งดเหล้าเข้าพรรษา เหล้าหรือน้ำเมา เป็นอีกปัจจัยที่อยู่คู่ชีวิตของคนไทยมานานจนเรียกว่าเข้ากระแสเลือดก็ว่าได้ เมื่อเวลาผ่านไป พิษภัยของเหล้าหรือน้ำเมาได้เพิ่มปัญหามากขึ้น ทั้งอุบัติเหตุที่เกิดจากการเมา และอาชญากรรมต่างๆ เท่านั้นยังไม่รุนแรงเท่ากับได้เกิดนักดื่มหน้าใหม่ขึ้นมากมาย จนหลายๆ ฝ่าย ต้องลุกขึ้นมาผนึกกำลังกันเพื่อแก้ไขปัญหา โดยความร่วมมือ จากภาครัฐ และเอกชน จนเกิดคณะกรรมการการควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ(คบอช.)ขึ้น โดยได้รับ การสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) นอกจากนั้น ยังได้รับความร่วมมือจากองค์กรภาคีต่างๆทั่วประเทศ โดยมีสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า เป็นศูนย์กลางในการประสานงานกับองค์กรภาคีต่างๆทั้งภาครัฐและเอกชน เช่นทุกปีคณะทำงาน ดังกล่าวจะจัดกิจกรรมรณรงค์งดเหล้าในเทศกาลสำคัญๆ อย่างงดเหล้าเข้าพรรษา ซึ่งจัดเป็น ประจำ ทุกปี ก็ได้รับการตอบรับจากหน่วยงาน องค์กรต่างๆ ตลอดจนประชาชนทั่วไป เป็นอย่างดี จากเอกสารข้อเท็จจริงเรื่องแอลกอฮอล์ขององค์การอนามัยโลก กล่าวว่า การบริโภคแอลกอฮอล์ เกินควรเป็นสาเหตุของการตายและความพิการทั่วโลก ทั้งนี้ประมาณร้อยละ ๔ ของการตาย และความพิการ ทั่วโลกเกิดจากการบริโภคแอลกอฮอล์ ซึ่งมากกว่ายาเสพติดถึง ๕ เท่า เครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ ไม่เพียงบั่นทอนสุขภาพร่างกายให้สมองเสื่อมลงเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสติปัญญา และสุขภาพจิต ของผู้ดื่ม และก่อปัญหาสังคมอีกด้วย ที่เห็นเด่นชัดได้แก่ การเมาแล้วขับ ซึ่งเป็นสาเหตุ ของการเกิดอุบัติเหตุจราจรมากกว่าร้อยละ ๕๐ ของอุบัติเหตุที่เกิดทั้งหมด การก่อความรุนแรงต่อครอบครัว จากการรวบรวมสถิติผู้ประสบอุบัติเหตุทางถนนพบว่า ในภาวะปกติ ร้อยละ ๒๖ เกี่ยวข้องกับการ เมาแล้วขับ และเพิ่มเป็นร้อยละ ๖๐-๖๕ ในช่วงเทศกาล หากสามารถลดอุบัติเหตุจราจร จากคนเมา ได้ร้อยละ ๕๐ จะลดการเสียชีวิตปีละ ๒,๙๐๐ ราย ลดการบาดเจ็บปีละ ๒๙,๖๒๕ ราย และการลดการสูญเสียทางเศรษฐกิจได้ประมาณ ๑๓,๙๗๕ ล้านบาท ๓๕ เปอร์เซนต์ของคนไทยวัยเกิน ๑๑ ปี ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แยกเป็นชาย ๑๕.๕๑ ล้านคน หรือร้อยละ ๖๐.๘๐ เป็นหญิง ๓.๙๕ ล้านคนหรือร้อยละ ๑๔.๕๑ และชายวัยทำงานดื่มหนักที่สุด นอกจากนั้น มีนักดื่มขาประจำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ชีวิตคนไทยผูกพันกับศาสนามานาน คนส่วนใหญ่มักใช้วันสำคัญต่างๆของศาสนา เป็นฤกษ์ดี ในการเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ๆ หรือลด ละ เลิก ไม่ทำในสิ่งที่จะนำความเสื่อมเสียมาสู่ชีวิต อย่างเช่น วันเข้าพรรษา ก็สามารถบวชใจได้ โดยการตั้งจิตอธิษฐาน ตั้งใจละเว้น ไม่ยุ่งเกี่ยวกับ อบายมุข ทั้งปวง ในวันอาทิตย์ที่ ๑ ส.ค. ๒๕๔๗ เครือข่ายชาวอโศกทั่วประเทศประมาณ ๑,๕๐๐ คน ร่วมเดิน รณรงค์ เนื่องในวันงดดื่มสุราแห่งชาติ ณ บริเวณท้องสนามหลวง และมีประชาชนจากองค์กรต่างๆมาร่วมรณรงค์หลายหมื่นคน ทีวีช่อง ๑๑ ถ่ายทอดสด ๐๕.๐๐ น. ญาติธรรมจากกลุ่มชุมชนต่างๆทยอยมารวมตัวกันบริเวณลานจอดรถบจ.ฟ้าอภัย พร้อมป้าย รณรงค์งดเหล้า แต่ละคนล้วนมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส และมาในชุดเต็มยศ คือไม่ใส่ รองเท้า พร้อมแล้วสำหรับการร่วมเดินรณรงค์ หลังจากนั้นรถบัส ๔ คันออกเดินทางไปยังท้องสนามหลวง สำหรับผู้ที่นำรถมาเอง ก็นัดเจอกัน ที่สนามหลวง ที่สนามหลวงตัวแทนกลุ่มไปรับแจกหมวกสีฟ้าให้กับผู้มาร่วมเดินทุกคน ซักซ้อมความเข้าใจ อีกครั้งหนึ่ง แล้วจึงไปตั้งแถวเรียง ๖ เตรียมเคลื่อนขบวน บริเวณบาทวิถีด้านอนุสาวรีย์ พระแม่ธรณี หันหน้าไปทางวัดพระแก้ว ๗.๐๐ น. กองดุริยางค์ ๔ เหล่าทัพ โดยแต่ละเหล่าทัพเดินนำขบวนองค์กรต่างๆทั้ง ๔ ทิศ เคลื่อนสู่ บริเวณพิธีในลักษณะเดินเข้าหากัน และเมื่อบรรจบกันแล้วก็เลี้ยวเข้าบริเวณพิธี แล้วเดินขนาน กันไป ทางฝั่งอนุสาวรีย์พระแม่ธรณีเป็นกองทัพอากาศและกองทัพบก ทางฝั่งมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ เป็นกองทัพเรือและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีกลุ่มองค์กรต่างๆเดินตามขบวน ระยะทาง ที่เดินประมาณ ๕๐๐ เมตร กองดุริยางค์กองทัพอากาศซึ่งใส่ชุด สีกรมท่าเดินนำขบวนชาวอโศก ซึ่งสีเครื่องแบบใกล้เคียงกับ สีเสื้อของชาวอโศก โดยมีปฐมอโศกเดินตามเป็นชุมชนแรก มีหนูน้อยสัมมาสิกขา กลุ่มเทียนหยด เดินถือป้าย อยู่หน้าขบวน เป็นที่น่าเอ็นดูแก่ผู้พบเห็น ขณะที่ขบวนทยอยเข้าสู่ด้านหน้าเวที เมื่อเจอกับ กลุ่มต่างๆ พวกเราก็โบกไม้โบกมือทักทายกัน แม้หลักปฏิบัติของเราจะต่างกัน แต่เรามี อุดมการณ์เดียวกัน ร่วมรณรงค์ทำความดีสากล ที่ทำได้ทุกศาสนิกชน เป็นภาพที่น่า ประทับใจยิ่งนัก เนื่องจากพื้นที่เฉอะแฉะทางผู้จัดได้แจกผ้าพลาสติก สำหรับปูนั่ง ให้กับทุกคน ทางคณะผู้จัดงาน จัดให้ชาวอโศกแบ่งไปทางซ้ายและทางขวาของเวที ประชาชนกลุ่มต่างๆ ที่เข้ามานั่ง ก่อนได้ปรบมือต้อนรับ และมีกลุ่มนักเรียนจากโรงเรียนต่างๆทยอยมาเป็นระยะ ๗.๔๕ น. การแสดงบนเวทีก็เริ่มขึ้น จากนักร้องต่างชาติอาสาสมัครจากขอนแก่น ๒ คน ในชุด สยามเมืองยิ้ม, ต่อจากนั้นเป็นการร้องเพลงของชาวเขาเผ่าปกากะญอ, รำตัดจาก จ.สุพรรณ-บุรี รำสี่ภาคจากนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา และ ๒ นักร้องยุวชนยอดเยี่ยม แห่งประเทศไทย ประจำปี ๒๕๔๓ และ ๒๕๔๕ ร้องเพลงที่มีความหมายถึง การแสวงจุดร่วม สมานจุดต่าง เพื่อให้ประชาชนชาวไทยอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขโดยปราศจากแอลกอฮอล์ ขณะเดียวกัน มีเครื่องร่อน บินโฉบเฉี่ยวไปมาสร้างสีสรรอยู่บนท้องฟ้า ๘.๔๐ น. ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานในพิธี เดินทางมาถึง ๙.๐๐ น. ประธานฝ่ายจัดงาน น.พ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม กล่าวรายงานว่า มหกรรมงดเหล้า เข้าพรรษา เป็นการทำความดีสากลที่คนไทยทั้งชาติ จะร่วมกันสร้างสังคมให้ดียิ่งขึ้น หลังจากนั้น ได้มอบโล่เกียรติยศให้กับนางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ในฐานะที่มีบทบาทสำคัญ ในการรณรงค์ โครงการงดเหล้าเข้าพรรษา นางสุดารัตน์ได้กล่าวเปิดงานว่าสรุปว่า วันนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ ในกิจกรรม ในการรณรงค์ งดดื่มสุรา เพื่อเป็นการทำความดีถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวโรกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ของสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ในวันที่ ๑๒ สิงหาคม ที่จะถึงนี้ และตั้งแต่ปี ๒๕๔๕ เป็นต้นมา รัฐบาลได้ดำเนินนโยบาย ในการรณรงค์ สร้างเสริม สุขภาพ ประกาศให้เป็นปีเริ่มต้น แห่งการสร้างสุขภาพ โดยฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร มีนโยบายและกลยุทธ์ต่างๆ ในการดำเนินการ ทั้งการรณรงค์ ให้ประชาชนออกกำลังกาย มีอาหารที่ปลอดภัย และมีคุณค่า มีสังคมมีชุมชน ที่มีอนามัยที่ดี มีสุขภาพดี มีความสุขกาย มีความสุขใจ ไปพร้อมกัน ขณะเดียวกัน ก็รณรงค์ลดละเลิก อบายมุข บุหรี่ เหล้า ยาเสพติด ซึ่งจะจัด ต่อเนื่องร่วมกัน ทั่วประเทศกับเครือข่ายภาคี และยังมีโครงการ Healthy Thailand สนับสนุนให้ทุกหมู่บ้าน ได้มีส่วนทำให้ทุกคนในหมู่บ้าน มีสุขภาพ ที่แข็งแรง มีความสุข มีสุขภาพ และละเลิกอบายมุขให้ได้ และกำหนดให้ทุกวันอาทิตย์ เป็นวันครอบครัวแข็งแรง (Healthy Family) ของสังคมไทย โดยให้หน่วยราชการ ที่เกี่ยวข้อง หามาตรการ ควบคุมและรณรงค์ ให้มีการงดเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ บุหรี่ รวมทั้งอบายมุข สิ่งเสพติด อื่นๆ ที่ทำลายสุขภาพคนไทย ตลอดจนส่งเสริม ให้ประชาชน แต่ละครอบครัว ได้มีกิจกรรมร่วมกัน เพื่อสร้างความอบอุ่น ในครอบครัวทุกวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ มีตัวเลขจากองค์การอนามัยโลกว่า ปี ๒๕๔๓ คนไทยดื่มเหล้าต่อหัวสูงถึง ๑๓.๕๙ ลิตร สูงเป็น อันดับ ๕ ของโลก แต่ต่อไปเราจะทำให้ประเทศไทยเป็นแชมป์ของการสร้างสุขภาพ ปีหน้าเมืองไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพในการประชุมการส่งเสริมสุขภาพโลก และโครงการ งดดื่มเหล้า จะเป็นโครงการตัวอย่าง ที่ประเทศไทย จะนำเสนอในเวทีโลก และคาดว่า เราจะประกาศ ให้โลกรู้ว่า เมืองไทย รณรงค์ในการ งดดื่มสุราได้สำเร็จ และลดตัวเลขผู้ดื่มสุราลง หลังจากนั้นประธานและคณะผู้ทำงาน ๑๐ ท่าน ได้ทำพิธีเทเหล้าลงในกระทะทองแดงใบใหญ่ บนเวที ด้านขวามือ ส่วนท่านอื่นๆเทเหล้าลงในกระทะทองแดงด้านซ้ายมือ และบริเวณเต็นท์ ด้านข้างเวทีทั้ง ๒ ข้าง ก็มีกระทะ ทองแดงใบใหญ่วางไว้ให้ประชาชนเทเหล้าด้วย สิงหาคมปีหน้าเราจะได้ประกาศให้ชาวโลกรู้ว่ากิจกรรมดีๆนี้ประเทศไทยของเราทำสำเร็จ ซึ่งจะสำเร็จ หรือไม่ขึ้นอยู่กับคนไทยหัวใจพุทธทุกๆคน "งดสุราทั้งแผ่นดิน เทให้สิ้นจากคนไทย" สุดท้ายตัวแทนผู้นำศาสนา พุทธ คริสต์ ซิกข์ พราหมณ์ ฮินดู คณะสงฆ์จีนนิกาย คณะสงฆ์ อานัมนิกาย ขึ้นกล่าวให้โอวาทและแง่คิดอันเป็นมงคลกับการจัดงานครั้งนี้ แล้วประชาชน ก็ทยอยกลับ ๙.๔๕ น. ชาวอโศกนัดรวมพลเพื่อแบ่งพื้นที่เก็บขยะ โดยเริ่มจากริมขอบสนาม ในแต่ละด้าน มาก่อนแล้วเรียงแถวหน้ากระดาน เดินมาบรรจบกันพอดีตรงกลางสนาม ขณะเดียวกันผู้มาร่วมเดินรณรงค์ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ของโครงการนี้ ก็ได้ทยอยเก็บไปด้วย โดยถุงเก็บขยะ เขียนว่า ถุงเก็บเพชรพลอย ทำให้การเก็บขยะมีความหมายยิ่งขึ้น และประชาชน บางส่วนก็เก็บที่รองนั่ง ที่ทำจากแผ่นฟอล์ย มาใช้ใหม่ ทำให้ขยะในสนามหลวงหมดลงอย่างรวดเร็ว ๑๐.๓๐ น. รถเครือข่ายชาวอโศกทุกคันเคลื่อนออกจากบริเวณสนามหลวง ในวันนี้ทั่วทุกภาคและทั่วโลกมีกิจกรรมเทเหล้า เผาบุหรี่ จนกว่าเบียร์ เหล้า บุหรี่ จะหมดไป จากสังคมไทย. - ปลาทอง - -สารอโศก อันดับที่ ๒๗๓ กรกฎาคม ๒๕๔๗ - |