-
แม่น้ำ ลักขิตะ -
ลงมือทำแล้วจะชำนาญ
"ประสบการณ์จริงของชีวิต
ดีกว่าตำราใดๆ"
ความรู้กับความจริง บางครั้งไปด้วยกันยากในทางปฏิบัติ...รู้มาอย่างนี้ พอลงมือกระทำกลับไม่ลงร่องอย่างที่รู้มา
ปัญหาเกิดสิ
โลกต้องเผชิญปัญหาอย่างหนัก เพราะคนปัจจุบันฉลาดรู้เหลือเกิน มากไปด้วยหลักวิชาการดาษดื่น
แต่หาคนทำจริงได้น้อยมาก เพราะให้ค่าความคิดมากกว่าฝีมือ คนจึงมุ่งทิศชีวิตไปสู่มายาวิชาการ
ยกย่องคนที่เรียนสูงๆ แล้วดูถูกคนใช้แรงงานว่าด้อยค่า
ในความเป็นจริง ค่าของคนมิได้วัดกันที่ใบปริญญาหรอก หากขึ้นอยู่กับใครเสียสละให้สังคมมากกว่ากันโดยส่วนมาก
คนมีความรู้มักกอบโกยจากสังคม ไม่รู้จักอิ่มไม่รู้จักพอ ตั้งค่าตัวเงินเดือนสูงลิ่ว
ลงมือทำงานจริงแค่เซ็นชื่อลงกระดาษ แกร็กเดียว ไม่ออกเรี่ยวแรงใดเลย ทำงานเบาแต่เอามาก
หากเปรียบเป็นการค้า-ถือได้ว่าเอากำไรเกินควร ขูดรีดเม็ดเงินไปจากสังคม ไม่เสียสละซ้ำเก็บตุนจนมั่งมีเป็นกระฎุมพี คนความรู้น้อย ต้องทนทำงานหนักแลกเม็ดเงินน้อยนิด อย่างชาวไร่ชาวนา ทำงานเหนื่อยสายตัวแทบขาด
ขายข้าวแต่ละปีแทบไม่พอยาไส้ แต่แรงกายทุ่มเทไปนั้นไม่สูญเปล่า แม้มิได้กลับคืนเป็นเงินตรา
แต่นั่นแหละ คุณค่าที่ชาวนาเสียสละให้สังคม.... แล้วถามว่า
ใครควรมีค่ามากกว่ากันในสังคม??? กระนั้นจะตอบตายตัวทีเดียวไม่ได้....บางคนมีความรู้สูง แต่ทำงานเสียสละเพื่อสังคมก็มีเพียงแต่น้อยหน่อย"ร้อยรู้ไม่สู้หนึ่งทำ"
พจนะข้างต้นนี้สื่อความหมายได้คมมาก คนเราหากได้แต่รู้ ไม่ลงมือทำ ยากจะประสบผลสำเร็จ
นักธุรกิจใหญ่ๆระดับโลก ล้วนเคยตีนติดดินมาทั้งนั้น สั่งสมประสบการณ์ยาวนานกว่าจะผงาดฟ้า
แต่ลูกหลานพวกเขากำลังจะทำลายทุกอย่างที่เขาสร้างมา เพราะทายาทเหล่านี้เสพสุขมาแต่เกิด
ไม่เคยลำบาก ไม่เคยปากกัดตีนถีบ ติดสบาย ความล่มจมจะเป็นบทสรุปสุดท้ายของบุตรกระฎุมพี
ที่มีแต่ความรู้กับเงินเป็นทุนชีวิต ขาดประสบการณ์ลำเค็ญ เมื่อทำแล้วจะรู้ ประสบการณ์สอนอะไรหลายอย่างให้เรา...
ทำถูกเป็นแบบอย่าง ทำผิดเป็นบทเรียน
กรรมที่กระทำลงไปแล้ว ไม่มีสูญเปล่า-รู้จักเก็บประโยชน์จากทุกประสบการณ์
เราจะเป็นผู้ชำนาญกิจการนั้นๆ อย่างผู้รู้ที่แท้จริง มิใช่เพียงท่องจำตำรา
หากแต่เป็นฝีมือ .
- สารอโศก
อันดับที่ ๒๖๘ มกราคม ๒๕๔๗ -
|