- ป.ปรีดา - email : [email protected]

เรื่องนี้ไม่ได้เกิดกับผม แต่เกิดกับพ่อของผม

เมื่อประมาณเดือน กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖ มีคนนำโฉนดที่ดิน เนื้อที่ ๓ ไร่ ตั้งอยู่แถวหนองแขม มาฝากให้พ่อของผมขายให้ โดยอ้างว่ารู้จักกับ พ่อของผมดี แต่พ่อของผมบอกไม่รู้จักเขา ตอน แรกพ่อของผมก็ปฏิเสธ แต่ถูกคะยั้นคะยอ และบอกว่าจะให้ค่านายหน้า ๖ % และ หากมีส่วนต่าง ที่ผู้ขายกำหนดไว้ก็จะยกให้อีก

ต่อมาเมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม ๒๕๔๖ มีลูกค้ามาตัดผมที่ร้าน ตั้งแต่เช้า พ่อผมชวนคุย ว่าจะไปไหนแต่เช้า ชายผู้นั้นบอกว่าจะมาหาซื้อที่สร้าง โรงงานแถวหนองแขม พ่อผมนึกออก จึงบอกว่า มีคนมาเสนอขายที่ดินย่านนั้นอยู่แปลงหนึ่ง ชายผู้นี้ทำท่าสนใจ พ่อผมจึงโทรศัพท์ ไปติดต่อผู้ขายและนัดแนะให้ผู้ซื้อกับผู้ขายมาพบกัน (ทั้งคู่แต่งตัวดีมาก ดูมีฐานะเป็นคน ร่ำรวย) และได้พากันไปดูสถานที่ ทั้งคู่ทำทีท่าว่าพอใจจะซื้อจะขายกัน และตกลงว่า จะซื้อขายกัน ในราคา ๑๐ ล้านบาท โดยนัดมาวางเงินมัดจำที่บ้านคุณพ่อผม โดยผู้ขายกำหนด ให้วางเงินมัดจำ ๒๐% เป็นเงิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท แต่ผู้ซื้อนำเงินมัดจำ มาเพียง ๑.๓ ล้านบาท ยังขาดอีก ๗๐๐,๐๐๐ บาท ผู้ซื้ออ้างว่าต้องรีบเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อติดต่อ ธุรกิจ ตอนนี้หาเงินได้เพียง เท่านี้จะทำอย่างไรดี

จึงขอให้คุณพ่อของผมช่วยออกเงินมัดจำให้ก่อนจำนวน ๗๐๐,๐๐๐ บาท โดยผู้ขาย บอกว่า จะจ่ายค่านายหน้าและส่วนเกินให้เป็นเงินประมาณล้านกว่าบาท และให้ใช้ชื่อ คุณพ่อของผม เป็นคนทำสัญญามัดจำ พ่อผมจึงยอมตกลงไปถอนเงินมาให้ ๗๐๐,๐๐๐ บาท มอบให้แก่ คนขายไป รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๒ ล้านบาท โดยพ่อของผม ไม่ได้อะไรเลย คนพวกนี้ เป็นพวกเดียวกัน ในที่สุดเมื่อคน พวกนี้ได้เงินไปแล้วก็เงียบหายไป กว่าคุณพ่อผมจะรู้ตัวว่า ถูกหลอกก็สายไปเสียแล้ว

เรื่องนี้นับเป็นอุทาหรณ์ให้คิดว่า อย่าไปโลภ อยากได้ของคนอื่น ปัจจุบันคุณพ่อของผม อายุ ๗๒ ปีแล้ว เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ทำให้กินไม่ได้ นอนไม่หลับ มีนัดกับแพทย์ให้ไปผ่าตัดไส้เลื่อน ก็ไม่สามารถ ไปผ่าตัดได้ เพราะยังวางจิตวางใจไม่ได้

ข้อมูลจากนายวิชัย ทรงสมทรัพย์ (บุตรชาย)

หากท่านผู้ใดมีประสบการณ์จริงจากชีวิต สามารถส่งมายังคอลัมน์นี้ หรือส่งมายัง e-mail ข้างต้นได้

สารอโศก อันดับที่ ๒๖๗ ธันวาคม ๒๕๔๖