายละเอียดแล้ว ก็ได้ความว่า เนื่องจากตอนนี้ประชาชนได้หันมาดื่มปัสสาวะกันมากขึ้น จึงอยากได้ข้อมูลจาก ประสบการณ์ตรง ของผู้ที่ดื่มจริง นำไปเสนอกับผู้ติดตามรายการ ดังนั้นจึงได้ติดต่อมาที่สันติอโศก ซึ่งก็เป็นที่น่าดีใจนะคะ เดี๋ยวนี้เวลาโทรศัพท์เข้ามาหากเป็นเกี่ยวกับเรื่องปัสสาวะ ประชาสัมพันธ์ ก็จะประกาศ หาดิฉันทันที เป็นอันรู้กันว่าเรื่องฉี่นี้ต้อง"จุลดิน"แน่นอน ก็ดีเหมือนกันค่ะ ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญ ในด้านการดื่มฉี่ ซึ่งระยะเวลาที่ดื่มมาก็ประมาณเกือบ ๑๐ปี ก็พอการันตีได้เหมือนกัน ทดลองมาทุกอย่าง หากท่านใดสนใจรายการขอเชิญติดตามได้ค่ะ ช่อง ๙ รายการโหด หวีด สยอง ที่มีคุณนิรุต ศิริจรรยา เป็นพิธีกรคืนวันจันทร์เวลา ๓ ทุ่ม-๔ ทุ่มค่ะ และคำถามข้อหนึ่งเขาถามว่า ในน้ำ ปัสสาวะนั้น ประกอบไปด้วยอะไร และมีประโยชน์อย่างไรบ้าง แล้วก็มีสมาชิกใหม่บางคน ได้สอบถามตรงนี้ เข้ามาเหมือนกัน

ดังนั้นฉบับนี้ดิฉันจึงขอนำข้อมูลนี้มานำเสนอแก่สมาชิกใหม่อีกครั้งหนึ่งค่ะ จากข้อมูลของแพทย์ทางเลือก ขอเชิญติดตามได้เลยนะคะ


ฉี่ประกอบด้วยอะไรบ้าง ?
๙๕% ของฉี่ คือ น้ำ
๒.๕% เป็น ยูเรีย (UREA)
๒.๕% เป็นส่วนผสมของเกลือแร่, เกลือ,ฮอร์โมน,เอ็นไซม์และภูมิคุ้มกัน (Mixture of minerals, salt, hormones, enzymes and antibody)

ฉี่ เป็นสารที่ไม่มีพิษ (Urine is not toxic substance.) และไม่มีอาการข้างเคียง นอกจากถ้าดื่มมาก อาจจะมีอาการท้องเสียบ้าง

-มีการวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ ชาวออสเตรเลีย ๒ คน พบว่า เมื่อดื่มฉี่จะทำให้ เรามีสมาธิ จิตใจสดชื่น อารมณ์ดีขึ้น แจ่มใส เพราะในฉี่มีฮอร์โมน ชื่อ เมลาโธนิน (Melatonin) จะพบในฉี่ตอนเช้า

-นอกจากนี้ในฉี่ยังมีเอ็นไซม์ (enzymes) ที่ชื่อว่า Urokinase ที่ช่วยละลายไม่ให้เลือดแข็งตัว ช่วยในกรณีคนเป็นโรคหัวใจอย่างรุนแรงได้

-ในงานวิจัย ค้นพบว่าฉี่ของแต่ละคนจะมีผลต่อการทำงานในร่างกายของแต่ละคน(เจ้าของฉี่) โดยจะทำหน้าที่เป็นวัคซีนธรรมชาติ เป็นตัวต่อต้านแบคทีเรียและไวรัส ต่อต้านสารก่อมะเร็ง ทำให้ เกิดความสมดุล กับฮอร์โมน และ ช่วยเรื่องภูมิแพ้


ความอัศจรรย์ของการดื่มน้ำปัสสาวะ

เราคงรู้สึกพิลึกถ้ามีคนมาบอกว่าให้เราดื่มน้ำปัสสาวะ แม้จะบอกว่าน้ำปัสสาวะเป็นยารักษาโรคอันวิเศษ ทั้งคนป่วยและคนไม่ป่วยคงไม่มีใครอยากเชื่อ และส่วนใหญ่ถึงกับร้อง"ยี้"พร้อมทำหน้าสะอิดสะเอียนออกมาอย่างไม่รู้ตัว เพราะเราต่างรู้สึกว่า ปัสสาวะเป็นสิ่งโสโครกที่ร่างกายเราขับออกมา แล้วเราจะกลับดื่มเข้าไปได้อย่างไร

มีข้อมูลยืนยันถึงประสิทธิภาพของน้ำปัสสาวะดังที่ได้จากหนังสือเรื่อง มะเร็งแห่งชีวิต ของ ดร.สาทิส อินทรกำแหง ดังนี้คือ

"ในระหว่างที่หลวงพ่อชาเดินธุดงค์และอยู่ประจำวัดป่าเป็นเวลาหลายสิบปีนั้น ท่านเจ็บหนักหลายครั้ง และโรคประจำตัวของท่าน คือโรคหืด ก็ซ้ำเติมท่านอย่างรุนแรง ท่านได้ลองดื่มน้ำปัสสาวะ เพราะท่านคิดว่ามีคุณสมบัติเป็นยา จนกระทั่งรักษาตัวเองให้หายจากโรคหืดได้"

ตำราไทยของเราก็ใช้ปัสสาวะของเด็กอ่อนเป็นน้ำกระสายแก้ร้อนใน แก้ช้ำใน แก้ไอ และหอบหืด ยาสำคัญอย่างหนึ่งของพระกรรมฐาน หรือพระวัดป่าต่างๆ ก็คือ ยาดองน้ำปัสสาวะ อร่อยมาก ชุ่มคอ ไม่มีกลิ่นปัสสาวะเลย

ตำราจีนก็ใช้ปัสสาวะผสมกับตัวยาอื่นๆหลายอย่างเหมือนกัน

ตำราอินเดียยิ่งน่าสนใจมาก ใช้ปัสสาวะเป็นเรื่องใหญ่ในตำรายาหลายตำรา

เมื่อประมาณสิบกว่าปีมาแล้ว มีข่าวใหญ่ทั่วโลกว่านายกรัฐมนตรีอินเดีย ชื่อ เด ซาย ประกาศว่าท่านดื่มน้ำปัสสาวะทุกวัน ท่านแข็งแรง กระชุ่มกระชวย ไม่แก่ และเมื่อไม่นานมานี้นายแพทย์ชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งได้ค้นพบยาแก้มะเร็งซึ่งสกัดจากปัสสาวะ

ปัสสาวะซึ่งสกัดออกมานี้มีสารที่สำคัญที่สุดสำหรับการรักษามะเร็งคือ อินเตอร์เฟอรอน (Interferon)

สำหรับเรื่องการค้นพบอินเตอร์เฟอรอนจากปัสสาวะนี้ เป็นข่าวใหญ่ที่น่าสนใจอย่างยิ่งในวงการแพทย์ ผู้ค้นพบคนแรกคือ อลิคส์ ไอแซคส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสของอังกฤษเมื่อปี ค.ศ.๑๙๕๗ อินเตอร์เฟอรอนเป็นโปรตีนจากพลาสม่า และพลาสม่าคือส่วนประกอบซึ่งเป็นของเหลวในเลือด

อลิคส์ ไอแซคส์ ค้นพบว่า โปรตีนชนิดหนึ่งซึ่งเกิดในพลาสม่า ระหว่างที่เกิดการอักเสบจากไวรัสนั้น สามารถจะยับยั้งการเจริญเติบโตของไวรัสได้ ในเมื่ออินเตอร์เฟอรอนเป็นโปรตีนจากปัสสาวะจึงสามารถสร้างความต้านทานให้กับร่างกายเพื่อสู้มะเร็งได้

พบกันใหม่ฉบับหน้าค่ะ

 

- สารอโศก อันดับที่ ๒๖๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๖ -