เรียงวลีกวีธรรม
อุดมการณ์ ศรัทธา
ยังกล้าแกร่ง
เปล่งแสง ประกายท้า อย่างกล้าหาญ
เลือดยังข้น เข้มสี ไม่มีจาง
ใจแข็งอย่าง นักรบ จะพบชัย
- เฟืองธรรม -
๑๙ กุมภาพันธ์ ๔๕
ณ ขอบฟ้าหนึ่ง.....
ไกลเกินซึ่งผู้ใดจะไปหา
แต่ความรัก ห่วงใย และศรัทธา
โน้มน้อมขอบฟ้ามาใกล้กัน
- ลูกไม้ -
๒๗ ต.ค. ๔๔
อโศกกำมะลอ
เป็นอโศกก็แค่กำมะลอ ไม่รู้พอกิเลสยิ่งสิ่งสงสัย
เป็นอโศกแค่รูปนอกพาไป แต่กายใจฉันยัง...พังเพราะเงิน!
เป็นนกก็ไม่ใช่หนูก็ไม่เชิง ใจมันเหลิงมัวเมาให้เราเขิน
จงหยุดเถิดหยุดที่ใจไม่สะเทิน จะเพลิดเพลินเป็นได้...กายของเรา
หยุดตรวจจิตตรวจใจให้ได้ก่อน จะสะท้อนภาพมายาช่างน่าเขลา
มัวหลงรุ่มร่ามตามแต่เงา ใจจึงเฝ้าอาทรร้อนดวงใจ
มาบัดนี้ฝึกหยุดจิตคิดฟุ้งซ่าน ล้างตำนานน้ำเน่า...เบาสดใส
ต้นอโศกเริ่มลางลางข้างในใจ ล้างกรรมใหม่กรรมเก่า...เพราะเราพอ
- จินตะหรา ๔๕ -
อาชีพบุญ
ยุคสิ่งทรามลามลวงปวงมนุษย์
เกินจะหยุดฉุดรั้งสิ่งสังขาร
แต่มีผู้รู้รอบขอบประมาณ
มาสืบสานสัมมาลดกาลี
แม้บ่วงบาปหาบแห่กระแสเชี่ยว
ไม่ทดท้อห่อเหี่ยวเบี้ยววิถี
ยังมั่นคงทรงศักดิ์มรรควิธี
เพื่อสร้างผลคนดีให้ปรีชา
แม้หนักเหนื่อยเมื่อยล้าศรัทธาท่วม
เพื่อรวบรวมหมู่ชนพ้นมิจฉา
ให้เกาะกลุ่มเร่งรัดพัฒนา
สืบอัตราการก้าวที่ยาวไกล
ก่อนชีวินสิ้นสิทธิ์อุทิศสู้
ก็จะอยู่สร้างกระแสการแก้ไข
เพื่อถ่วงทรามลามโลกที่โศกภัย
ยอมสิ้นใจในงานสืบสานธรรม
- อ่อนฌาน ญาณเยาว์ -
นักกินเมือง
แผ่นดินเกิดกลียุค
ไหม้ลามลุกไปทั่วหล้า
คนจนหลั่งน้ำตา
เดินก้มหน้าเยี่ยงหมาโซ
พวกเหล่านักกินเมือง
ชีวิตเฟื่องโกยกันโข
สร้างบ้านหลังใหญ่โต
โชว์ทรัพย์ล้นปล้นแผ่นดิน
- นักบุญ -
คำคิด
คิดจะปรุงมุ่งเพ่งให้เก่งขึ้น
คิดตื้นตื้นตื่นซะจะดีกว่า
คิดปั้นใจใส่สุขปลุกชีวา
คิดบ้าบ้าหาเรื่องเปลืองพลัง
ก็รู้นะขณะปั้นนั้นเสแสร้ง
แต่ฤทธิ์แรงแฝงรสสะกดขัง
รู้ทั้งรู้ว่าสุขใดไม่จีรัง
แต่ก็ยังคลั่งเสน่ห์เล่ห์โลกีย์
เมื่อถูกย้ำก็ช้ำไหม้อยู่ในอก
คิดเหหกปกป้องจนหมองศรี
ความคิดเอ๋ยเคยคิดผิดวิธี
แล้วจะมีที่ใดให้รื่นรมย์
คิดจะปรุงมุ่งเพ่งให้เก่งขึ้น
คิดแช่มชื่นตื่นซะจะเหมาะสม
คิดปรุงใจให้คุณบุญนิยม
คิดให้คมปมคำนำชีวิต
- เฌอเอ๊าะ -
บ้านป่าไพร
ชื่อป่าไพรนามบ้านที่ท่านตั้ง
เมื่อครั้งยั้งชีพที่สีมาสถาน
ท่านมนาโปลับไปยังไม่นาน
เหลือคำขานเล่าวัตรด้วยศรัทธา
มีไม้ใหญ่รายล้อมอยู่อ้อมบ้าน
ลมพลิ้วผ่านเย็นรื่นชื่นหนักหนา
ยลม่านใบไม้ย้อยร้อยเรียงมา
เป็นมาลามาลัยน้อยเรียงร้อยใบ
ดอกรางจืดม่วงอ่อนลอยร่อนหล่น
ระดาษบนพื้นพร่างกระจ่างใส
เสาวรสถูกหลังคาครั้งคราใด
ดุจเทพไท้ประทานอาหารกิน
หน้ามะม่วงกะล่อนในตอนนั้น
เก็บทุกวันไม่เว้นเป็นนิจสิน
หน้ามะกอกก็หล่นปนเกลื่อนดิน
มากเหลือกินเก็บกวนชวนเชิญชิม
ทั้งกระรอกกระแตเคยแลเห็น
กระปูดเต้นนกหลากหลายเสียงคล้ายขิม
ผีเสื้อส่ายปีกสวยด้วยภาพพิมพ์
กอไผ่ริมรั้วล้อมกล่อมประจำ
มะม่วงมะละกอและขนุน
น้อยหน่าบุญนำให้ได้อิ่มหนำ
ป่าไพรในชุมชนคนมีธรรม
กินเพื่อย้ำสร้างกรรมดีชั่วชีวิต
- ใบไม้เหลือง -
๑๓ พ.ย.๔๖
- สารอโศก
อันดับที่ ๒๗๒ เดือน มิถุนายน ๒๕๔๗ -
|