โพธิรักษ์ทาบ 'จำลอง' ลง ส.ส.
นำพรรคฟ้าดินกู้ภาพพจน์ปท.

พรรคเพื่อฟ้าดินจะทาบทาม " จำลอง ศรีเมือง" ลงสมัคร ส.ส. ในนามพรรค " สมณะโพธิรักษ์" จะไปร้องขอด้วยตัวเอง ชี้ถึงเวลาที่มหา ๕ ขัน จะเข้ามากอบกู้ภาพพจน์ การเมืองไทย ที่เละเทะอยู่ในเวลานี้แล้ว ชูแนวทางรากหญ้าของแท้ ด้วยเศรษฐกิจพอเพียง สู้กลุ่มทุนนิยม ลั่นจะเอาธรรมะเข้าไปยุ่งในการเมือง ที่วันนี้ไร้คุณธรรม

สมณะโพธิรักษ์ เจ้าสำนักสันติอโศก ในฐานะที่ปรึกษาพรรคเพื่อฟ้าดิน เปิดเผยว่า เขาจะไปทาบทาม พลตรี จำลอง ศรีเมือง ที่ปรึกษาฝ่ายทรัพยากรบุคคล ของนายกรัฐมนตรี มาลงสมัคร ส.ส. ในนามพรรค เนื่องจากพรรคต้องสรรหา สมาชิกพรรค ที่สังคมรู้จัก ไปลงสมัคร ส่วนจะได้รับเลือกหรือไม่ ไม่เป็นไร เพราะได้ทำตามหน้าที่แล้ว

" พรรคสนใจท่าน(จำลอง) แต่ติดเงื่อนไขที่พลตรีจำลองเคยประกาศไว้แล้วว่า จะไม่ลง การเมืองอีก ซึ่งอาตมาจะหารือกันอีกครั้ง ให้ท่าน(จำลอง)ตัดสินใจใหม่ แม้ตอนนี้ ท่านจะเป็น ประธานบอร์ดศูนย์พัฒนาพลังแผ่นดิน ด้านจริยธรรมของรัฐบาลก็ตาม แต่พรรคเพื่อฟ้าดินเป็นพรรคอุดมคติ เงื่อนไขคุณสมบัติของผู้สมัครก็เยอะมาก และไม่มี การหาเสียง" สมณะโพธิรักษ์กล่าวและว่า พรรคเพื่อฟ้าดินได้ก่อตั้งพรรคมาเป็นเวลา " ๓ ปีแล้ว โดยยึดหลักบุญนิยม คือ ไม่รับเงิน หรือผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น จะเร่งดำเนินการ ให้เร็วที่สุด เพราะไม่รู้ว่านายกฯจะยุบสภาเมื่อไหร่ หากชักช้า จะติดเงื่อนไขรัฐธรรมนูญ

สมณะโพธิรักษ์ ยอมรับว่าพรรคเพื่อฟ้าดิน เคยมีแนวคิดว่าจะยังไม่ส่งผู้สมัคร ส.ส. ในตอนนี้ เพราะยังไม่พร้อมในเรื่องการทำงานให้ชุมชนที่ยังไม่กว้างขวางเท่าที่ควร ซึ่งเป้าหมายเดิมนั้น พรรคจะส่งผู้สมัคร ส.ส. ในอีก ๒๐-๓๐ ปี ข้างหน้า แบบไม่รับเงินเดือน และผลตอบแทน หากมีการเลือกตั้งขึ้น ประชาชนจะเป็นผู้เสนอ ผู้สมัคร ส.ส.ขึ้นมา ด้วยตัวเอง ว่าต้องการใครไปเป็นส.ส. แต่เมื่อเราส่ง เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ รองเลขาธิการพรรค ได้ไปประชุมกับ กกต. จึงทราบว่า ต้องส่งคนลงสมัคร รับเลือกตั้ง ครั้งหน้าด้วย เราจึงต้องเร่งดำเนินการ มิฉะนั้นอาจถูกยุบพรรคได้

" แนวทางพรรค จะยึดหลักการ ๔ หลักคือ
๑. เศรษฐกิจพึ่งตน
๒. ชุมชนเข้มแข็ง
๓. ประชามีธรรม
๔. ประเทศมีไท
ลดอบายมุข แนวทางการเมืองแบบนี้ พิสูจน์ได้จากชุมชนต่างๆ ของสันติอโศกทั่วประเทศ ที่ชุมชนไม่มีการใช้เงินเลย ไม่มีการหาเสียง ยกเว้นแต่มีป้ายโฆษณา แนะนำตัวเพียง ๑ แผ่น กลางชุมชนนั้นๆ ซึ่งเป็นนวัตกรรมการเมืองใหม่ของโลก ซึ่งจะสวนทางกับ การเมืองปัจจุบัน ขึ้นอยู่กับประชาชนจะตัดสินใจอย่างไร พรรคเพื่อฟ้าดิน ทำงานเพื่อ ชุมชนมา ๓ ปีเศษแล้ว เป็นการทำงานแบบจิตภาพ ลดอบายมุข อบรมความคิดพึ่งตัวเอง เกษตรกรรมไร้สารพิษ ไม่ใช่การเมืองแบบเอาเงินไปให้ประชาชน เราทำงานเพื่อให้ ประชาชน ในชุมชนรู้ทันยุคบริโภคนิยมและทุนนิยม ที่ขยายไปทั่วโลก ที่ควรรู้ตัว ไม่ตก เป็นเหยื่อ" สมณะโพธิรักษ์กล่าว

เจ้าสำนักสันติอโศก กล่าวอีกว่า สังคมขณะนี้ขาดภูมิคุ้มกันและปัญญา มีการมอมเมา การบริโภคไปทุกแห่ง หากประชาชนไม่มีปัญญา แม้มีเงินมหาศาล ก็ยังตกเป็นเหยื่อ นายทุน การพัฒนาประเทศ บนค่านิยมบริโภคนิยม ในตอนนี้ของสังคมไทย และสังคมโลก เหมือนกับ คนติดฝิ่นในอดีต มันไม่สามารถทำให้สังคมดีขึ้นมาได้ ฉะนั้นพรรคเพื่อฟ้าดิน มีแนวทางพัฒนาจิตใจ และความรู้ประชาชน เพื่อสร้างภูมิความรู้ ให้ทันกับกระแสโลก พึ่งตัวเองตามแนวทางพระราชดำริในหลวง และไม่ถูกล้วงไส้ล้วงตับ จนหมดไปแบบไม่รู้ตัว

" อาตมาขอยอมเป็นอีแร้งในสังคม เพราะสิ่งต่างๆ ที่อาตมากระทำมาตลอดนั้น กระทำ ด้วยความจริงใจ ไม่เคยทำอะไรผิด ตั้งใจช่วยสังคมให้พ้นทุกข์ ประชาชนมีศีลธรรม และพึ่งพาตัวเองได้ ทุกวันนี้สังคมเหลวไหล ทั้งกฎหมาย และค่านิยมต่างๆ ล่าสุดได้ยิน นายกรัฐมนตรีพูดว่า อย่าเอาธรรมะมายุ่งกับการเมือง แต่อาตมาคิดว่าพฤติกรรมแบบนั้น มันสร้างสรรค์หรือทำลาย ขอให้ใช้สมองน้อยๆคิดด้วยว่ามันผิด อาตมาและพรรค จะเอาธรรมะไปยุ่งกับการเมือง เพราะทุกวันนี้การเมืองไม่มีคุณธรรมเลย นี่คือสัจจะ ไม่ใช่โวหาร"

สมณะโพธิรักษ์ กล่าวด้วยว่า การเมืองทุกวันนี้เข้มแข็ง แต่ย่ำแย่เละเทะลงทุกวัน เป็น การเมืองทุนนิยม อำนาจนิยม และศักดินาที่ทำลายประเทศ การเมืองตอนนี้ มุ่งเน้น ความชนะเท่านั้น โดยไม่สนใจสิ่งอื่นๆ ถึงเวลาที่พลตรีจำลอง ควรออกมากู้ภาพลักษณ์ การเมือง ไทย ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรี ไม่ทราบความหวังดีของ พลตรีจำลอง ว่ามีให้ ท่านนายกฯ มากแค่ไหน พลตรีจำลอง ทำดีที่สุดแล้ว ตอนนี้คน กทม. เลยประชดการเมือง เช่น ไปเลือกนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ได้รับคะแนนกว่า ๓ แสนคะแนน ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่ผ่านมา หากพลตรี จำลอง ได้รับการเลือกตั้งเข้าไป ต้องสู้กับคนอื่นที่หาเสียง และ ใช้เงิน ๔๐๐ กว่าคนในสภา ประชาชนจะรู้ว่าของจริงเป็นอย่างไร

" แหม ! มันน่าตื่นเต้น และน่าดู ระหว่าง การเมืองที่เป็นจริง ที่เน้นการไปทำงานกับ ประชาชน ไม่เอาเรื่องอำนาจและไม่ใช้เงิน จะสู้กับการเมืองที่มุ่งแต่อำนาจกับการใช้เงิน อันไหน จะอยู่ได้ อาตมาอยากจะรู้ และอยากเห็น มันคงสนุกน่าดู ที่ผ่านมา มีแต่ลิเก การเมือง เมื่อเจอของจริง ที่ประชาชนเลือกจริงๆ แล้วจะรู้ เพราะคนอย่างพล.ต.จำลอง นั้นหากมีเลือดโลกียชนสักหน่อย คงสบายไปกว่านี้แล้ว ตำแหน่งอะไรๆก็ คงได้มากกว่านี้ อย่าลืมว่า พล.ต.จำลอง เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่เป็นพันเอก ซึ่งเป็นเลขาธิการ นายกฯ ที่หนุ่มที่สุดของเมืองไทย เป็นคนแรก" สมณะโพธิรักษ์กล่าว

จาก น.ส.พ.กรุงเทพธุรกิจ กรุงเทพการเมือง ฉบับวันจันทร์ที่ ๖ กันยายน ๒๕๔๗

-สารอโศก อันดับที่ ๒๗๔ สิงหาคม ๒๕๔๗-