- ฝั่งฟ้าฝัน -

ให้ทั้งตัวและหัวใจ

ชายชาติทหารกั่นกล้า นรชน ชาญแฮ
ฟันฝ่าอุปสรรคทน ต่อสู้
ยืนหยัดศัตรูผจญ ใจแกร่ง กล้าเฮย
ยังบ่เทียมธรรมกู้ คู่ค้ำโลกา

ข้าพเจ้าเป็นชายชาติทหาร รับใช้ชาติ(แต่ไม่ได้ออกรบ) เป็นทหารปืนใหญ่ อยู่ที่ศูนย์การทหาร ปืนใหญ่ลพบุรี ไม่ได้ออกรบ เพราะข้าพเจ้าเป็นทหารบริการ มีหน้าที่รับโทรศัพท์และเดินงาน ตามห้องต่างๆของนายทหาร ช่วยพิมพ์ดีด ทำหนังสือ พิมพ์หนังสือ

ข้าพเจ้าได้เป็นทหาร เพราะสมัยเรียนครูไม่ได้เรียน ร.ด. พอไปทำงานที่สำนักงานสถิติแห่งชาติ ด้วยความหวังที่จะก้าวหน้าในหน้าที่การงาน กลับต้องโดนเป็นทหาร ด้วยความอกหัก ในชีวิต การทำงานที่ตั้งความหวังไว้สูง จึงพยายามหาหนังสือธรรมะไว้อ่าน

ชีวิตทหารก็จะมีช่วงวันลากลับบ้าน ข้าพเจ้าก็ลากลับบ้านและไปวัด วัดที่ไปเป็นประจำ คือวัด มหาธาตุ อ่านหนังสือท่านพุทธทาสเป็นหลัก อ่านหนังสือธรรมะแล้วทำให้รู้สึกสบายใจ ข้าพเจ้าเอง ก็เลยชอบแนวทางธรรมะ

พอออกจากราชการทหาร ข้าพเจ้าตั้งใจจะบวช เคยไปปรารภกับครอบครัว ครอบครัวก็ไม่อนุญาต แต่ใจข้าพเจ้าก็อยากจะบวช เพราะสภาพทางโลกแม้จะทำงานเต็มที่ขยันขันแข็ง มันก็ไม่มี ความสุขสงบ เพราะต้องแข่งขันกันเอารัดเอาเปรียบกันตลอดเวลา กลั่นแกล้งอิจฉากัน ก็ยิ่งทำให้ ข้าพเจ้าเบื่อมากยิ่งขึ้น

ข้าพเจ้าเองเป็นคนขี้น้อยใจเป็นทุนเดิม เจอคนมากมายหลายประเภทยิ่งอยากไปให้ไกลๆพ้นๆ อนึ่งเหตุที่ข้าพเจ้าอยากจะบวช เพราะต้องการจะแก้ไขสิ่งไม่ดีในตัวเอง ข้าพเจ้าเป็นคนเพ้อฝัน อยากเป็นศิลปิน สิ่งที่ช่วยให้เพ้อฝันได้ในขณะนั้นก็คือสารเสพติด เหล้า บุหรี่ กัญชา

วันหนึ่งจิตใจข้าพเจ้าอยากจะบวชมาก จึงเดินออกจากบ้านที่วงเวียน ๒๒ กรกฎา(กทม.) ใจอยากจะไป หาหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ แต่ไม่รู้ว่าวัดชลประทานฯอยู่ที่ใด จึงเดินไปวัดพระแก้ว ไปอธิษฐานจิตกับพระแก้วมรกตว่า "ขอให้ได้พบผู้ที่จะเป็นผู้บวชให้ (อุปัชฌาย์)ด้วยเถิด"

จากนั้นก็เดินกลับมาขึ้นรถเมล์ขาว รถวิ่งผ่านไป ๒ ป้ายรถเมล์ ก็หันไปเห็น พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ และหมู่สมณะ เดินบิณฑบาตอยู่ ด้วยอาการอันสงบ สำรวม น่าเลื่อมใส ก็รีบวิ่งลงจากรถ และ ตามไปจนถึงห้องภาพสุวรรณ นั่นคือจุดเริ่มต้นของข้าพเจ้าที่ได้รู้จักชาวอโศก

ข้าพเจ้าได้เข้าไปพูดคุย และบอกความในใจว่าอยากจะบวช จะต้องเตรียมอะไรบ้าง และต้องทำ อะไรบ้าง พ่อท่านก็ตอบว่า "ไม่ต้องเตรียมอะไรมา เอาแต่ตัวกับหัวใจมา" ข้าพเจ้าได้ฟังแค่ประโยคนี้ ทำให้เกิดศรัทธา มีความยินดี ถ้าได้มาอยู่กับหมู่กลุ่มนี้ ไม่ยากหรอก ขอเพียงทำตัวและปฏิบัติให้ดี ที่นี่ก็คงยินดีให้บวช เพราะไม่ต้องมีพิธีอะไรมากมาย ไม่ต้องไปเตรียมของเตรียมเงินมากมาย เหมือนวัดอื่นๆ ถ้าเราปฏิบัติดี ญาติก็คงไม่มีปัญหาอะไร ช่วยให้เราบวชได้ตามที่ใฝ่ฝัน

จากนั้นข้าพเจ้าก็ไปๆมาๆระหว่างแดนอโศกกับบ้าน และการปฏิบัติตัวตามแนวทางชาวอโศก ซึ่งเริ่มแรกคือ ศีล ๕ กินมังสวิรัติ ละอบายมุข ข้าพเจ้าก็ปฏิบัติได้แบบกระท่อนกระแท่น ไม่มั่นคง เท่าที่ควร ทางบ้านก็อยากให้ทำงานเป็นหลักแหล่ง แต่ใจเราก็อยากบวช ก็เลยทำงาน ไม่เป็น หลักแหล่ง เพื่อต้องการจะบวช

ข้าพเจ้าเป็นคนจิตใจไม่เข้มแข็ง หวั่นไหว และเบื่อง่าย วันหนึ่งเพื่อนเสียชีวิต เพื่อนคนนี้โตมา ด้วยกัน ช่วยเหลือกัน พอคิดถึงเพื่อนแล้วรู้สึกเศร้าใจ จึงตัดสินใจมาหาความเข้มแข็ง ด้วยการมา สมัครบวชที่สันติอโศก

พอสมัครเป็นปะได้ก็กลับบ้าน เพื่อไปเตรียมหลักฐานต่างๆ ข้าพเจ้าก็อ่อนแออีก ไปผิดศีลผิดธรรม ลงอบายมุขอีก หายจากชาวอโศก ๕-๖ เดือน เกิดความเบื่ออีก ก็กลับเข้ามาสันติอโศกอีก พอกลับมา ครั้งนี้ข้าพเจ้าก็เลิกได้เด็ดขาด

มาเข้าวัดอีกก็เป็นคนวัดเป็นอาคันตุกะ เป็นปะ และก็ขอบวช พยายามอดทนตั้งใจศึกษา ฟังเทศน์ ฟังธรรม พยายามไม่ให้หลับไม่ให้ง่วง พยายามเอาชนะใจตนเองให้มากๆ งานเริ่มมีมากขึ้น ก็ช่วยงาน โดยเฉพาะงานโรงพิมพ์ ช่วยท่านอนุตตโรอยู่โรงพิมพ์ ๓ ปี แล้วก็มาช่วยพ่อท่าน ทำหนังสือแสงสูญ

ด้วยความชอบเป็นศิลปิน เมื่อได้มาจัดหน้าหนังสือก็เลยไปดูงานศิลปะแทบทุกแห่ง เขามี ประกวดภาพ ที่ไหนก็ไป ไปศึกษางานของเขา อ่านความหมายของรูปภาพต่างๆ ช่วยพ่อท่าน จัดภาพลงหนังสือแสงสูญประมาณ ๔ ปีกว่า

ข้าพเจ้าได้มีโอกาสเป็นปัจฉาพ่อท่าน ซึ่งเป็นช่วงที่ดีที่สุดในชีวิต ได้ช่วยงานพระโพธิสัตว์ ได้ปรนนิบัติ ทุกสิ่งทุกอย่างให้ครูบาอาจารย์ ทำให้เกิดปีติ เกิดความรักศรัทธายิ่ง ยิ่งอยู่ใกล้ ยิ่งได้เห็นคุณธรรมที่ท่านมี ดีมากดีเยี่ยมหาที่เปรียบไม่ได้ แม้จะได้ช่วยอะไรเล็กๆน้อยๆ กับพระ อาริยบุคคล เป็นโชคดีอย่างมหาศาลของข้าพเจ้า ซึ่งหลายๆคนไม่มีโอกาส ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า ท่านเป็นอาริยบุคคล เพราะพ่อท่านไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง ทำเพื่อมวลมนุษยชาติ เพื่อคนอื่น จะมีใครบ้าง มักน้อยสันโดษ และชี้แจงธรรมะให้คนลดละเลิกสิ่งที่เป็นอบายมุข ซึ่งมอมเมา เรามาตลอด และให้คนลดความโลภ ความโกรธ ความหลง ลดสิ่งที่ฟุ่มเฟือยไม่จำเป็น สำหรับ ชีวิตลง ลดได้ ชีวิตจิตใจก็จะมีความสุข สิ่งเหล่านี้พ่อท่านไม่ได้ชี้แนะให้ดูเท่านั้น พ่อท่านนำพาทำ พาเป็นในสิ่งที่พูด พาไปในทิศทาง ที่ให้มีความทุกข์น้อยลง นี่แหละจึงทำให้ข้าพเจ้าเชื่อมั่น ศรัทธาอย่างยิ่ง

จากนั้นข้าพเจ้าได้มีโอกาสเป็นสมภาร ได้ฝึกตนเอง ฝึกแสดงธรรม ศึกษาธรรม ด้วยความไม่ลงตัว หลายๆอย่าง สุขภาพจึงไม่สมดุล ทำให้ร่างกายย่ำแย่ จึงไปรักษาตัวที่ศาลีอโศก

ข้าพเจ้าเป็นคนอ่อนแอ เป็นคนค่อนข้างหยาบ เป็นสัตว์ที่มาจากอบายภูมิ เคยเสพยา เคยเสพ ความเอาแต่ใจ โมโห นั่นเป็นระดับอบายภูมิ เป็นเปรต เป็นเดรัจฉานจิต จึงฝึกพิจารณาอสุภะ ฝึกเพ่งให้เห็นโทษของความหยาบมากหยาบน้อยในอารมณ์ นี่คือความเสื่อมไม่ใช่ความเป็นพระ ไม่ได้เป็นผู้ประเสริฐ

ข้าพเจ้าก็ค่อยๆปรับระวังตัวเอง ค่อยเป็นค่อยไปโดยใช้ศีลใช้วินัย ใช้สิ่งแวดล้อม หมู่ คำสั่งสอน ของพ่อท่าน คอยห้ามคอยปรามตนเอง การดูแลของหมู่ คอยติงคอยเตือน และความเคารพในวินัย ก็ได้อาศัยสิ่งเหล่านี้ได้ช่วย และช่วยได้มากเลย เพราะมีผัสสะเกิดขึ้น ก็จะได้อ่านอารมณ์ว่า หยาบมากน้อยเพียงไหน

โทสะ มานะ ถือตัวถือตน ยังหยาบอย่างนี้นะ คอยเตือนคอยบอกคอยชี้ตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น วันนี้เป็นอย่างไร ทบทวนตัวเองมาก จดบันทึกลงในสมุด เขียนวิจารณ์ตัวเองตามความเป็นจริง โดยไม่บีบคั้นตัวเองมากนัก

อย่าสร้างความเครียดโดยเอาความทุกข์ทับถมตน ปรับจิตให้ระวังสังวร ความคิดที่หยาบ ก็ให้อบรม สั่งสอน อารมณ์หยาบก็จะถูกสำรวมสังวร จะละอายมากขึ้นทั้งราคะโทสะ แม้จะใช้เวลา ในการล้างนาน แต่ต้องอาศัยฝึกทุกวัน อ่านอารมณ์ทุกวันให้เป็นกิจวัตร แม้พละอินทรีย์อ่อน ก็อย่าประมาท

อ่านจิตเตือนตัวเองตลอดเวลา นี่บาปนะ นี่ไม่ดีนะ นี่เป็นจิตที่ไม่ใช่พระนะ เตือนตัวเองบ่อยๆ อาศัยสิ่งแวดล้อมการคอยเตือนของหมู่กลุ่ม และความดีงามคุณธรรมของครูบา-อาจารย์ เหล่านี้ เป็นตัวช่วยให้พ้นจากความหยาบ พ้นจากสภาพอบายภูมิ

เร่งปฏิบัติตัวเองเถิด แม้ช้า แต่ขอให้มั่นคง แล้วจะไม่ไปเวียนกลับอีก ข้าพเจ้าอาศัยหมู่มิตรดี สหายดี สังคมสิ่งแวดล้อมดี ขัดเกลาตัวข้าพเจ้าอยู่ ๒๐ กว่าปี และยังต้องขัดเกลาตัวเองต่อไปอีก จนกว่า ชีวิตจะสิ้น

น้อมคารวะ
สมณะน่านฟ้า สุขฌาโน


จิตน้อยน้อยค่อยค่อยเพียรเรียนรู้อ่าน
ออกอาการพึงเท่าทันกับดักผี
นั่นแหละหนาสิ่งเลวชั่วตัวไม่ดี
แม้นเรามีพึงค่อยลดจักหมดไป
ฝึกตามอ่านจิตใจที่ไหวหวั่น
ตามคืนวันผันผ่านนานไฉน
ชีวิตนี้สั้นนักใช่ยาวไกล
ฝากดีไว้เป็นทรัพย์ให้โลกา

- สุดทางฝัน -

- สารอโศก อันดับที่ ๒๗๑ พฤษภาคม ๒๕๔๗ -