เชื่อมั่นแล้วไม่หนี

คุณมาเรียนรู้นี่ คุณจะรู้ได้ด้วยตน เมื่อรู้ได้ด้วยตนแล้วมันมั่นใจ ตอนแรก คุณมาฟัง ก็เป็นศรัทธา ในระดับแรก ศรัทธาธรรมดาเรียกว่า เชื่อถือ

โอ้! มีเหตุมีผลดี มีหลักการ คุณก็จะเข้าใจลึกซึ้งไปขนาดหนึ่งเชื่อถือ แต่ว่ายังไม่ปฏิบัติตาม ยังเชื่อ ไม่ถึงขั้นลึกซึ้ง มีอิทธิพลถึงขีดเขตที่ว่าฉันจะต้องปฏิบัติตามแล้วละ มันดีนี่ ต้องเอา เหมือนคนที่ จะไปค้าไปขาย จะไปทำอะไรก็แล้วแต่ หรือจะไปหาเห็ด ไปหาเพชรหาพลอย ไปเจอบ่อเพชร บ่อพลอยแล้ว จะต้องรีบลงมือเก็บ ลงมือทำ ต้องถึงขีดหนึ่ง ถ้ายังไม่เจอบ่อพลอย เพียงแต่ เขาบอกว่าบ่อพลอยบ่อเพชรอยู่ที่นั่นที่นี่ มีเหตุมีผล มีสิ่งที่อ้างอิงแวดล้อม เชื่อถือ เราเชื่อ แต่ยังไม่เชื่อ ถึงขนาดที่ต้องรีบไปเอา จะต้องลงมือไปเก็บเพชรเก็บพลอยแล้ว เพราะว่ารู้แน่ว่ามันมี แล้วมันเป็นของจริงด้วย เขาก็จะยังไม่ไปเอา

ถ้ามีความศรัทธาหรือความเชื่อระดับสูงขึ้นไปถึงขีด "เชื่อฟัง" ตอนแรกเชื่อถือ ต่อมาเชื่อฟัง ถึงขีด ระดับเชื่อฟังนี่ ถึงขั้นปฏิบัติตาม คนเชื่อฟังคือคนปฏิบัติตาม ลงมือกระทำพิสูจน์ เมื่อได้มาลงมือ กระทำพิสูจน์แล้ว เราจะเกิดผลจริง มีมรรคมีผล มีของจริงเกิดขึ้นในตัวเรา เราก็จะเห็นของเรา จะรู้ของเรา เกิดญาณรู้เห็นว่า โอ้!มันเกิดจริง เป็นจริงอย่างนี้ มีปรมัตถธรรมอย่างนี้ มีความสุข สบาย หรือมีความพ้นทุกข์ มีความปลดแอก มีการหลุดพ้นอย่างนี้ ตถตา มันเป็นอย่างนั้นแหละ ตถตา นี่แปลว่า ความจริง มันมีของจริงอย่างนั้นแหละ ความจริงของใครก็ของใคร เห็นของตนเอง เป็น ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ เห็นของตนเอง

พอเห็นแล้ว ทีนี้คุณก็จะเชื่อ คราวนี้ไม่ใช่แค่เชื่อถือ ไม่ใช่แค่เชื่อฟัง มันถึงขีดขั้น "เชื่อมั่น" ทีเดียว เชื่อมั่น ไม่คลอนแคลน ความเชื่อของปุถุชนทั่วไปก็ศรัทธาคือเชื่อถือ ศรัทธาที่มีมรรคเจริญขึ้น ก็เชื่อฟัง คือศรัทธินทรีย์ ความเชื่อที่มีผลสูงสุดก็เชื่อมั่น คือศรัทธาพละ

อาตมาถึงไม่กลัวเลยว่า ใครจะมาดึงพวกคุณไปจากอาตมา หรือไปจากสัจธรรม คุณได้สัจธรรม ได้สัทธรรมใด คุณได้เป็นของตน ที่มีในตัวในตนนะ ได้แล้วจริง เป็นของจริงแล้ว อาตมาไม่กลัว คุณจะออกจากสิ่งเหล่านี้ อาตมาไม่ออกจากอันนี้ อาตมาจะเหนียวแน่นอยู่กับอันนี้ เชื่อมั่นอยู่กับ อันนี้ อาตมามีลักษณะนี้อยู่ในตน อาตมาเชื่อมั่นในสัจธรรมพระพุทธเจ้า ถ้าใครได้ทรงไว้อย่าง ถึงขีดขั้น ปัญญินทรีย์ ปัญญาผล คือเชื่อมั่น มีปัญญาพละ หรือปัญญาผล ถึงขั้นนั้นจริง คุณจะ ไม่เปลี่ยนแปลง จะไม่วิปริต อวิปริตตัง จะไม่ออกนอกธรรมนี้ ธรรมแปลว่าสิ่งที่ทรงไว้ สิ่งที่ทรงไว้ ในตนนะ จะไม่ออกนอกธรรมนี้

เมื่อคุณเองคุณมีสัจธรรมอย่างนี้ มันจะต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน สิ่งที่ถูกต้อง สิ่งที่ดีที่สุดมีหนึ่งเดียว เท่านั้น เหมือนกัน ตรงกัน ความหลุดพ้นเป็นอย่างไร มันจะตรงกัน ความละหน่ายคลาย เป็นอย่างไร มันจะเหมือนกัน มันจะอธิบายตัวมันเองถูกต้องเลย อาตมาเป็นเช่นใด อาตมาก็มั่นใจ พวกคุณที่จะได้เช่นนั้น คุณจะบอกว่าเป็นลูกศิษย์อาตมา คุณจะมาเป็นพรรคพวกอาตมาหรือไม่ I don't care. อาตมาไม่แคร์ ไม่แคร์ ทับศัพท์เสียเลย อาตมาไม่กังวล ไม่เกรงคุณจะเป็นหรือไม่เป็น เรื่อง อิสรเสรีภาพ ของคุณเอง อาตมาไม่ต้องไปบังคับ ไม่ต้องไปขอร้อง และนอกจากไม่บังคับ ไม่
ขอร้องแล้ว แม้ผลักไส แม้จะดันออก มันก็เป็นหนึ่งเดียวกัน กลมกลืนกัน เป็นเอกภาพเดียวกัน

(พ่อท่านแสดงธรรมเรื่อง "วันครอบครัวอโศก" วันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๓๒ ณ สันติอโศก)

- สารอโศก อันดับที่ ๒๗๑ พฤษภาคม ๒๕๔๗ -