แถลง อโศกรำลึก - รำลึกอโศก คานธีได้พูดถึงขบวนการพัฒนามนุษยชาติเอาไว้ ๕ ขั้นตอนด้วยกันคือ ในปัจจุบันพัฒนาการของชาวอโศก น่าจะผ่านเลยขั้นตอนที่ ๓ และกำลังเข้าสู่ขั้นตอนที่ ๔ และ ๕ ไปตามลำดับ ซึ่งการที่จะได้คนเข้ามาเป็นพวกเพิ่มขึ้นย่อมเป็นสิ่งดี เพราะพระพุทธเจ้า ได้ทรงให้เรา ทำใจไว้อยู่เสมอว่า "ผู้มีศีลที่ยังไม่มาขอให้มา และที่มาแล้วขอให้อยู่เป็นสุขๆเถิด" ถ้าเปรียบขบวนการกลุ่มของชาวอโศกเหมือนทีมฟุตบอล ทำอย่างไรทีมฟุตบอล(โลกุตระ) จึงจะสามารถ สอดประสาน มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้สูง(เอกีภาวะ) ไม่ใช่อยู่แบบทางใคร ทางมัน หรือเล่นไม่เข้าขากัน และพอดังแล้วฟอร์มไม่ตก เคยฟังโค้ชก็กลายเป็นเชื่อหัวไอ้เรือง และเอาแต่ใจตัวเอง(อรูปอัตตา)สูง พระพุทธเจ้าทรงให้หลักปฏิบัติไว้ ๕ ประการ เพื่อความผาสุก ในการอยู่ร่วมกัน และให้มีพัฒนาการก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อยๆอย่างไม่แปรเปลี่ยน(อวิปริณามธัมมัง) แน่นอน(ธุวัง) ไม่มีอะไรมาหักล้างลงได้(อสังหิรัง) โดยไม่กำเริบเด็ดขาด(อสังกุปปัง) เที่ยงแท้(นิจจัง) และยั่งยืนนิรันดร์(สัสสตัง) คุณธรรม ๕ ประการนั้น ประกอบด้วย ๑. ถึงพร้อมด้วยศีล ไม่ติเตียนผู้อื่นในเพราะอธิศีล
จริงๆแล้วชาวอโศก มีทุกสายทุกประเภทมาอยู่รวมกันหมด ถ้าใครสามารถบูรณาการ เอาส่วนดี ของผู้อื่นมาหล่อหลอมให้มีในตนได้ เราก็จะเป็นผู้ที่มีทั้งเจโตก็สมบูรณ์ ปัญญาก็สมบูรณ์(วิมุติ) ๒. เพ่งดูตนเอง ไม่เพ่งโทษผู้อื่น ถ้าชุมชนใดรู้สึกว่าชุมชนของเรามีปัญหามากมาย มีวิธีแก้ไขที่ง่ายและใช้เวลาไม่นาน โดยการให้ สมาชิกในชุมชนนั้นๆ มานั่งจับเข่าคุยกัน โดยมีกติกากำหนดไว้ว่า ให้ทุกคนสะท้อนปัญหา ของตัวเอง ความไม่ดีของตัวเอง และถ้าปวารณาให้คนอื่นช่วยบอกข้อแก้ไขได้ด้วยก็ยิ่งดีใหญ่ ที่สำคัญจะต้องไม่ไปพูดปัญหาของคนนั้นคนนี้ให้วุ่นวาย เพราะจะเกิดปัญหามากมายก่ายกอง เข้ามาทีเดียว และถ้าพิจารณาดีๆแล้วจะเห็นว่า คนสำคัญที่น่าจะได้แก้ไขก่อนเพื่อน คือ ตัวเรานี่เอง ๓. ไม่มีชื่อเสียง ก็ไม่กระดี๊กระด๊า อยากจะมีชื่อเสียงขึ้นมา พ่อท่านทำงานศาสนาเน้นการสร้าง"คน"เป็นหลัก ซึ่งพ่อท่านต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ ไปกับการ ปลูกฝังคุณธรรม ให้กับเด็กๆก็ดี คนวัด คนในชุมชน และร่วมประชุมกับหน่วยงานต่างๆ ของชาวอโศก เพื่อถ่ายทอดอุดมการณ์บุญนิยม ให้ขับเคลื่อนไปอย่างถูกทิศทาง ซึ่งถ้าพ่อท่าน ไม่ต้องมาเสียเวลากับงานสร้างคนสร้างระบบเช่นนี้ เอาเวลาไปออกรายการวิทยุ โทรทัศน์ รับบรรยายทั่วไป หรือตั้งหน้าตั้งตาเขียนตำราเผยแพร่ออกไปให้กว้างขวาง ในเวลา ๓๐ ปี ก็น่าจะทำให้พ่อท่านต้องดังขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย ทิศทางการทำงานของพ่อท่าน น่าจะเป็นบรรทัดฐานที่ดีให้กับลูกๆอโศกได้เจริญรอยตาม ซึ่งทุกวันนี้เรามีงานต้องออกไปสัมพันธ์กับบุคคลภายนอกค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นงานอบรม ตามเครือข่าย งานรายการวิทยุ และงานไปบรรยายให้ผักงามตามสถานที่ต่างๆ ฯลฯ ซึ่งการจัดสรร ความสมดุลระหว่างงานภายนอกและงานภายใน ถ้าไม่ได้สัดส่วนที่พอเหมาะ ก็จะกลายเป็นต้นไม้ ที่กิ่งก้านขยายกว้าง แต่แก่นแกนกลับแคระแกร็น ยิ่งขยายกว้างออกไปเท่าไหร่ การหักโค่น ก็ยิ่งเร็ววันเข้ามากเท่านั้น เน้นแก่นให้แน่นกว่ากว้าง เน้นดีให้ยิ่งกว่าดัง เพราะถ้าดังโดยไม่ดี ก็มีหวังจักต้องพัง ๔. ได้โดยไม่ยาก ไม่ลำบากซึ่งฌาน ๔ ดังนั้นขบวนการกลุ่ม หรือขบวนการสงฆ์จึงเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ก่อให้เกิดการปรับเข้าสู่ สัมมาอริยมรรค มีองค์ ๘ นักปฏิบัติธรรมที่ไม่ค่อยเอาใคร ถนัดไปดุ่ยๆเดี่ยวๆ หรือต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างทำ สุดท้ายก็จะได้แต่ทำงานแต่ไม่ได้ปฏิบัติธรรม จริงๆแล้วในขณะทำงาน ย่อมมีทั้ง โลกธรรม กามคุณ และอัตตาแฝงซ้อนมาอยู่ตลอดเวลา ถ้าทำงานไป ได้ฆ่ากิเลสไปด้วยก็กำไร แต่ถ้าเราถูกกิเลสฆ่าในขณะทำงานก็ขาดทุน ปัญหาอยู่ที่ว่าเรามีมิตรดีสหายดี หรือขบวนการกลุ่มช่วยกันรุมจัดการกิเลสหรือไม่ หรือเราเป็น ประเภทสายเดี่ยว ที่ถูกกิเลสเข้ามารุมจัดการเราแต่ฝ่ายเดียว? ๕. กระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติอันหาอาสวะมิได้ ทิศทางการละลายตัวตน เพื่อมรรคผลยิ่งๆขึ้นไป ที่จะทำให้ชาวอโศกไม่มีวันเสื่อมถอย น่าจะเป็น เรื่องของอโศกรำลึก-และรำลึกอโศก - คณะผู้จัดทำ - |