เหนือฟ้ายังมีดิน
ใครคือผู้กล้า...พรรคเพื่อฟ้าดิน

ในที่สุด " พรรคเพื่อฟ้าดิน" ก็เริ่มเป็นที่ประจักษ์ต่อสังคมว่ากำลังจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ในการบริหารประเทศ ต่อไปในอนาคต?

แม้ตอนแรกคิดว่าอาจจะยาวนานไปสักนิด อย่างที่ เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ รองเลขาธิการพรรค ให้สัมภาษณ์ ไว้กับ "เนชั่นสุดสัปดาห์" ตั้งแต่ปีที่แล้วว่า คงประมาณ ๑๐๐ ปี ที่จะเห็นผลในรุ่นลูกหลาน

แต่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นั่นเอง ที่ทำให้พรรคเพื่อฟ้าดิน ต้องแสดงตน ชัดเจนเร็วขึ้น โดยการ กำหนดว่า พรรคการเมืองจะต้องทำกิจกรรมทางการเมือง โดยการส่งตัวผู้สมัคร จึงจะสามารถ คงสภาพความเป็นนักการเมือง และมีสิทธิ ได้รับเงินสนับสนุนพรรคการเมือง ซึ่งทำให้สมณะโพธิรักษ์ ผู้นำชุมชนอโศก ต้องออกมา ทาบทาม พลตรีจำลอง ศรีเมือง ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ และ ประธานศูนย์สนับสนุน และพัฒนาพลังแผ่นดิน เชิงคุณธรรม ซึ่งเป็นศิษย์ก้นกุฎิ ให้ลงสมัครส.ส. สมัยหน้า ซึ่งพลตรีจำลอง ก็ปฏิเสธไปเรียบร้อยแล้ว

ดังที่พลตรีจำลอง กล่าวไว้ในบทบรรณาธิการ นิตยสาร " เราคิดอะไร" ฉบับเดือนกันยายน ๒๕๔๗ ว่า หลังจาก พูดกับผู้สื่อข่าวไปแล้ว หนังสือพิมพ์บางฉบับ ก็ถามเรื่อง พรรคทางเลือกที่สาม ผมยืนยันว่า เราได้ช่วยกัน ตั้งพรรค ดังกล่าวมาแล้วในอดีต คือ พรรคพลังธรรม ซึ่งเป็นพรรคทางเลือกที่แท้จริง ให้คำมั่นสัญญา กับประชาชนไว้ เป็นสัญญาประชาคม ที่โดนใจประชาชน แต่ก็เป็นได้แค่พรรค ขนาดกลาง ( มีส.ส. ๔๗ คน) ไม่สามารถเป็นแกนนำรัฐบาล เพื่อเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองได้ ดังใจนึก

" ผมกล่าวถึงพรรคเพื่อฟ้าดินซ้ำอีก แต่สื่อมวลชนก็ไม่สนใจอีกตามเคย พรรคเพื่อฟ้าดินเอง ก็ยังไม่อยาก ให้ใครสนใจ และไม่คิดจะส่งใครลงสมัครรับเลือกตั้ง เป็นพรรค ในอุดมคติ จริงๆ ที่สามารถ ประสพผลสำเร็จ แต่ต้องอาศัยเวลา นับร้อยปี กว่าสังคมไทย จะสนับสนุน"

เพราะพรรคเพื่อฟ้าดิน กำหนดไว้ว่า นักการเมืองของพรรค ต้องเสียสละจริงๆ เมื่อมีตำแหน่ง ทางการเมือง ก็มีแต่หน้าที่เท่านั้น ต้องไม่รับเงินเดือน ไม่ต้องหาเสียง ให้ลำบาก ไม่ต้องเสียเงินเสียทอง เมื่อพรรคตัดสินใจ ส่งใครลงเลือกตั้งแล้ว เพียงประกาศ ให้ประชาชนทราบเท่านั้น ว่าส่งใคร ประชาชนจะเลือก หรือไม่เลือก ก็แล้วแต่ ในเมื่อหาคนที่ทั้งเก่งทั้งดี เตรียมไว้รับใช้แล้ว ไม่เอาก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องเหนื่อย ดีเสียอีก

มหาจำลองบอกว่า ประชาธิปไตยที่แท้จริง ต้องเป็นอย่างนั้น

" ผมประชาสัมพันธ์ให้พรรคเพื่อฟ้าดินเสียยืดยาว เพราะเห็นว่าถึงเวลาที่จะต้องบอกกัน ให้ทราบแล้ว เรียกร้องกันนัก เรียกหาพรรคทางเลือกที่สาม บอกให้ทราบว่ามีแล้ว ใจถึงหรือไม่เท่านั้นเอง ที่จะสนับสนุน และดำเนินงาน ทางการเมือง ผมคนหนึ่งละ ที่หนุนเต็มที่ แต่ขอไม่มีตำแหน่งอะไรในพรรคอย่างนี้ ไปตลอด เพราะเข้าวัย ตกกระแล้ว ต้องเป็นหน้าที่ของคนวัยหนุ่มสาว"

มหาจำลอง ประกาศไว้อย่างชัดเจน


แม้ว่าสมณะโพธิรักษ์จะไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อฟ้าดินอย่างเป็นทางการ แต่ก็เป็น ผู้ก่อตั้ง และเป็น ผู้วางนโยบายของพรรค ท่านกล่าวว่า อาตมาเป็นผู้กำหนดเอง พรรคเพื่อฟ้าดิน เป็นพรรคเล็กๆ โนเนมก็จริง แต่สองสามปี ที่ผ่านมา ก็ได้รับคำชื่นชม จากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.) ว่าทำงานจริง เอกสารทุกชิ้น ทุกเรื่อง ก็รายงานส่งตามที่ กกต. กำหนด ตรงเวลา ตรงกับความเป็นจริง

" ไม่ยกเมฆเหมือนพรรคอื่นๆ พิสูจน์ได้ตลอดเวลา ไม่มีแบบผักชีโรยหน้า ไม่แย่งผลงาน แต่ช่วยกัน อย่างกลมเกลียวสามัคคี นักการเมืองพรรคเพื่อฟ้าดิน ไม่รับเงินเดือน ถ้าจำเป็น ต้องเซ็นชื่อรับเงิน ก็รับ แล้วบริจาค เข้ากองกลาง จะไม่เอาเป็นส่วนตัว ตอนที่ผู้อำนวยการทุกพรรค มาประชุมสัมมนากันที่ สันติอโศก ปรากฏว่า ผู้มาเข้าร่วม ประชุม จำนวนมากกว่าไปประชุมใช้สถานที่ของพรรคอื่น มาสัมผัสเข้าก็ทึ่ง ในความเป็น ไปได้ และเป็นดีไม่มีใครเหมือน ไม่มีพรรคใดในโลกเหมือนพรรคเพื่อฟ้าดิน"

ท่านบอกว่านโยบายอาตมาต่างจากคุณทักษิณ นายกฯ จะช่วยทำให้คนรวย ส่วนอาตมา จะพาคนมาจน จนอย่าง เสียสละ ช่วยคนจนด้วย คุณทักษิณไม่เข้าใจอาตมาเรื่องนี้ แต่อาตมา เข้าใจคุณทักษิณ และเห็นด้วย หลายเรื่อง

" บุญนิยม ช่วยสังคมให้เกิดสภาพคล่อง ส่วนคนมุ่งจะรวย ก็กักตุน ทุนนิยมจะดูด ดูดจากคน ในประเทศไม่พอ ดูดจากต่างประเทศด้วย เบียดเบียนเขาให้เมา ฟุ้งเฟ้อ จมไม่ลง แล้วก็เครียด ฆ่าตัวตาย หนีปัญหา เศรษฐกิจทุนนิยมจึงเป็นสิ่งผิดสัจจะ ทำให้เดือดร้อนทั่วโลก ไม่ควรทำ ไม่ควรส่งเสริมควรเลิก"



เรือตรีแซมดิน เล่าว่า วันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๔๗ จะมีประชุมผู้บริหารพรรค ที่ กกต. ซึ่งเป็น การประชุมทุก ๓ เดือน เราก็จะไปหาข้อมูลตรงนั้นอีกครั้งว่า จะต้องส่งหรือไม่ ถ้าส่ง จะส่งอย่างไร แค่ไหน ถ้าไม่ส่งแล้ว จะเกิด ปัญหาอย่างไร เพราะตามความเป็นจริง เราไม่คิดจะส่ง เจตนาเราคือให้ประชาชนเข้มแข็งก่อน ถ้าลงสมัคร ส.ส. ก็ไม่หาเสียง อีกประมาณ ๑๐ ปีทีเดียว ที่จะทำอย่างนั้นได้ แต่ กกต. ก็บังคับว่าต้องลง ส่วนใคร จะลงนั้น ก็ต้องสรรหากัน

ถามว่าเรือตรีแซมดินจะลงเองไหม เพราะเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกพรรคเพื่อฟ้าดินมาตั้งแต่ต้น เหมือนกัน เขาตอบว่า ก็แล้วแต่ที่ประชุม ถ้าที่ประชุม บอกว่ายังไม่ควรลง ก็ไม่ลง ทุกคนเหมือนกันหมด ใช้ที่ประชุม เป็นหลัก หลังจากวันที่ ๑๐ กันยายน ก็จะกลับมา ประชุมพรรค โดยเร็วอีกครั้งหนึ่ง

สำหรับท่านสมณะโพธิรักษ์ ผู้ก่อตั้งชุมชนอโศกก็เตือนมาว่า ระหว่างนี้ อย่าเพิ่งไป แถลงข่าว ใดๆ เพราะการแถลงข่าว เป็นการประกาศหาเสียงอย่างหนึ่ง ไม่ใช่ประชาธิปไตย

" เราเน้นเรื่องนี้มาก การหาเสียงไม่ใช่ประชาธิปไตย เป็นการโน้มน้าวให้เขามาเลือกเรา ไม่ใช่วิธี การทำงานที่แท้จริง เพราะหลักของเราคือ ทำงานกับประชาชน จนกว่า ประชาชนเข้มแข็ง เมื่อประชาชน เข้มแข็ง เขาจะเลือกเราเอง ถ้าประชาชนไม่เห็น ก็ไม่เป็นไร จนกว่าประชาชน เข้าใจเรามากพอ ก็จะเลือก เราเอง เราจะไม่โน้มน้าว เพียงแค่ติดประกาศว่าใครลงสมัครเท่านั้น"

ก็ต้องดูกันต่อไปว่า ถ้าพรรคเพื่อฟ้าดินส่งคนลงสมัคร ส.ส.แล้ว การติดประกาศ จะต่างกับ การโฆษณา หาเสียงอย่างไร ในทัศนะของชาวอโศก

เรือตรีแซมดินอธิบายเพิ่มเติมว่า ถ้าเราโฆษณา แสดงว่าเราไม่ได้ทำงานให้ประชาชน รู้คุณค่า อย่างที่เรา กล้าส่งให้คุณจำลอง ลงสมัครเลือกตั้ง ก็เพราะว่าผลงาน เป็นที่ ประจักษ์ แต่โดยส่วนตัว ของคุณจำลอง ติดขัดกับ ภาระหลายๆอย่าง ที่กล่าวไปแล้ว เราจึงต้องหาคนอื่น ถ้าจำเป็นต้องส่ง

" ต้องหาคนที่ประชาชนรู้จักมักคุ้น รู้ว่าทำงานให้ประชาชนมาแล้วอย่างจริงจัง แล้วประชาชน จะเลือกเอง คนข้างนอก เราไม่ได้ปิดกั้น คนที่มีความรู้พอหาได้ แต่ต้อง เป็นที่มีคุณธรรมมาก เพราะเมื่อไป ทำงานการเมือง จะเจอ ผลกระทบเรื่องลาภ ยศ สรรเสริญมากทีเดียว ถ้าไม่ได้รับการฝึกมาอย่างดี เมื่อเข้าไปแล้ว จะเกิด ความเสียหายได้ เราจะเอาคุณธรรมมาเป็นเครื่องวัดในอันดับต้นๆ ถ้าเราไม่แน่ใจใคร เราก็ไม่เชิญ"

แต่คนไหนที่เชิญ คือคนที่พรรคมั่นใจแล้วว่า มีความรู้ ซื่อสัตย์ สุจริต ตรงนี้เป็นคุณสมบัติ ต้นๆ ที่พรรคจะเชิญ เรือตรี แซมดิน กล่าวว่า ต้องคบกันมานานพอสมควร จนรู้ว่า เป็นคนอย่างไร ไม่โกงกิน ไม่ทำให้เกิด ความเสียหาย มีสัมมาทิฐิ

" เราไม่ได้จำกัดเฉพาะต้องเป็นคนในชุมชนอโศกเท่านั้น ถ้าได้คนแล้ว ก็จะไม่โน้มน้าว หาเสียง ในช่วงเลือกตั้ง แต่เราจะทำ ล่วงหน้าอย่างนี้ คือทำงานกับประชาชน อย่างที่ทำอยู่ แล้ววันหนึ่งประชาชน จะเลือกเราเอง"

แม้มหาจำลองจะไม่ตกปากรับคำที่จะเป็นตัวแทนลงสมัครรับเลือกตั้งดังที่กล่าวไปแล้ว และก็เชียร์เต็มที่ สำหรับคนรุ่นใหม่ ที่จะเดินทางสายนี้ ซึ่งจะเป็นใครนั้น ชาวอโศก คงจะค้นหา เพชรในดินได้ ในเร็ววันนี้

จากน.ส.พ.เนชันสุดสัปดาห์ ฉบับที่ ๖๔๑ วันที่ ๑๓ ก.ย. ๒๕๔๗


หน่ออ่อนจากสันติอโศก

" พรรคเพื่อฟ้าดิน" คือการเมืองบุญนิยมที่เป็นรูปธรรม อันเป็นหน่ออ่อนของสันติอโศก ที่มีอายุ กว่า ๓๐ ปี ซึ่งสมณะโพธิรักษ์ กับชุมชนอโศกช่วยกันปลูกมาราว ๓ ปีนี่เอง มีคณะกรรมการบริหารพรรค ทั้งหมด ๒๑ คน เป็นชาวอโศก ตอนนี้มีสาขา ๑๒ สาขา ขณะที่พรรคไทยรักไทยมีอยู่ ๘ สาขาเท่านั้น และพรรค มีสมาชิก กว่า ๕ พันคน โดยไม่ได้ ใช้วิธีล่ารายชื่อ

แต่ผู้ที่มาเป็นสมาชิกทุกคน จุดเริ่มต้น คือต้องละอบายมุขให้ได้เสียก่อน อีกทั้งเน้นให้ สมาชิกพรรค มีส่วนร่วม ทางการเมืองมากที่สุด และเกิดประโยชน์แก่ประชาชน อย่างแท้จริง

" พรรคเพื่อฟ้าดิน" ( พฟด.) เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า FOR HEAVEN AND EARTH PARTY ( FHAE) มีคำขวัญว่า " เศรษฐกิจพึ่งตน ชุมชนเข้มแข็ง ประชามีธรรม ประเทศมีไท"

เรือตรี แซมดิน เลิศบุศย์ รองเลขาธิการพรรคอธิบายว่า เพราะฉะนั้น เกณฑ์ที่เราเลือก กรรมการพรรค ผู้บริหารพรรค แม้แต่คนที่จะมาร่วมงาน ก็ต้องหาคนที่มีทิฐิเสมอกัน มันถึงจะไปทางเดียวกัน มีน้ำหนัก ในการเปลี่ยนแปลง ระดับนโยบาย แต่เดิมไม่คิด จะตั้งพรรค ก่อนหน้านั้น ร.ต.อ. ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ อดีตผู้ลงสมัคร รับเลือกตั้ง ผู้ว่าฯกทม. ได้ไปจดทะเบียนตั้ง " พรรคสหกรณ์" กับสำนักงานคณะกรรมการ การเลือกตั้ง ( กกต.) ไว้ก่อนเมื่อวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๔๓ พอตั้งเสร็จ เขาก็หาว่า ใครที่มีอุดมการณ์ มาทำงาน เพื่อบ้านเพื่อเมือง

" แต่แล้วคุณนิติภูมิเขาต้องไปต่างประเทศ ก็ฝากพรรคพวกไปหาสมาชิกพรรค พอกลับ มาถาม คณะของเขา ก็ไปตั้งโต๊ะหาสมาชิกที่หน้ารามคำแหง เขาก็เอ๊ะ อย่างนี้ไม่ใช่ อุดมการณ์อย่างที่เขาต้องการ เขาก็มาเจอ ชาวอโศก ที่มีอุดมการณ์คล้ายกัน ก็มาปรึกษา กับเราว่าจะรับไหม ถ้ารับก็ยกให้เลย เพราะเห็นว่า ทำงาน อย่างที่เขาฝันไว้ได้ เราก็รับไว้"

จากนั้นภายในเวลาสั้นๆ ๒-๓ เดือน ทางพรรคต้องหาสมาชิกให้ได้ ๕ พันคน สำหรับ ชาวอโศก ไม่ใช่เรื่องยากเลย ในที่สุดก็ได้สมาชิกครบ และเปลี่ยนชื่อจาก" พรรคสหกรณ์" เป็น " พรรคเพื่อฟ้าดิน" ซึ่งเป็นชื่อ ที่ได้รับการสนับสนุน อย่างเป็นเอกฉันท์ และในวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๔ ก็ได้กรรมการบริหาร ชุดใหม่ เป็นชาวอโศกทั้งหมด แล้วคุณนิติภูมิ ก็มาเป็นที่ปรึกษาแทน

หัวหน้าพรรคเพื่อฟ้าดิน คนแรก จนปัจจุบันคือ น.ส.ขวัญดิน สิงห์คำ เลขาธิการพรรค คือ นายแก่นฟ้า แสนเมือง ทั้งสองอยู่ในจังหวัดศรีสะเกษ และสำนักงานใหญ่อยู่ที่สันติอโศก ถนนนวมินทร์ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ โดยมีนางอาภรณ์ วิชัยดิษฐ์ เป็น ผู้อำนวยการพรรค และ เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ เป็นรอง เลขาธิการพรรค คนที่ ๑ ช่วยทำหน้าที่ ติดต่อกับ กกต. และประสานกับ พรรคการเมืองต่างๆ

นโยบายพรรคเพื่อฟ้าดิน วรรคแรกระบุว่า พัฒนาประชาธิปไตย ด้วยการเมืองอริยะ หรือ การเมืองบุญนิยม มุ่งสร้างคน ให้มีคุณธรรม เป็นรากฐานประชาธิปไตย พัฒนาชุมชน ให้มีศีล ปลอดอบายมุข พึ่งตนเองได้ ไม่แก่งแย่ง แสวงอำนาจและประโยชน์โดยมิชอบ ซึ่งเป็นนวัตกรรม (innovation) อันหนึ่งของสังคม

เพียงเท่านี้ ก็ดูเหมือนว่าจะขัดแย้งกับรัฐบาลของนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ที่สนับสนุน หวยบนดิน แทงบอล ถูกกฎหมาย และยังพยายามผลักดันให้เกิดบ่อนกาสิโน ที่ถูกต้อง ตามกฎหมาย ในอนาคตอีกด้วย !

หรือว่าถึงเวลาที่ครูจะต้องออกมาให้บทเรียนกับศิษย์ที่เคยเข้าไปขอแนวทาง ในการบริหาร ประเทศ ด้วยธรรมะ แต่ไม่เคยปฏิบัติเลยซักครั้ง?

-สารอโศก อันดับที่ ๒๗๔ สิงหาคม ๒๕๔๗-