*** พึ่งกันอย่างไรในสังคมพุทธ แต่ก่อนอยู่กับหมู่กลุ่มก็หวังพึ่งหมู่กลุ่มมากเกินควร(เรียกร้องเกินไป)จึงผิดหวังมาก เคยฟังเทศน์ว่าอย่าตั้งความหวัง เมื่อหวังก็มีความผิดหวังเสมอ ตัวอย่างเช่น เรามีเรื่อง เกี่ยวกับกฎหมายเราก็ไปปรึกษา นักกฎหมายของหมู่กลุ่ม แล้วไม่ได้รับการสนับสนุน หรือทางหมู่กลุ่ม ไม่เป็นธุระอย่างนี้ พ่อท่านเทศน์เสมอว่าพึ่งแก่พึ่งเจ็บกันได้ แต่ผมคิดว่าพึ่งกันไม่ได้เลย
พึ่งได้เฉพาะเวลา เผาศพเห็นแห่กันไป ผมคิดว่าพึ่งกัน ขณะที่มีชีวิตอยู่จะไม่ดีกว่าหรือ?
หรืออย่างมีงาน ส่วนตัวแล้ว รวมกันมา ช่วยเหลือ อย่างนี้จะไม่ดีกว่าหรือ?
คอยให้ตาย แล้วค่อยมาเผาศพ เท่านั้นเองหรือ? เรื่องอย่างนี้
ผมก็โดนมาแล้ว ตัวผมเอง ปฏิบัติธรรมมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๒๙ รับประทานอาหารมังสวิรัติวันละหนึ่งมื้อ
ระบายสู่กันฟังเฉยๆหรอก ไม่คิดว่า จะมีสาระ อันใดเลย เพื่อความสบายใจตัวเองก็เท่านั้น - เคยฟังธรรมจากพ่อท่าน เปรียบเทียบสังคมบุญนิยม[นิยม"ให้"] กับ สังคมทุนนิยม [นิยม"เอา"] สังคมที่นิยม "เอา" จะต้องการ ได้มาเพื่อตนมากไม่รู้จบ แต่สังคมที่นิยม "ให้" จะต้องใช้เวลาฝึกให้ ฝึกเสียสละ ด้วยความรู้และเข้าใจ ไม่มีการบังคับ "สังคมพุทธ" จึงเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของผู้เพียรฝึกตนเป็น "ผู้ให้" ต้องขออภัยด้วย ที่เรายังให้ไม่เก่งพอ - บ.ก.
ตอนนี้เริ่มมีคนกำลังจะเอาตัวอย่าง น่าพอใจ แต่ปลูกผักผมสังเกต ถ้าผมหว่าน
ตรงกองปุ๋ยหมัก จะงามกว่าเพื่อน คราวนี้เริ่มจะได้ผลบ้างแล้ว กำลังทำได้ผลอย่างไร
จะรายงานให้ทราบ - กสิกรรมไร้สารพิษ มักจะประสบความสำเร็จด้วยน้ำพัก-น้ำแรงของ คนไร้สารพิษ เพราะ คนไร้สารพิษ ที่โลภน้อยลงเท่านั้น จึงจะ อดทนได้ รอคอยได้ - บ.ก.
เรื่องที่นายกทักษิณออกมาพูดว่าภายใน ๕ ปี จะทำให้คนจนไม่มีในประเทศ แต่นำ นโบยาย ทุนนิยม มาใช้อย่าง เต็มรูปแบบ ผมคิดว่าไม่ต้องพูดภายใน ๕ ปีหรอก ต่อให้ ๑๐ ปี หรือ ๑๐๐ ปี ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะคนในปัจจุบัน มีแต่ความโลภ ไม่รู้จักพอ ในการดำเนินชีวิต ผมมีความเห็นว่า ถ้าทุกคนดำเนินชีวิตตามแบบอย่างชาวอโศก ใช้เวลาไม่ถึง ๕ ปีหรอก เพียงเดือนเดียว ทุกคน ก็จะเป็น คนรวยทันที เพราะทุกคนรู้จักคำว่าพอ ในเวลาใด ที่เรามีความรู้ว่าพอ ในขณะนั้น ก็หายจนทันที ในสารอโศกเล่มนี้ได้พูดถึงกสิกรรมไร้สารพิษ ผมว่าเป็นเรื่องดีมาก เพราะในปัจจุบันนี้
ไม่ว่าดิน ก็ตายไปแล้ว น้ำก็ตายไปแล้ว อากาศก็ตายไปแล้ว เมื่อสิ่งเหล่านี้ตายไปหมดแล้ว
แม้ว่าเราจะรวย มากขนาดไหน ก็ไม่สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ - ความเป็นไปของสังคมทุกวันนี้ ทำให้ผู้ศึกษาประพฤติธรรม ได้เข้าใจชัดเจนถึงความ รุนแรง ความร้ายกาจ ของกระแส โลกีย์มากขึ้นเช่นนี้แล - บ.ก.
ก็กราบขอบคุณชาวนิตยสารอโศกทุกท่านอีกครั้งที่ช่วยผลิตหนังสือดีๆออกมา และ
ให้ดิฉัน มีวันนี้ วันที่ไม่ต้อง ติดยึดอะไร ในชีวิตให้มากมายนัก..... - เมื่อเราจะกระทำในสิ่งใด ในเรื่องใด ความเข้าใจที่ชัดเจนมากพอต้องมาก่อนเสมอ - บ.ก.
ผมทำงาน ธ.ก.ส.คุ้นเคยรู้จักกับญาติธรรม(คนวัด)ที่อยู่แผนกอบรมหลายคน ไปเข้าอบรม สัจธรรมชีวิต สร้างผู้นำ พาเด็กนักเรียน เข้าค่ายเยาวชน พาผู้นำชุมชนอบรมหลักสูตร สร้างผู้นำ ก็มีความสุขดี ที่ทำให้คนอื่น พบความจริง ของชีวิต พบธรรมะแท้ๆ ของพุทธศาสนา งานที่ทำอยู่รู้ว่าเป็นระบบ"ทุนนิยม" แต่ก็พยายามใช้"บุญนิยม" เข้าผสม ผสาน จะได้ลดบาปลงบ้าง มีภาระครอบครัวภรรยา ลูก ๒ คนยังเรียนหนังสือ คงจะยัง ไม่พร้อม ช่วยเหลือหมู่กลุ่ม อย่างแท้จริง แต่มีโอกาสก็ไปงานบุญของชาวอโศก งานเพื่อฟ้าดิน อโศกรำลึก มหาปวารณา เท่าที่โอกาสอำนวย สุดท้ายต้องขอขอบคุณมูลนิธิธรรมสันติที่ส่งวารสารมาให้อ่านต่อเนื่อง จะทดแทนบุญคุณ
โดยปฏิบัติตัว ให้เป็นคนดีมีธรรมะ ศีล และแผ่ความดีเมตตาสู่เพื่อนมนุษย์ด้วย - อนุโมทนากับการจัดสรรชีวิต เพื่อจะได้"บุญ"จากการฝึกปฏิบัติที่ตน - บ.ก.
ดิฉันได้อ่าน บันทึกจากปัจฉาสมณะ ในสารอโศกอันดับ ๒๗๑ เนื่องในงานอโศกรำลึก ครั้งที่ ๒๓ ที่ตอนหนึ่ง พ่อท่านพูดอภิปราย จากการจัดงานของคุณนิติภูมิ ที่ท่านพูดว่า "อาตมายังซาบซึ้ง ภาคภูมิแทน ชาวอิสลาม ด้วยเลยว่า อิสลามนี่ ยังเคร่งครัด ในศาสนา จัดมาก จึงเห็นชัดเจนเลยว่า ศาสนาอิสลามอยู่รอด" ดิฉันภาคภูมิใจ ที่พ่อท่าน พูดอย่างนี้ เพราะพ่อท่าน พูดในฐานะพุทธแท้ๆ ดิฉันเข้ามาอยู่ในดงอิสลาม ประเทศมาเลเซียเกือบ ๓ ปีแล้ว ดิฉันอยากเสนอข้อสังเกต ข้อคิดเห็น ตามประสา พุทธเปลือกๆ ของดิฉันบ้าง ดิฉันชื่นชมการแต่งกายของผู้หญิงอิสลามที่มิดชิดดูสุภาพเรียบร้อย แต่วิถีชีวิต
ก็ไม่ต่างจาก คนศาสนาอื่น โดยเฉพาะ ครอบครัว และจัดจ้านรุนแรงไม่ต่างจากศาสนาอื่น
แต่เพราะพลเมืองไทย ตกเป็นเหยื่อ ของสื่อมวลชน นานแล้ว สื่อบางสื่อ ต้องการทำกำไร
ก็สรรหา สิ่งปรุงแต่ง ที่จัดจ้านตอบสนองกิเลสผู้คน จนซึมซับ ทับถมนานแล้ว
และอิสระ เสรีภาพ ของสื่อมีมากเกินไป เลยทำให้คนรุ่นใหม่ละจากวัด ไปสนใจสิ่งที่สื่อมวลชน
ปรุงให้ นานวันเข้า คนก็เสื่อมจิต เสื่อมใจ ถ้าสื่อมวลชนปรุงแต่งศาสนาให้เป็นที่สนใจ
เป็นค่านิยม ที่มีราคา นานวันเข้า ผู้คนก็จะเจริญจิต เจริญใจ - เขียนเล่าประสบการณ์การปฏิบัติธรรม ในท่ามกลางชาวมุสลิมมาสู่กันฟังอีกนะ ชาวอโศก อยู่หนใด ก็มักจะส่งข่าว ถึงกัน และไม่ว่าจะอยู่ที่ใด "ศีล"จะคุ้มครอง ผู้ปฏิบัติ เสมอ... - บ.ก.
ดิฉันอ่านสารอโศก อันดับที่ ๒๖๘ "จดหมายจากญาติธรรม" เรื่องคนปลูกกาแฟ เขาบอกว่า กาแฟ มีสารพิษมากมาย การทำดีท็อกซ์ เพื่อล้างสารพิษ แต่ในกาแฟมีสารพิษมากขนาดนี้ จะกลายเป็น ตรงกันข้าม คือเอาสารพิษเข้าร่างกาย ดิฉันอยากให้สินค้า อีกหลายอย่าง ของร้านค้า ของอโศกปลอดสารพิษ กาแฟก็ควรดู แหล่งที่มา ว่าปลอดสารพิษ จริงหรือเปล่า ผักผลไม้ก็เช่นกันและแชมพูสระผมที่วางขายอยู่ตามร้านค้าของอโศก ก็ยังมีส่วนผสมของ โซเดียม ลอริลซัลเฟต และ สารเคลือบเส้นผม เช่น ซิลิโคน ซึ่งสาร ๒ ชนิดนี้ ไม่ใส่ก็น่าจะได้ จะได้ใช้แชมพูที่ปลอดภัยจริงๆ สบู่ที่วางขายอยู่ก็มีส่วนผสมของโซดาไฟ ซึ่งแม้จะมีปริมาณเล็กน้อย แต่ถ้าไม่ใส่ก็น่าจะดี
และปลอดภัยกว่า เพราะเป็นที่รู้กันทั่วไปว่า อโศกไม่ชอบสารเคมี และดิฉันก็เช่นกัน
จึงอยาก ให้สินค้า อโศกทุกชนิด ปลอดสารเคมีจริงๆ - นโยบายชาวอโศกไม่สนับสนุนให้ผลิต สิ่งที่มีส่วนผสมของสารเคมีแน่นอน โดยทุกวันนี้ เราพยายาม ลดการใช้สารเคมี และทดลองใช้พืชสมุนไพรมาทดแทน - บ.ก. - สารอโศก อันดับที่ ๒๗๓ กรกฎาคม ๒๕๔๗ - |