รัฐบาลไม่เน้นการพัฒนาคน
!!! เสียงตักเตือนและตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลจากฝ่ายต่างๆถูก ทักษิณ ชินวัตร ดิสเครดิต ไปเกือบหมดแล้ว หากไม่รวมเสียงของ พจมาน ชินวัตร ก็คงเหลือระดับปัญญาชน เพียงแค่ น.พ.เสม พริ้งพวงแก้ว, น.พ.ประเวศ วะสี, จำลอง ศรีเมือง และ สมณะโพธิรักษ์ ที่พอจะมี น้ำหนักให้ "ทักษิณ" เงี่ยหูฟังได้บ้าง นี่คือบางส่วนจากการสัมภาษณ์พิเศษ "สมณะโพธิรักษ์" ผู้ซึ่งมีบทบาทปรากฏชัดขึ้นมา นับจาก กรณีซื้อหุ้น "ลิเวอร์พูล" รวมถึงกระแสข่าวหนาหูจากการเป็น "แบ็คอัพ"ให้ ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.!!! # มีข่าวว่าสันติอโศกเข้า ไปช่วยเหลือ พล.ต.จำลอง ในเรื่องหาตัวผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.? "ยืนยันว่าไม่รู้เรื่องนี้เลย มีพรรคเพื่อฟ้าดินแล้วยังไม่ส่งคนออกไปสมัครเลย แล้วจะไปช่วยคนอื่น คัดเลือกทำไม อาตมาและสมาชิกทำพรรคนี้แบบเจียมตัว ส่วนความเคลื่อนไหวของ พล.ต. จำลอง นั้น อาตมาไม่เคยคุยเรื่องนี้รวมทั้งเรื่องการเมืองเลย... ...อาตมาเคยพบท่านปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ แค่ครั้งเดียว เมื่อปี ๒๕๔๔ ความจริงแล้ว น้องชาย ท่าน คือ หมอทศพล เปี่ยมสมบูรณ์ อาตมารู้จักดี เพราะมาปฏิบัติธรรมที่นี่นับสิบปี และ เป็นหัวเรือใหญ่ ที่บูรพาอโศก"
"พรรคเพื่อฟ้าดินเพิ่งตั้งได้ ๒-๓ ปี ตอนนี้มีสมาชิกทั่วประเทศ ๒ หมื่นกว่าคน เราเน้นนโยบาย บุญนิยม คือมีแนวคิดทำงานเพื่อประชาชน และไม่แสวงหาอำนาจและผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น พรรคนี้ไม่มี ส.ส. ไม่มีการหาเสียง แต่ถ้าพรรคจะมี ส.ส.ได้นั้น ประชาชนจะต้องมาขอให้พรรค ส่งตัวแทน ไปเป็น ส.ส.โดยไม่ต้องหาเสียง... พรรคนี้จะไม่มี ส.ส.ได้ง่ายๆ ทำงานให้ประชาชนโดยไม่มีรายได้ ไม่ต้องมีตำแหน่ง ไม่แสดง อำนาจ แต่ประชาชนต้องได้รับสวัสดิการจากรัฐบาล เพราะคนทั้งประเทศ ยกมาให้เป็นผู้นำ พรรคจะค่อยๆ ขยายเครือข่ายต่างๆจากจุลภาคไปเป็นมหภาค.... ...แนวคิดนี้เป็นอุดมคติและแตกต่างกับพรรคอื่นๆ แบบคนละขั้ว ใช้ระบอบประชาธิปไตย ที่รับฟัง ความเห็นซึ่งกันและกัน ไม่ใช่รูปแบบเผด็จการ ไม่มีการปิดกั้น ไม่มีระบบวิป ต้องติเตียน กันได้ เพราะหากไม่มีการติติงคือน้ำเน่า เหมือนกับฝูงควายที่เดินตามหัวหน้า เพียงอย่างเดียว มันไม่ใช่ประชาธิปไตย"
"อาตมาเห็นไม่สอดคล้อง เพราะนายกรัฐมนตรีมุ่งเน้นการพัฒนาเงิน เศรษฐกิจสะพัด แต่ไม่ได้ พัฒนาคน ให้ลดละความฟุ่มเฟือย กิเลสและการมอมเมาจากต่างประเทศ ที่หลั่งไหลเข้ามา ให้คนบริโภค อย่างตอนนี้คนไทยหลงใหลกีฬากันทั้งประเทศ จากนั้นตำรวจก็ไปไล่จับ แต่วิธีที่ดี คือผู้ใหญ่ในรัฐบาลไม่ควรก่อเหตุให้คนทั่วไปตกเป็นทาส วันนี้อบายมุขในเมืองไทย ครึกครื้นมาก... ...ส่วนวิธีการของอาตมาจะเป็นแนวทางพาคนไปจน จะสร้างคนจนผู้ยิ่งใหญ่ คือเสียสละ และ ไม่สะสม เป็นคนจนซึ่งอยู่ในระดับที่มีหลักประกัน มีวัฒนธรรม พึ่งตัวเองได้ ดำเนินวิถีชีวิต ตามหลักคำสอน ของพระพุทธเจ้าและในหลวง ใช้ทรัพย์สินส่วนกลางร่วมกัน คือสาธารณโภคี อยู่ในชุมชน ที่มีวัฒนธรรมของตัวเองและมีหลักประกันในชุมชน..."
"นายกฯพัฒนาเรื่องการหาเงินจากต่างประเทศเข้ามามาก แต่ต่อให้จีดีพีโตถึง ๗-๘ เปอร์เซ็นต์ คนเหล่านี้ก็ไม่ได้พัฒนาตัวเอง เพราะกิเลสคือศัตรูตัวร้ายที่สุดของคนร่ำรวยและคนจน เศรษฐี, ขอทานมีความอยากได้เท่ากัน แต่เศรษฐีมีโอกาส ขณะที่ขอทานไม่มีโอกาส ทุกคนไม่ยอมหยุด ความอยากรวย เมื่อคนรวยไม่ยอมหยุดหาผลประโยชน์ที่จะได้รับ แล้วจะให้คนจน วิ่งตาม คนรวย แต่ถามว่าทำไมคนรวยไม่ระบายโอกาสลงมา เพราะถึงแม้รัฐบาลจะตั้งใจหารายได้ จากนอกประเทศเข้ามา แต่อัตราช่องว่างทางรายได้ก็ยังมีมาก"
"การแปลงสินทรัพย์เป็นทุน คือหาอาชีพให้คนมีรายได้มากขึ้น ให้เกษตรกรมีพื้นที่ปลูกพืช สร้างรายได้ เมื่อพืชผลออกมาก็นำไปขายให้นายทุน คือคนข้างบนที่กำหนดแนวทาง เมื่อผลผลิต มากขึ้น การกดราคาก็เกิดขึ้น คนรวยจะยอมซื้อของในราคาที่แพงหรือ ในเมื่อ คนผลิต ต่างแย่งกันขาย... ....ที่ผ่านมาเรามักจะตีราคาของตัวเองให้สูงเกินจริง ข้าราชการและนักการเมือง ที่ตีราคา ตัวเองสูงๆ อยากถามว่าทำงานเต็มสมรรถภาพหรือไม่ เพราะสมบัติของคนที่แท้จริง คือ ความสามารถ ประเทศนี้แม้จะยากจนแต่มีความเอื้อเฟื้อ ขยันทำงาน แจกจ่ายกันในชุมชน สิ่งนี้ คือ มหาทรัพย์ของโลก"
"อาตมาไม่ได้ตำหนิใคร แต่พูดในฐานะคนไทยที่มีสิทธิตามรัฐธรรมนูญและทำงานกับสังคมจริงๆ รัฐบาลมีกระทรวงต่างๆขึ้นมา แต่ไม่เน้นการพัฒนาคนเลย อาตมาอยากย้ำว่า ทำอย่างไรผู้ใหญ่ ในรัฐบาล จะฉุกคิดเรื่องการลงทุนบริหารคน .....หมายความว่าลงทุนปรับเปลี่ยนความคิดของคนให้เลิกหลงใหลในสังคมที่เละเทะสุรุ่ยสุร่าย สิ่งเหล่านี้หากผู้พัฒนาสังคมไม่แก้ไข มันก็แก้อะไรไม่ได้ ควรเริ่มต้นที่การพัฒนาศีลธรรม ผู้ใหญ่ ในบ้านเมืองต้องเป็นแบบอย่างที่สามารถลดละกิเลสได้หมด โดยนำไปใช้ในชีวิต ประจำวัน ไม่ใช่ไปโปรโมทดารา"
"อาตมาไม่กล้าวิจารณ์ เพราะต้องมีสัมมาคารวะ หลายอย่างที่อาตมารู้เห็นแต่พูดไม่ได้ เพราะมัน ไม่สมควร เพียงแต่ต้องรับรู้และให้สัญญาณไปบ้าง หากท่านรู้สึกและเข้าใจ เพื่อแก้ไข ปรับปรุง ก็เป็นบุญไป... ตั้งแต่อาตมาส่งจดหมายส่วนตัวถึงนายกฯ เรื่องลิเวอร์พูลไปแล้ว ก็มีกลุ่มต่างๆติดต่อมาว่า ช่วยเตือนหรือให้สัญญาณกับนายกรัฐมนตรีในเรื่องนั้นเรื่องนี้บ้าง แต่เรื่องที่อาตมาดำเนินการ ไปนั้น มันสุกงอมแล้ว อาตมาเข้าไปเติมเพียงแค่เศษธุลีเท่านั้น อย่าเข้าใจว่าอาตมาเป็นตัว ผลักดัน ที่เปลี่ยนแปลงได้" * สมัชชา หุ่นสาระ - สมชาย สามารถ - สารอโศก อันดับที่ ๒๗๓ กรกฎาคม ๒๕๔๗ - |