# วิถีชุมชนชาวอโศกคือ สัมมาสิกขาลัยวังชีวิต!
ในช่วงนี้คอลัมน์จดหมายจากญาติธรรมดุเดือดไม่น้อยเลย หลายเดือนก่อน มีจดหมาย บอกเลิกสมาชิกหนังสือของอโศก ด้วยเหตุผลว่าไม่ชอบใจ การเปลี่ยนชื่อ นามสกุล ของคนอโศก มาฉบับนี้ มีจดหมายวิพากษ์ ว่าชาวอโศก หลงสรรเสริญ จึงสร้างงาน เกินตัวแล้วเรียกร้องหาคนช่วย อันว่านักปฏิบัติธรรมนั้นควรยกได้วางได้ การกระทำใดๆ ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ไม่ควรมีปัญหา บางคนได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนชื่อนามสุกล ก็เป็นสิทธิของเขา เราไม่เห็นด้วย ก็ไม่ต้องเปลี่ยน ไม่ได้มีกฎบังคับอย่างใดเลย ในทางวิชาการนั้น กล่าวได้ว่า สังคมทุกวันนี้ ถูกระบบทุนนิยม ทำลายวัฒนธรรม จนแตกสลายย่อยยับ ผู้คนรู้สึกเคว้งคว้าง เลื่อนลอย ต้องแสวงหา อัตลักษณ์ของตน เป็นที่พึ่ง การสร้างแบบอย่างเฉพาะกลุ่ม อาจตอบสนอง จิตใจได้ ผมเห็นด้วยว่า อโศกรับงานเพิ่มขึ้นเยอะ แต่ควรเตือนติงพอสมควรไม่ให้เสียกำลังใจทำงาน เขาต้อง พิจารณากันเองว่า เกินตัวเพียงใด ผมเป็นชาวสวนไม่สันทัดงานอบรม จึงไปช่วยเฉพาะ ยามว่าง ไม่ว่างก็ไม่ไป เคยชินกับชีวิตสงบเย็น ด้วยต้นไม้ ไปวัด จึงเหมือนเข้าสมรภูมิ เจอจอมยุทธมากมาย ก็ต้องทำใจ เพราะแก้ไขได้ยากมาก
- พรรษา กุลมาตย์ -

ผู้ฝึกฝนตนอยู่ในชุมชนชาวอโศกในทุกวันนี้ คล้ายเข้าสมรภูมิดังคุณพรรษาว่าจริงๆ ด้วยว่ากิเลส ที่มีในตนถูกกระแทก-ถูกดูดดึงให้ออกมาแสดงตัวตน อย่างไม่รักหน้า เจ้าของซะเลย เหตุเพราะปัจจัยแวดล้อม อุดมไปด้วยเหยื่อของโลกธรรม อันมากมาย จากทุกทิศทาง ผู้กล้าฉีกหน้ากากตัวตน อันจอมปลอมของตน ออกเท่านั้น ที่จะได้ประโยชน์ ชำระกิเลส สร้างบารมีกับหมู่กลุ่ม มวลมิตร ผู้ตั้งใจมาลด มาล้างกิเลสกัน ถึงวันนี้ เราต่างก็รู้กันว่า เราต้องโตขึ้นเราต้องแข็งแรง เราจึงตั้งใจและเต็มใจฝึกตนกันเต็มที่ โดยมีท่านสมณะ และสิกขมาตุ เป็นพี่เลี้ยง ช่วยตัด-ต่อ-เติมเต็มให้ สังคมอย่างนี้ หาได้ที่ไหนในโลกนี้? ละอบายมุข-ถือศีลห้า ให้เกิดความเชื่อมั่น ขยับมาถือศีลแปดดู แล้วลองมาอยู่ด้วยกัน อาจจะสุข-เย็นกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้นะ - บ.ก.



# ถึง...ชาวกสิกรรมไร้สารพิษ...
ผมอยู่ข้างนอกเจอวิบากกรรมมาในรูปลักษณ์ต่างๆนานา ได้หนังสือธรรมะช่วยประคองชีวิต ให้เข้มแข็ง ปีนี้วัย ๖๗ ปีเข้ามาแล้ว ยังคิดอาจหาญจะทำนาไม่เผาฟาง งดสารพิษ ทางการเกษตร ทำมาได้ ๓ ปี ผลสำเร็จยังไม่มี เพราะดินเป็นกรดจัด ดินแน่นเหนียว-แข็ง ไถคราดหว่านตม เกี่ยวข้าวเสร็จไถไม่เข้า ดินแข็ง นาที่ทำมาต้นข้าวเตี้ย ปีนี้ขาดน้ำ ได้ซักประมาณ ๓๕๗ กิโลกรัมต่อไร่ ปลูกข้าวมะลิ ๑๐๕ ต้นทุนการผลิต นาหว่านแห้ง ตกไร่ละ ๒,๒๖๔ บาท ผลผลิตราว ๓-๕ กระสอบต่อไร่ นาข้าวดำต้นทุนการผลิตตก ๒,๘๐๐ บาทต่อไร่ ได้ผลผลิต ๗-๘ กระสอบต่อไร่ ผลผลิตจะสูงกว่า นาหว่าน ประมาณ ๓-๕ กระสอบต่อไร่

ปัญหาอุปสรรคทำให้ผลผลิตต่ำ
๑. ดินขาดอินทรีย์วัตถุ ดินแข็งแน่นเหนียว ไม่ได้วัดค่า pH ของดิน
๒. ต้นข้าวขาดน้ำนานถึง ๖๐ วัน ระยะแรก และช่วงข้าวออกรวง
๓. การเพิ่มปุ๋ยอินทรีย์ปุ๋ยน้ำหมัก ทางใบ ทางดินทำได้ไม่ทันหรือให้ปุ๋ยน้อย ปุ๋ยไม่พอ
๔. ขาดการทำปุ๋ยพืชสด คิดว่าราคาถูกกว่า มูลสัตว์ราคาแพง ต้องขนส่งเพิ่มรายจ่ายมาก อาจไม่ปลอดภัยจากสารเคมี
- สยาม สายทรง วิเชียรบุรี -

หากได้ลงมือทำเองก็จะชัดเจนในอุปสรรคและปัญหา เราควรบำรุงดินให้ดีก่อน ในวิถีธรรมชาติ ไร้สารเคมี เช่น หว่านพืชตระกูลถั่วคลุมดินแล้วคราดกลบดิน หรือใช้หมัก ทำปุ๋ยพืชสด หรือหากท่านใด ที่เคยแก้ปัญหา เช่นนี้ได้ มีข้อแนะนำอื่นๆ ก็ช่วยชี้แนะ กันด้วยนะ เราสนับสนุนผู้มีใจรักในกสิกรรมไร้สารพิษทุกๆท่านเสมอ และยินดี เป็นสื่อกลาง ให้ทำสิ่งดีๆกันด้วย - บ.ก.



# ข่าวจากเพื่อนที่เรือนจำกลางเชียงราย
ข้าพเจ้าได้รับหนังสือของทางอโศกเป็นประจำ ทำให้ได้รู้จักเพื่อนและบุคคล ที่มีความสนใจธรรมะ ของพระพุทธองค์ จากพ่อท่านสมณะโพธิรักษ์และชาวอโศกมากขึ้น บางคนบางท่าน อ่านแล้วก็ถือปฏิบัติตาม ชาวอโศก อย่างเคร่งครัด คือเห็นโทษเห็นภัย ในการบริโภคเนื้อสัตว์ ตามที่ชาวอโศกสอนไว้ในหนังสือทุกเล่ม ทุกฉบับ มีทั้งดอกหญ้า สารอโศก และ หนังสือพิมพ์" เราคิดอะไร"

ส่วนข้าพเจ้าเองก็พยายามพัฒนาตนเองมาเรื่อยๆ เมื่อก่อนเป็นคนหงุดหงิด โมโหง่าย แต่ตอนนี้ เบาลงไปเยอะ ในเรื่องความเครียด กลัว โมโห หงุดหงิด และกลับกลายเป็นคน มีจิตเมตตาแทน คือไม่เบียดเบียน ทั้งเพื่อนมนุษย์ และสัตว์ แมลงตัวเล็กตัวน้อย ก็ไม่กล้า ที่จะฆ่า แม้แต่มดยุง ก็ยังไม่กล้าที่จะเอาชีวิต ของมันเหมือนก่อน บางครั้ง เข้าห้องน้ำ เห็นแมลงตกลงหัวส้วม ก็ช่วยชีวิตมันขึ้นมา เพราะว่านึกถึงตนเอง ที่ถูกคุมขัง ก็เหมือนแมลง ที่ตกลงหัวส้วม เพราะมันไม่สามารถช่วยเหลือตัวเอง มันก็คงมีความทุกข์ทรมาน เหมือนมนุษย์ เราที่ถูกขัง เพราะการกระทำผิดของตน

เมื่อก่อนข้าพเจ้าได้สร้างบาปกรรมไว้เยอะมาก โดยเฉพาะปลา แต่ที่ทำลงไป ก็เพราะความไม่รู้ ไม่เข้าใจ ในบาปบุญ คุณโทษ ไม่เข้าใจถึงหลักธรรมคำสอน ของพระพุทธองค์อย่างแท้จริง โดยเฉพาะศีล ๕ ข้อแรก คิดแต่ว่าการปฏิบัติ หรือถือศีล เป็นเรื่องของพระ ของนักบวช ฆราวาสที่ต้องทำมาหาเลี้ยงชีวิต คงไม่เป็นบาปกรรมอะไร จึงได้ทำไป ตามอำนาจกิเลส ของตนเองพาไป เข้าหนักก็กลายเป็นคนเลี้ยงชีพ ด้วยการ เอาเปรียบสังคม เห็นแก่ตัว

พอได้มาเรียนรู้และอ่านจากหนังสือของพ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ จึงไม่กล้าทำบาปกรรม อีกต่อไป และได้เข้าใจ ในวันนี้ว่า เนื้อสัตว์ทุกชนิดไม่ใช่อาหารมนุษย์ ตามที่ตนเองเข้าใจ ตามความคิดเก่าๆ ของคนเก่าๆ ที่ถือตามๆกันมา สัตว์ที่ถูกกักขัง หรือเลี้ยงมาเพื่อ ที่จะฆ่า เป็นอาหารให้แก่มนุษย์ ต้องมีความทุกข์ทรมานใจ เช่นเดียวกับมนุษย์ ที่มีความทุกข์ ทรมาน อยู่ในกรงขัง แต่มนุษย์ถูกคุมขังเพราะผลแห่งการกระทำของตนเอง ยังมีจิตเป็นทุกข์ ไม่อยากอยู่รับใช้กรรม ตามที่ตนเองได้กระทำมาเลย สัตว์ถูกมนุษย์เบียดเบียน มันจะรู้สึก ทรมานขนาดไหน

เมื่อข้าพเจ้ารู้สึกสำนึกได้และพบกับคำสอนดีๆจากชาวอโศก จากพ่อท่าน จึงไม่คิดหวน กลับคืน ไปเป็นเช่นอดีต ที่ผ่านมา จึงเกิดความเพียรพยายามตามชาวอโศก และเป็น ความโชคดีอย่างยิ่ง ที่ได้รู้จักชาวอโศก แม้จะเป็นเพียงแค่ รู้จักทางสื่อ ก็รู้สึกมี ความอบอุ่นใจเหมือนได้อยู่ใกล้ๆหมู่กลุ่ม เพราะว่าการที่ได้รับ หนังสือ สารอโศก ดอกหญ้า ทุกเดือน ทำให้มีความรู้สึกเป็นเช่นนั้น เพราะกำลังใจ ที่ได้รับจากชาวอโศกนั้น มันแสนอบอุ่นมากจริงๆครับ

จากการที่ได้รับฟังคำสอนของพ่อท่าน ทำให้มีความรู้สึกสำนึกดี รับใช้กรรม ด้วยความไม่ทุกข์ ไม่ทรมาน เหมือนที่ผ่านมา เมื่อหลงมายาหลงโลกียสุขมากก็ทุกข์มาก ข้าพเจ้ากราบขอบพระคุณพ่อท่าน และชาวอโศก อย่างยิ่ง ที่ทำให้ข้าพเจ้า ได้รู้จักความทุกข์ และปฏิบัติตนอยู่กับความทุกข์อย่างสุขสงบได้ในทุกวันนี้ เหมือนมี แสงเทียนเล็กๆ ที่กำลังไล่ความมืดในใจให้แก่ข้าพเจ้าแล้วก็คือแสงธรรมจากชาวอโศก....ครับ
- แสงชัย คำลือ -

แม้จะถูกจำกัดอิสรภาพ ด้วยอกุศลวิบากในอดีต แต่ปัจจุบันหากเรียนรู้หมั่นฝึกตรวจตน ด้วยศีลห้า เว้นจาก อบายมุขให้จริง จะเข้าใจตนเองเข้าใจผู้อื่นมากขึ้น จะพึ่งกรรม ของตนเองได้ อดีตเป็นบทเรียนที่ดี ของปัจจุบัน ตั้งใจทำให้จริง ไม่มีใครทำให้เราดีขึ้นได้ เท่ากับตัวเราเอง - บ.ก.



# อานิสงส์ของ เอกามังสวิรัติ!
ถึงแม้ผมจะกินข้าวสองมื้อมานับเป็นสิบปี แต่น้ำหนักก็ยังมากอยู่คือ ๘๕ กิโลกรัม เลยลอง ลดมื้ออาหารเย็น เอกามังสวิรัติดู ภายในเวลาสองเดือนกว่าน้ำหนักผมลดลงเป็น ๗๒ กิโลกรัม และไม่ลดลงอีก นี่ก็ ๕ เดือนแล้ว ตลอดเวลา ที่กินมื้อเดียว ผมก็อยู่กับ การงานตลอด ผมทำสวนต้องปลูกต้องรดน้ำ ผมปั้นเตาเผาถ่านเอง ตัดฟืน เผาถ่าน โดยทำอยู่คนเดียว ทั้งฟืนและถ่านขณะนี้ ใช้ได้เป็นปี การมากินมื้อเดียว ทำให้คำกล่าวที่ว่า " ชีวิตที่แท้จริง ไม่ได้ต้องการอะไร มากมาย" ชัดเจนขึ้น

ก่อนนี้ผมนอนหงายไม่ได้มาเป็นเวลานาน เพราะอึดอัดต้องเปลี่ยนท่านอนบ่อย เวลานอน แม่บ้าน เอามือมาผลัก ผมบ่อยๆ บอกรำคาญเสียงกรน บางครั้งคิดว่า ผมยังไม่ได้หลับ ด้วยซ้ำ เขาบอกกรนอีกแล้ว เขาอยากเอาอย่างอื่น ผลักแทนมือ เหลือเกิน แต่ทุกวันนี้ เขาไม่ได้ผลักผมอีกเลย หนังสือของอโศก ที่ผมอ่านประจำคือ เราคิดอะไร สารอโศก ดอกหญ้า ดอกบัวน้อย ซาบซึ้งและบูชาในคำสอนของพระพุทธองค์ที่พ่อท่าน นำมาถ่ายทอด รวมทั้งสาระ เรื่องราว ที่สำคัญ ตลอดจนแง่คิดต่างๆที่เหล่าสมณะและคณะผู้จัดทำนำเสนอ ประทับใจมาก กับการใช้คำ และความ ในการเขียนกลอน ของอิสรา ประทับใจ ในคุณค่าของ หนังสือที่ได้รับ ขอกราบขอบพระคุณอีกครั้ง กับกลุ่มอโศก ที่ให้แนวทางเดิน กับชีวิต ถึงแม้จะปฏิบัติได้ไม่ถึงขั้นดี แต่ก็กล้าพูดได้ว่า " เกิดมาไม่เสียชาติเกิด"
- สมชัย โคตรพันธ์ จ.ยโสธร -

อนุโมทนากับการกล้าเปลี่ยนแปลง" ทำ" ในสิ่งที่" ดีกว่าเดิม" ทำให้ชีวิตผาสุกขึ้น ทั้งโดยส่วนตัว และครอบครัว ผู้อยู่ใกล้ชิด - บ.ก.



# พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก
พูดถึงในหัวสมองนี้ความดีก็งอกเงยขึ้นพอใช้ แต่ในภาคปฏิบัติค่อนข้างแย่หน่อย เอาแต่ติดสบาย ทำอะไรไม่ค่อย อยากให้มีผัสสะ มากระทบกระทั่ง แต่ถ้าไม่พ้นจริงๆ ก็สู้กันสักตั้ง บ่อยครั้งตั้งหลักไม่ทัน โทสะพุ่งทะลุตบะแตก แล้วค่อยมาเสียดาย ว่าไม่น่าเล้ย ใจยังเย็นไม่พอ ส่วนใหญ่มันจะพุ่งออกจากปากนี่แหละ กับคนอื่นไม่มีหรอก จะกับคน ใกล้ตัว ซะมากกว่า ดิฉันก็พยายามนึกถ้ามีคราวต่อไปก็ให้คิดว่า เป็นคนไม่รู้จักซะเลย จะได้ไม่เจ็บใจ ไม่เจ็บแค้น ความรู้สึกที่ไม่ดีมักจะคิดกับคนใน แก้ไม่หายสักที จะแก้ไขตัวเอง ไปเรื่อยๆ ก็ไม่ใช่แบบเอื่อยๆเฉื่อยๆ ถ้าจะบอกว่า มีการเปลี่ยนแปลงไหม ก็ขอตอบว่ามี แต่พูดยากเหมือนกันนะ ดิฉันแก้ไขแต่อีกฝ่ายไม่แก้ไข อย่างไร ก็อย่างนั้น คิดดูว่าแย่ไหม

ไม่ใช่ใครอื่นก็พ่อแม่ ดิฉันไม่ได้เอาเป็นเอาตายมีเรื่องกับท่านทุกวันหรอก อย่าเพิ่งตกใจ นานๆ ถึงจะมี การฉะกันบ้าง แต่ดิฉันก็พยายาม เลี่ยงเสมอ เพราะไม่ว่าจะกี่ครั้งกี่เรื่อง ก็จบลงแบบไม่เข้าใจ ไม่รู้เรื่อง ทำได้ดีในปัจจุบัน คือพูดกับท่าน ให้น้อยที่สุด มีเรื่องอะไร ปัญหาอะไรให้คนอื่นแนะนำ ดิฉันอย่าเป็นอันขาด ดิฉันเชื่อ ในเรื่องบารมี เรื่องกรรมเรื่องบุญ มันเกี่ยวเนื่องกันจนปัจจุบัน ดิฉันเข้าใจว่าตบะบารมีดิฉันไม่มี พูดอะไรไป จะถูกค้านแย้ง ตลอด ทั้งๆที่พูด เหมือนๆกับคนอื่น แต่จะไร้น้ำหนัก ดิฉันจึงต้องล้างกิเลสตัณหาต่อไป เพื่อเพิ่มบารมี สง่าราศีแก่ตัว บ่อยครั้งที่เวลา ต่อปากต่อคำ กับท่านทำให้จิตดิฉัน ตกต่ำมากๆ มีความรู้สึกเสียดายเวลา ขึ้นมาทุกที สิ่งนี้แหละ ทำให้ดิฉันพยายาม ไม่เข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องหรือปัญหาของคนในครอบครัว เรียกว่า อย่างไหนควรแยก อย่างไหนควรยุ่ง(เกี่ยว) โดยแท้โดยจริงๆแล้วปัญหาก็ไม่ใช่ปัญหา มันเหมือนกับซาตาน อะไรแว๊บๆเข้ามา ให้จิตใจตกต่ำ ตามมันไม่ทันอะไรปานนั้น สุดท้ายก็ไม่เห็นจะมีอะไร เสียสุขภาพจิต ก็เท่านั้น แถมบาปเพิ่มให้อีก ศีล ๕ ช่วงนี้ไม่ผ่าน ช่วงนี้ก็แก้ไขตนเองไป
- ๒๒๗๕๙๖ สรญา จ.สงขลา -

ไหนว่าเชื่อเรื่อง" กรรม" ไงล่ะ ทำไมไม่รีบปรับ-แก้ไขกรรมปัจจุบันให้ดีให้เหมาะ โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง พ่อ-แม่ บุพการี ผู้มีพระคุณ ของเราด้วยแล้ว ยิ่งต้องยอมยกให้ในหลายๆ กรณีทีเดียว ลองหัดทำเป็นยอมดูซิ! ไม่ต้องคิดอะไรมาก คิดอยู่อย่างเดียว " เพื่อทดแทน พระคุณ" ลองทำดู แม้แรกๆจะต้องฝืนมาก จะต้องลำบากใจ อย่างมากก็ตาม ลองขยัน ทำการทำงานขึ้นกว่าเดิมสักนิด ลองปรนนิบัติพัดวี เอาใจใส่ดูแลท่านบ้าง เล็กๆน้อยๆ หัดกราบขออภัย ในสิ่งที่แล้วๆมาดูบ้าง ทั้งหมดนี้หากยังทำจริงๆไม่ได้ ก็ลองคิดจะทำ ทุกๆคืน ก่อนนอน เพราะใครจะรู้ว่า หากเราต้องตายจากกัน ทั้งที่จิตใจยังผูกพยาบาท กันอยู่อย่างนี้ ทุคติเป็นอันหวังได้แน่ๆ ถ้ามัวแต่เกี่ยง ให้ผู้อื่นปรับเปลี่ยนก่อน ชีวิตคุณสรญา คงจะเดือนร้อนใจไปเรื่อยๆแน่นอน เพราะไม่มีใคร พ้นจากทุกข์ได้ เพราะผู้อื่น นอกจาก เราจะทำตัวเราเองนะ - บ.ก.



# เด็ดดอกไม้ สะเทือนถึงดวงดาว
ปีนี้ที่บ้านแม่ตื่น ชุมชนในหุบเขาที่ห่างไกลจากคนส่วนใหญ่รู้จัก ในวันที่ ๒๐ พ.ค.ที่ผ่านมา เกิดอุทกภัย ครั้งยิ่งใหญ่ น้ำป่าไหลหลากนอง พัดพาเอาท่อนซุง เศษไม้ โคลนตม เลน พัดท่วม บ้านเรือนเสียหาย อย่างมากมาย เนื่องจากสภาพสิ่งแวดล้อม เริ่มไม่สมดุล ป่าไม้ถูกทำลายค่อนข้างมาก ผลกระทบ จึงตามมา อย่างคาดไม่ถึงว่า จะทำความเสียหาย ให้กับชุมชนอย่างใหญ่หลวง น้ำป่าสามารถพัดสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก ขาดอย่าง ง่ายดาย ทำให้การคมนาคม ระหว่าง หมู่บ้านกับเชียงใหม่ ต้องเป็นไป อย่างทุลักทุเล อยู่ระยะหนึ่ง โชคดีอยู่บ้าง ที่มีการแก้ไข ได้เร็วพอสมควร โรงเรียนบ้านหลวง ต.แม่ตื่น ต้องถูกเศษไม้ ท่อนซุง โคลนตมทับถม จนเด็กๆไม่มีที่เรียนกัน โรงเรียนที่โย้เย้ ไปทั้งหลัง ซ่อมแซมไม่ได้ อาจเป็นไปได้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเนื่องจากความโลภ ความไม่รู้จักพอ ของพวกมนุษย์ และผู้คนที่ไม่ดำรงตน อยู่ในกรอบของ ศีลธรรมจริยธรรม เลยทำให้ชุมชน ต้องได้รับความเสียหาย อย่างใหญ่หลวง

สำหรับตัวผมไม่เดือดร้อนอะไรมากนัก เนื่องจากบ้านอยู่ที่สูง ทำเลบ้านดี พยายามสำรวจ ตัวเอง อยู่เสมอว่า ในแต่ละวัน เราขาดศีลขาดธรรมไปบ้างหรือไม่ การอ่านหนังสือดอกหญ้า สารอโศก ทบทวนอยู่เสมอ เพราะอยู่ ในท่ามกลาง ท้องถิ่นที่ยังเต็มไปด้วยอบายมุขมากมาย คิดว่าเป็นบุญของตัวเองแล้ว และชีวิตได้เดินถูกทาง จึงทำให้จิตใจ เข้มแข็ง ทำให้ชีวิต ห่างไกล จากอบายมุข
- สุรศักดิ์ สุตะปัญญา เชียงใหม่ -

การดำรงชีวิตอยู่ให้ได้ในท่ามกลางกระแสโลกย์อย่างรอดปลอดภัย ต้องมีความมั่นคง-มั่นใจ ในศีลแห่งตน พุทธธรรมสอน ให้ลดความเห็นแก่ตัว เป็นภาระน้อย เอาภาระมาก จึงจะเป็นอยู่ ผาสุก สังคมทุกข์ -เดือดร้อน แม้ธรรมชาติ ก็ถูกนำออกใช้ อย่างทดแทนกัน ไม่ทัน

ทำให้เสียสมดุลจนเกิดปัญหาเดือดร้อนรุนแรงกันปานนี้ ปัญหาอันยิ่งใหญ่นี้ ตั้งต้นแก้ไข ต้องเริ่ม นับหนึ่ง ที่เราแต่ละคน ต้องฝึกประหยัด ตั้งแต่น้ำ-ไฟฟ้า-เชื้อเพลิง ทุกรูปแบบ ฯลฯ และการนำ กลับมาใช้ใหม่ ของกระดาษ ถุงพลาสติก หรือการใช้ปิ่นโตหรือถุงผ้า แทนการ ใช้พลาสติก

เหล่านี้จะช่วยลดการใช้ทรัพยากรจากธรรมชาติลงได้มาก หากเราช่วยกันคนละไม้คนละมือ คงจะช่วยยืดเวลา การใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ออกไปได้บ้างกระมัง? - บ.ก.



# หนึ่งมื้อ มังสวิรัติ...หมื่นชีวิตรอดตาย...
ทุกครั้งที่ผมได้รับหนังสือสารอโศกหรือว่าดอกหญ้า ผมดีใจเป็นอย่างยิ่งเลยครับ มันเหมือนกับว่า มีมิตรสหายที่ดี ได้เข้ามาเยี่ยมบ้าน และได้รับคำสอนใหม่ อย่างนั้นแหละ ผมจะอ่านให้หมดเลย โดยเฉพาะ " สิบห้านาทีกับพ่อท่าน" อ่านแล้ว ก็เหมือน ได้มานั่งคุย กับพ่อท่าน เพราะตั้งแต่ผมเป็นสมาชิกรับหนังสือ และรู้ข่าวคราว ของหมู่กลุ่ม ผมก็ยังไม่ได้ เข้าหมู่กลุ่มเลย มีแต่จิตใจเท่านั้นที่ได้เข้ามาใกล้ เพราะมัวยุ่งกับการงาน ที่ทำอยู่ ยังไม่ว่าง เลยครับ แต่ถึงอย่างไร ผมก็ยังปฏิบัติธรรมอยู่ข้างนอกได้หลายข้อ และก็จะให้มันได้ดีขึ้น ไปกว่านี้อีก อย่างทุกวันนี้ศีล ๕ ข้อเกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ เลยครับ ยกเว้นข้อที่ ๑ ก็จะมีมด และยุงเท่านั้น ที่มีเป็นบางครั้ง ส่วนอบายมุข ทุกอย่าง ผมไม่เอาแล้ว กินมังสวิรัติทุกวันพระ และวันเกิด ไม่กินขนมหวานจุบจิบในเวลาว่าง นอกจากผลไม้ เป็นบางครั้ง กินสองมื้อ คือมื้อเช้ากับมื้อเที่ยง ตอนเย็นถ้ามีน้ำเต้าหู้ก็ดื่ม ถ้าไม่มีก็ไม่ดื่ม ส่วนวันอื่นๆ ก็จะกินแต่กะปิ และน้ำปลา เท่านั้น ไม่กินสัตว์ใหญ่ทุกชนิด กินข้าวกล้องตลอดไม่กินข้าวขาว ทำได้เท่านี้ ก็รู้สึกว่า จิตใจสงบเยือกเย็นขึ้น เรื่องโกรธ ก็บรรเทาได้มากขึ้น

ตอนนี้ผมได้ตกลงกับภรรยาว่าในช่วงวันเข้าพรรษาปี'๔๗ นี้ ในวันพระจะกินมื้อเดียว ภรรยา ก็ตกลงแล้ว และก็เข้าใจด้วย เพราะตอนนี้ภรรยาก็รักษาศีล ๕ ด้วยเหมือนกัน แต่ภรรยา ยังกินสามมื้ออยู่ ผมก็จะพยายาม ให้ปฏิบัติ ได้เหมือนผมครับ
- อ้าย ผัดวัน จ.เชียงใหม่ -

กะปิ น้ำปลา แม้จะเป็นชีวิตสัตว์เล็กสัตว์น้อยก็เป็นชีวิตนะ หากเข้าพรรษาปีนี้จะลอง ใช้ซีอิ๊ว แทนน้ำปลา กะปิหมัก จากถั่ว แทนกะปิเคย ก็จะน่าอนุโมทนายิ่งนัก หากงดเนื้อสัตว์ ได้บริสุทธิ์ การลดมื้ออาหาร จะทำได้ดีขึ้นด้วย - บ.ก.

- สารอโศก อันดับที่ ๒๗๒ มิถุนายน ๒๕๔๗ -
ISSN 0857-7585