เอาพิษภัยออก...จากชีวิตเดิมๆ ๑. ลดการไม่ถือสา คือ โกรธ เกลียดลงได้มาก อายุ ๖๕ ปีแล้วขณะนี้สนใจการทำดีท็อกซ์และได้ทำมาเป็นเวลา ๖ เดือน โดยทำ
๗ วันต่อครั้ง เมื่อครั้งอายุ ๒๕ ปี เคยป่วยเป็นโรค ตับอักเสบ จะมีอาการท้องผูก - ขวนขวายเอาพิษภัยออก เพื่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีกว่าเดิม ทำมากได้ผลมาก ทำน้อยได้ผลน้อย ตามกำลัง นำความคิดดี คำพูดดี และการกระทำที่ดีเข้าไปดีท็อกซ์ เอาความคิดไม่ดี คำพูดไม่ดี และการกระทำ ที่ไม่ดี ออกไปจากชีวิต... น่าอนุโมทนา ในการพึ่งตนเอง... (การดื่มน้ำน้อยเกินไป อาจเป็นสาเหตุหนึ่ง ของโรคท้องผูกได้) - บ.ก. ติดอยู่ที่ชื่อ - ชื่อนั้นสำคัญไฉน?
ใครยึดไว้ก็ทุกข์ ไม่ยึดไม่ถือสาก็ไม่ทุกข์ จะเห็นเป็นของธรรมดาๆ
ที่คนเรามีชื่อ ไว้เรียกกัน ไม่ให้ผิดฝา ผิดตัว เท่านั้นเอง เขาจะชื่ออะไรก็ช่างเขาปะไรเล่า
ไม่ใช่ชื่อเราก็แล้วกันนี่ อย่าแต่งงานเลย แต่ส่วนหนึ่งลึกๆในใจดิฉัน คงมีสักวันถ้าดิฉันพ้นวิบากเมื่อดิฉันหมดภาระ
เพราะแต่งงานนี้เอง จึงทำให้ ดิฉันเหมือน ติดบ่วงกรรม (คือการกระทำของตัวเอง)
สมน้ำหน้าตัวเอง เสียเหลือเกิน อยากโง่ จึงอิจฉา คนที่ไม่แต่งงาน ไม่มีภาระ
สามารถ ทำให้ตัวเองสูงขึ้นได้ เพราะปฏิบัติธรรม ได้อย่างบริสุทธิ์ ศีล ๕
ศีล ๘ สูงขึ้นได้จริงๆ ผิดกับคนมีครอบครัวจะถือศีล ๘ ก็คงเป็นไปยาก เพราะทางครอบครัวไม่ยอมก็ทำไม่ได้
ทะเลาะกัน ทุกวันนี้ ดิฉันก็เริ่มจะเห็นทุกข์ ในการแต่งงาน บ้างแล้ว อยากออกจากบ่วงกรรมอันนี้
ถ้าใครยังไม่แต่งงาน ก็อย่าแต่งเลย มันทุกข์จริงๆ ทุกวันนี้ ก็พยายามเคร่งครัดที่ตน
ผ่อนปรนคนอื่นเสมอเลย ไม่งั้นบ้านแตก - ผู้รู้ท่านว่า เห็นทุกข์จะทำให้เห็นธรรม แม้แต่งงานแล้วก็สามารถอาศัยเหตุปัจจัย ของการมี ครอบครัว ให้ประพฤติธรรมให้ดี ให้มั่นคงได้ ที่สำคัญอย่าท้ออย่าถอย ให้หมดกำลังใจซะก่อน อย่าละเลยการอ่าน และการฟังธรรมนะ พ่อท่านเคยสอนไว้ว่า ผู้รู้ตัวว่ามี"ภาระ"แล้วรู้จักขีด "ขอบเขต" ของภาระไม่ให้โตใหญ่ หรือเพิ่ม ให้แรงขึ้นมาอีก และไม่หา "ภาระ" ใหม่มาให้ตน อย่างฉลาด ก็มีวันจะสิ้น "ภาระ" ได้แน่นอน - บ.ก. น้ำใจจากคุณยาย ดิฉันและลูกๆ หลาน เพื่อนๆพากันไปขึ้นไปกราบพระบรมสารีริกธาตุ ได้พากัน ๙ คน สวดมนต์ ทำวัตรเช้า อยู่ชั้นบนสุด ได้เห็นศพพระอาจารย์หญิง (คุณป้าสันติยา ผู้มอบถวายที่สร้างสันติอโศก) ที่นอนในโลงแก้ว เป็นอนุสติ เตือนใจลูกๆ ของดิฉันว่า การงานที่ลูกๆทำนั้น มันเป็นงานส่วนหนึ่ง ของชีวิต และธรรมชาติ ของคนๆหนึ่ง ฉะนั้นไม่ควรเครียด คิดมาก กับตำแหน่ง ยศ ที่มันไม่มาถึง ไม่ได้เลื่อนขั้นสูงขึ้นไป เพราะลูกๆ ยังทำความดี และงานไม่เรียบร้อยดีพอ จงพยายาม ทำความดี เพิ่มขึ้นๆ ลูกๆได้ฟังท่านจันทร์เทศน์ เรื่องสุนัขขี้เรื้อนตัวหนึ่ง ให้ประชาชนฟัง ลูกๆได้ฟังจบแล้ว เขาก็ลดละตัวตน ลงหน่อยหนึ่ง ดิฉันก็พยายามพาไปวัด ทุกอาทิตย์ เพื่อไม่ให้เขาเครียดกับงาน และตอนนี้ ๕ เดือนเศษๆ ลูก ๒ คน อาการเครียด ลดลงไปมาก ได้สอนลูกสวดมนต์ ปฏิบัติ นั่งสมาธิดูลมหายใจเข้าออก เขาก็ยอมทำตาม นี่คือผลแห่งการถือศีล สวดมนต์ ทำวัตรเช้า -เย็น และได้มาสันติอโศกทุกๆอาทิตย์ แม้เวลาครึ่งชั่วโมง คนเราถ้าได้มาเข้าวัด ประจำจิตใจ จะเยือกเย็นลง และเข้าใจ ชีวิตดีขึ้นๆ ลดละตัวตนลงไป ดิฉันปฏิบัติมา ๑๕ ปี ได้อ่านหนังสือของทางสมาคมผู้ปฏิบัติธรรมส่งให้ไป
ดิฉันอ่านหมด และ จะนำคำสอน ของพระพุทธเจ้า มาปฏิบัติตน หนังสืออ่านจบนำไปไว้ที่โรงพยาบาลตา - ยุคสมัยนี้จะหาผู้มองโลกแง่ดียากขึ้นทุกวันๆ คุณยายสายทองเป็นตัวอย่างของผู้มองโลกแง่ดี ที่ชัดเด่น มากผู้หนึ่ง นับเป็นโชคดี ของลูกหลาน และผู้ใกล้ชิดที่ได้รับน้ำใจจากคุณยาย ทั้งทำตนเป็นตัวอย่าง และนำพา ลูก-หลาน-เพื่อนบ้าน มาสู่เส้นทางพุทธธรรม หากเขาเหล่านั้น เข้าใจและเห็นสำคัญ คงจะน้อมนำ มาปฏิบัติ และได้รับผล อันควร แก่เหตุปัจจัยของตนๆ - บ.ก.
ทำงาน ก็ฝึกสติตามรู้ดูอารมณ์ได้ สำหรับผู้ร่วมงานกับเรา ดิฉันก็พอเข้าใจเขา ซึ่งก็พบว่ามีความคิดเห็นไม่เหมือนกัน
เพราะเขายัง ไม่พบพระ ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ แบบชาวอโศก พบแต่พระข้างนอกซึ่งมีทัศนคติค่อนข้างไม่ค่อยดี
ดิฉันก็พอจะพูดได้บ้าง เท่าที่จะพูด ให้เขาเข้าใจได้ ซึ่งก็ต้องอาศัย เวลาเหมือนกัน
บางครั้ง ก็อาศัยหนังสือ สารอโศก ที่เคยได้รับ นำมาอ่าน ให้เขาฟังบ้าง หรือให้เขาอ่านเอง
แถวบ้านดิฉัน มีคนสนใจอ่านเหมือนกันแต่น้อย เมื่อมีหนังสือ มาถึง ถ้าอ่านจบแล้ว
ดิฉันจะยกให้เขาอ่านเลย ซึ่งเขาก็ยินดี รับไปอ่านเช่นกัน - ผู้ปฏิบัติธรรมชาวพุทธมีวิถีชีวิตที่สัมพันธ์กับผู้คนกับสังคม ไม่โดดเดี่ยวหรือปฏิเสธผู้คน หรือ สังคม อีกทั้ง ยังอาศัย ปฏิสัมพันธ์นี้ เป็นเครื่องมือในการพัฒนาตัวเองได้ด้วย โดยเรียนรู้ ทำความรู้จักตัวเรา เพื่อจะได้เข้าใจ ผู้อื่นยิ่งขึ้น ไม่ว่าใครจะดี ใครจะเลวอย่างไร เราก็สามารถ นำมาสอนตัวเรา เตือนตัวเราได้เสมอ ที่สำคัญ... หากเรารู้จักตัวเองดี เราจะเป็นมิตรกับใครๆ ได้ง่ายขึ้น - บ.ก. ยินดีที่ได้รู้จักกัน
ผมเคยแต่คิดว่าค้าขายต้องมีกำไร แต่เพิ่งเคยได้ยินได้ฟังคำว่าขายต่ำกว่าทุน
หรือติดฉลากว่า ต้นทุนเท่าไหร่ ขายเท่าไหร่ ก็ที่อโศกนี้เท่านั้น ตลาดอาริยะเป็นอีกแห่งที่ผมอยากไปชม
เป็นตัวอย่างที่หาดูได้ยากในปัจจุบัน ถ้าไม่ได้อ่าน สารอโศก ก็ไม่เข้าใจตลาดอาริยะ
สรุปคือ ชาวอโศกเป็นตัวอย่าง ขยัน ประหยัด อดทน เสียสละ และอีกมากมาย - หากมีโอกาสได้ไปร่วมบรรยากาศจริงๆในงานตลาดอาริยะปีใหม่ ที่ราชธานีอโศก จ.อุบลฯ ที่จะจัดทุกๆ ปลายปีต่อต้นปี ทุกปี ในงานจะได้รู้จักชาวอโศกในอีกหลายแง่หลายมุม ซึ่งเป็น ของจริงสดๆ กันเลย การได้รู้ ได้เห็น จะชัด-จริงกว่าการอ่านหนังสือมากเป็นหลายเท่า เราชาวอโศก ทำได้เพราะเชื่อในคำที่พ่อท่าน พาพิสูจน์ที่ว่า.... สังคมใด มีคนที่ดีใจ เพราะ "ได้ให้" มากกว่า มีคนที่ดีใจเพราะ "ได้รับ" สังคมนั้น ย่อมสุขเย็น และแน่นแฟ้นถาวร ยิ่งกว่าสังคม ที่มีคนตรงกันข้าม ดังกล่าวนั้น ทุกวันนี้ชาวอโศกได้ฝึกเสียสละ -กล้ายอม ให้ออกไปได้ ด้วยจิตยินดี พอใจ ซึ่งวิถีชีวิต อย่างนี้ หากอยากได้ต้องร่วมกันสร้างขึ้นมา ด้วยตัวของเรา แต่ละคนนั้นเอง - บ.ก.
"วิถีพุทธ"
สวนกระแสโลกีย์ ขอกราบขอบพระคุณยิ่งที่ได้ส่งหนังสือสารอโศกให้ดิฉันได้อ่านเสมอมาค่ะ ขณะเดียวกัน
ดิฉันได้ฟัง เท็ปธรรมะ -ซีดีจากธรรมโสต สันติอโศกมาโดยตลอดค่ะ เมื่ออ่านแล้ว
ดิฉันได้แบ่งปัน ให้ญาติ -คนรู้จักได้อ่าน และมีเพื่อนครูคนหนึ่ง สนใจมานาน
จะสมัครเป็นสมาชิก ดิฉันได้ถ่ายเอกสาร ระเบียบการฯ -ใบสมัครซึ่งอยู่ท้ายเล่มดอกหญ้า
ฉบับ ๑๐๙ ให้เพื่อนครู กลุ่มครู ที่เคยนำนักเรียนไปเข้าค่าย ยุวชนคนสร้างชาติ
ที่สังฆสถานหินผาฟ้าน้ำ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ ได้ตั้งกลุ่ม วิถีพุทธ และเชิญชวนให้ทางโรงเรียน
สมัครเป็นโรงเรียนวิถีพุทธ ซึ่งรองผู้อำนวยการ โรงเรียนฝ่ายวิชาการเห็นด้วย
ส่งใบสมัครแล้ว รอง ผอ.ฝ่ายวิชาการ เป็นหัวเรือใหญ่ของกลุ่ม ดิฉันดีใจมาก
ที่สถานที่ทำงานของดิฉัน กำลังได้รับการสนับสนุน และ เปลี่ยนแปลง ในทางจิตใจ
มากขึ้น ดิฉันเตรียมอาหารกลางวันไปรับประทานที่โรงเรียนทุกวัน เพื่อนครูหลายคน
ก็มารับประทานด้วย "ตัวอย่างที่ดี มีค่ากว่าคำสอน" อนุโมทนาด้วยกับการรวมกลุ่มกันทำสิ่งที่เป็นกุศล เป็นบุญของ เยาวชน คนสร้างชาติ ที่ได้เห็นคุณครูแม่แบบของเขา นำพาทำสิ่งที่ดีงามฝากไว้ให้ ศีลห้า จะทำให้โลก และสังคมสงบร่มเย็น และผู้มีศีล ๕ คือ ครูที่โลกต้องการ หากเราได้เรียนรู้-ทำความเข้าใจ เรื่องศีลแต่ละข้อๆของตัวเราเองบ่อยๆ เราจะมีเพื่อนดีๆมากขึ้น โดยเฉพาะตัวเรา จะเป็นมิตรดี สหายดีของเราเองได้ "ศีล" นี่แหละจะพาเราไปสู่ดี พาเราไปสู่ทางเจริญ - บ.ก.
สะสมบุญ จงประณีต.... ศีลข้อที่ ๑ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาไก่เข้ามาในบ้าน ผมเอาไม้ตีไก่ ไม่ได้เจตนาจะตีให้ตาย เพียงแต่ ไล่ออกไป แต่ตีแรงไปหน่อย โดนเข้าตรงหัว ไก่เลยชักนอนชักไปไม่รอดแต่ยังไม่ตาย ผมเลยโยนไก่ ออกไปทางหน้าต่าง ด้วยไม่เจตนาอีกเช่นกัน หัวไก่ไปโดน กับขอบหน้าต่าง ไก่เลยตาย ก็เสียใจ แต่จะทำไงได้ ก็ขอรับบาปไป ขอเริ่มต้นใหม่ต่อไปจะไม่ใช้ไม้ไล่ไก่อีก และบางครั้ง ก็ตบยุง ตายไปบ้าง บางครั้งก็เจตนาบางครั้งก็ไม่เจตนา ก็ต้องเริ่มต้นใหม่อีกเช่นกัน ที่ตบยุงไม่ได้เจตนา แต่บางทีมันรำคาญ เลยตบเอาบ้าง ขอสัญญาว่าผมขอเริ่มต้นใหม่ ศีลข้อ ๒ ไม่ได้ลักขโมยของๆใคร การให้ทานก็มีบ้าง เช่น ซื้อน้ำเต้าหู้ให้ป้า ซื้อผลไม้ให้ญาติ ให้เสื้อผ้า แก่เพื่อนบ้าน ซื้อโอวัลติน ไปให้เพื่อนบ้าน ที่เจ็บป่วย มีเงินน้อยก็ให้น้อย ศีลข้อ ๓ ไม่ผิดลูกเมียใคร แต่มันมีใจเขวไปชอบคนอื่นอยู่บ้างบางครั้ง แต่ก็ได้แค่ใจก็พยายาม ไม่มากไปกว่านั้น บางครั้ง รู้ตัวเองดีว่า ตนเองเป็นคนชอบ ก็เราปฏิบัติธรรม เพื่อการบรรลุนิพพาน คือเป้าหมาย หากเราเสียเวลากับผู้หญิง ชาตินี้คงไม่บรรลุแน่ ก็พยายามห่างๆเอาไว้ ไม่เคย ล่วงเกินใครๆ เป็นคนซื่อ บางครั้งเหมือนคนโง่ ศีลข้อ ๔ มีบ้างที่ผิดพลาดอาจพูดปดบ้าง เผลอไปแต่น้อยมาก ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดลามก จะพยายาม แก้ไขตนเอง จะไม่พูดปดขอสัญญากับชาวอโศกทุกท่านจะเป็นคนดีให้ได้ ไม่พูดเพ้อเจ้อ ศีลข้อ ๕ ไม่ดื่มสุรา ไม่เล่นการพนัน ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดูหนังไร้สาระ ยังติดในรูปยังติดในเสียง สิ่งที่ได้จากการอ่านคือได้ความรู้ ได้ตัวอย่างของการปฏิบัติ ได้ความคิดเป็นตัวส่งเสริม
ให้เราเอาจริง กับการปฏิบัติธรรม เพื่อมรรคผล และเพื่อสังคมได้รับคือการเป็นคนดี
ลดละเลิก ในอกุศลทั้งปวง หนังสือมีแง่คิดที่ดี หลายอย่าง อยากให้ลงเรื่องเกี่ยวกับ
การเกษตรธรรมชาติบ้าง ขอพูดเรื่องการศึกษาหน่อย ไม่ทราบว่า การศึกษาในปัจจุบัน
เป็นไปเพื่ออะไร มีคุณภาพแค่ไหน ทำไมคนไทย จึงไปเรียนเมืองนอกกันมาก เมืองไทยการศึกษาไม่มีคุณภาพหรือไง
คนไทย ขาดความรู้ เรื่องเทคโนโลยีระดับสูง เราก็ยอมรับ ทำอย่างไรให้คนไทยมีความคิดสร้างสรร
คนไทยใจดีมีศีลธรรม แต่เราด้อยในเทคโนโลยี อัลเบิร์ต ไอส์ไตน์ นับถือศาสนาพุทธ
เป็นคนมี IQ สูงมาก ยอมรับในศาสนาพุทธ แต่คนไทยกลับไม่เข้าใจ
นศาสนาพุทธ ขอให้ช่วยลง เกี่ยวกับ เรื่องเด็กบ้าง เช่น นิทานเด็กดี เผื่อเด็กๆได้อ่านให้เขาเป็นคนดีในอนาคต
ผมยังกินมังสวิรัติ (เจ) ศีล
๕ อาชีพกรีดยาง - เรียนรู้ "ศีล" ด้วยการนำมาตรวจพฤติกรรมตนทางกายทางคำพูดและทางใจบ่อยๆ เป็นการกระตุ้น "สำนึกดี" ที่มีอยู่ ให้ทำงานกระฉับกระเฉงขึ้น เราจะละอาย เราจะแคร์บาป มากขึ้น น่าชื่นชม ผู้ล้มแล้วพยายาม เริ่มต้นใหม่ สร้างกำลังใจ ให้แข็งแรง ตั้งใจให้ดี ทำจริงได้จริง ทำเล่นก็จะได้เล่น ชีวิตเราไม่แน่นอนเลย ความเจ็บป่วย หรือพิการ จะมาเยือนเรา เมื่อไหร่ก็ได้ อย่าประมาทเลย... แม้วิบากกรรมที่เห็นว่าเล็กน้อย หรือไม่ได้เจตนาจะทำบาป ก็เป็นทรัพย์แท้ๆ ที่เราสะสมไว้ เป็นของเราจริงๆนะ - บ.ก. สำหรับคุณคำเดื่อง หากอ่านสารอโศกนี้ ก็ติดต่อส่งข่าวมาด้วยเด๊อ!....มีผู้ระลึกถึง.....
ผู้ไม่มีศีลก็เป็นเช่นนี้แหละ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่หมู่บ้านใกล้ๆหมู่บ้านของดิฉันเอง มีพระสงฆ์รูปงามรูปหนึ่ง มาพักอยู่ที่วัด ในหมู่บ้านนั้น (ทราบว่ามาจากขอนแก่น) เมื่อมาพักที่วัดชาวบ้านจึงดำริว่า น่าจะมีแม่ออก (คนที่นำข้าวจังหันข้าวเพลไปถวาย) ปรากฏว่าแม่ออก เป็นภารโรง เป็นคนในบ้านนี้แหละ เมื่อเวลาผ่านไป จากการเป็นแม่ออก ทำให้พระได้พูดคุยกัน กับบ้านแม่ออก เป็นประจำ จนมีความสนิทสนม คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี (ลืมพูดไปว่าบ้านภารโรงนี้ มีลูกสาวกำลังเรียนอยู่ชั้น ม.๒ คนหนึ่ง) จากการสนิทสนมกับพ่อแม่ ทำให้สนิทสนมกับลูกสาวไปด้วย เมื่อสนิทสนมกันมาก ซื้อโทรศัพท์มือถือ ให้ลูกสาว ลูกสาวเอาไปอวดเพื่อนๆ ที่โรงเรียนด้วย บอกว่า "หลวงพี่ซื้อให้" ต่อมาพระรูปนี้ ก็บอกกับพ่อแม่ว่าเคยเป็นเนื้อคู่กับลูกสาวตั้งแต่ชาติก่อน และจะสึกเพื่อมาแต่งงาน ต่อมาไม่รู้ไปสึกที่ไหน (ทราบตอนหลังว่า ไม่มีหลักฐานการบวช) แล้วจะมาขอ พ่อแม่น้องหน่อย (เด็กคนนี้ชื่อหน่อย) จึงบอกว่า อยากไปดูบ้านช่อง ว่าอยู่ที่ไหน ผู้ชายคนนี้จึงพาไปที่ จ.เพชรบูรณ์ พอไปถึงก็มีคนมาบอกว่า เป็นพี่ชายพาไปบ้าน และพาไปดูไร่มะขามหวาน ว่ามีหลายร้อยไร่ ชี้มั่วเลย ไม่ทราบว่าใช่ของตัวเองหรือเปล่า และบอกว่า จะให้ว่าที่พ่อตา ลาออกจากภารโรง มาเฝ้าไร่ มะขามหวาน กลับมาบ้าน ก็เตรียมจะมาขอ วันหนึ่งผู้ชายคนนี้พา "น้องหน่อย"
ไปเที่ยวในเมืองประสาคนรักกัน ไปเที่ยวในตัวเมืองสุรินทร์ และหายไป ตั้งแต่วันนั้น
เป็นต้นมา ๓ เดือนแล้ว ยังไม่กลับมาเลย หายไปไม่ทราบชะตากรรม ไปแจ้งตำรวจแล้ว
ยังไม่เห็นเท่าทุกวันนี้ - ไม่น่าแปลกใจเลย สำหรับผู้ไม่มีหลักยึดไว้เป็นแนวปฏิบัติของชีวิต ลำพังฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ทำเรื่องเช่นนี้ ไม่สำเร็จแน่ หากไม่ยินยอม ไม่มีใจยินดีไปด้วยกันทุกฝ่าย ทั้งผู้หลอกและผู้ถูกหลอก น่าเห็นใจคนผู้อยู่ในยุค ใกล้กลียุค เข้าไปทุกทีแล้ว หากไม่ระมัดระวัง ดูแลตนเองด้วยศีลให้ดี ก็จะพบเจอความเจ็บปวดเช่นนี้นี่...เอง - บ.ก. สารอโศก อันดับที่ ๒๖๗ ธันวาคม ๒๕๔๖ |