"ลูกเป็นกระจกเงาสะท้อนพ่อแม่" ดูจะใช้ได้กับครอบครัวของนักเรียนสัมมาสิกขา ชญาภรณ์ ลินชุม พอได้ จากคำบอกเล่าของเธอในวันหนึ่งว่า "เวลาโรงเรียนปิดเทอม หนูอยากมีอิสระ กินอะไร ทำอะไรตามสบายตามชอบมั่ง วันหนึ่งหนูขอพ่อกินเนื้อสัตว์ สักครั้งหนึ่ง เดี๋ยวเปิดเทอม ก็จะได้กินมังสวิรัติอยู่ดีแหละ" แล้วคำเตือนของ พ่อมนัส ลินชุม ก็มีฤทธิ์ยับยั้งให้ลูกต่าย หยุดใคร่ครวญได้ ด้วยคำสอนสั้นๆ ที่เปี่ยมความปรารถนาดีว่า

"อย่ากินเลยลูกมันเป็นมลทิน ตอนอยู่โรงเรียนยังกินมังสวิรัติบริสุทธิ์ได้เลย ตอนนี้ปิดเทอม ไม่นาน ก็ควรทำให้บริสุทธิ์ต่อ ดีกว่าน่า....."

คำสอนตอนนี้ของพ่อนี้เองก็เป็นกำลังใจให้ลูกสาวก้าวข้ามความอ่อนแอ ลังเลสงสัย เพียงชั่วขณะ ไปได้ทีละขั้น ทีละตอน แม้บางคราวจะสะดุดล้มพลั้งพลาดลงไปบ้าง ก็ยังมี"พ่อ" คนดีที่หนึ่งคนนี้ ที่มีความปรารถนาดีเสมอ และยังสอนอีกว่า

"เรื่องของผู้ชายในวัยเรียน พ่อจะเล่าถึงญาติผู้หญิงคนหนึ่งของหนูที่เขามีใจเข้มแข็งมาก เวลาอ่านหนังสือ มีผู้ชายมาชวนเที่ยวเล่น พี่เขาบอกเสียเวลา เขาไม่เปิดโอกาสให้ใครเลย จนกว่าเขาจะเรียนจบ....."

หนูได้ฟังแล้วก็รู้ว่าพ่อหวังดี คอยให้กำลังใจ ให้อภัย และให้คำแนะนำ สู่ทางดี สู่ทางที่ อันตรายน้อยที่สุด แก่ลูกที่ยังเยาว์ ยังอ่อนประสบการณ์ ให้ได้มีสติและมีพลัง พร้อมที่ จะนำชีวิต ให้ดำเนินไปด้วยความเข้มแข็ง พ้นทุกข์ส่วนตน จนสามารถนำพาผู้อื่นได้ด้วย เพราะพ่อนำตนเองได้จึงแนะลูกได้น่าเลื่อมใส เพราะลูกมีศรัทธาจึงนำตนเองได้ เพราะลูก นำตนเองได้ ก็นำสังคมได้.... ความรุ่งเรืองของประเทศชาติ ย่อมหวังได้จากพัฒนาการ ของเยาวชน ในวันนี้อย่างที่เห็นๆเช่นนี้เอง

- พาชัด -
ส.ค. ๒๕๔๗