การเมืองใหม่แบบ 'บุญนิยม'


การออกมาเคลื่อนไหวเรื่องการเมืองของ " สมณะโพธิรักษ์" เจ้าสำนักสันติอโศกในช่วงนี้ น่าสนใจยิ่ง โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวในนาม "พรรคเพื่อฟ้าดิน" แล้วยิ่งน่าจับตามอง ทีเดียวครับ พรรคเพื่อฟ้าดิน นับเป็นพรรคการเมืองหนึ่ง ที่รวมตัวกัน ในแนวทาง วิถีแห่งธรรม และนำธรรมไปเป็นกลไก ในการแก้ปัญหา ความยากจน โดยมีสำนัก สันติอโศก เป็นแกนนำในการขับเคลื่อน

โดยการเปลี่ยนชื่อจากพรรคสหกรณ์ มาเป็นพรรคเพื่อฟ้าดินเมื่อประมาณ ๒-๓ ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีแนวคิด ที่ยึดถือศีลธรรมและการทำงานเพื่อเกษตรกรและสหกรณ์ร่วมมือทำงาน เพื่อสังคม

โดยนโยบายพรรคคือ "บุญนิยม" ที่มีแนวคิดทำงานเพื่อประชาชน และไม่มีการ แสวงหาอำนาจและผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น

การทำงานให้ประชาชนโดยไม่มีรายได้ เพราะประชาชนยกมาให้เป็นผู้แทนประชาชน และรัฐบาลต้องมีสวัสดิการดูแล ยิ่งเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ต้องมีรายได้เลย เพราะคน ทั้งประเทศ ยกมาให้เป็นผู้นำ

ส่วนคุณสมบัติอื่นๆคือ ไม่เห็นแก่ตัว มักน้อย สันโดษ กินอยู่ง่ายๆ ไม่สะสมสิ่งต่างๆ ละกิเลส ทำงานเพื่อสังคมจริงๆ

บทบาทของพรรคเพื่อฟ้าดินในอดีตที่ผ่านมา เป็นพรรค ที่ไม่มีส.ส. ไม่มีการหาเสียง แต่จะแทรกซึมตามชุมชนต่างๆในลักษณะของการจัดกิจกรรมที่เป็นวิถีแห่งชีวิต และวิถีแห่งธรรมเป็นกลไก

สมณะโพธิรักษ์ เจ้าสำนักสันติอโศก ในฐานะที่ปรึกษาพรรคเพื่อฟ้าดิน บอกว่า จากการหารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้งบอกว่า ถ้าพรรคไม่มีกิจกรรม หรือส่งคน สมัครรับเลือกตั้ง อาจถูกยุบ ทำให้เกิดปฏิกิริยาจากพรรค เพื่อคงสภาพ เป็นพรรคการเมือง ต่อไปได้

ทำให้พรรคเพื่อฟ้าดิน ต้องขยับตัวเอง

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งชื่อของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ก็ถูกหยิบยกมาพูดถึงอีกครั้ง หลังจาก ศึกชิงผู้ว่าฯ กทม. เพิ่งจบไปหมาดๆ

ก่อนหน้านี้ สมณะโพธิรักษ์ เคยกล่าวไว้ในระหว่างการประชุม ประจำปีของ พรรคเพื่อฟ้าดิน ที่จังหวัดตรัง เมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมาว่า

ปราชญ์ในเมืองไทย ยังไม่เข้าใจการเมืองอาริยะ

การกล่าวหาว่า การนำเอาศาสนามายุ่งกับการเมืองเป็นสิ่งผิด ไม่ถูกต้อง เป็นการ มองข้าม นัยสำคัญของสังคมมนุษย์ที่คนจะเจริญได้อยู่ร่วมกันได้ ต้องมีการเสียสละ การเสียสละนี่แหละจะต้องสร้างขึ้นให้เกิดให้มีอยู่กับตัวคน

โดยเฉพาะคนที่มีอำนาจ คือนักการเมือง นักปกครองนี่แหละ !

ถ้าพวกนี้ไม่มีความเสียสละ มีแต่ความโลภ เห็นแก่ตัว ก็จะใช้อำนาจเหล่านั้น ไปเอาเปรียบทำร้ายประชาชนได้ โดยเฉพาะตีกันไม่ให้พระมายุ่งกับการเมือง

นับเป็น " วิธีการ" ของคนฉ้อฉล ที่จะทำให้สภาเต็มไปด้วยคนโกงกันไม่ให้พระเข้ามายุ่ง เพราะตนจะได้ฉลองชัยในการทำเลวได้สะดวก โดยมิต้องเกรงใจพระกันเลยทีเดียว

การเมืองใหม่นี้น่าสนใจยิ่ง โดยเฉพาะการเมืองแบบ" บุญนิยม" ของ พรรคเพื่อฟ้าดิน กับการเมือง" แบบทุนนิยม" และนี่คือจุดเริ่มต้นของการปะทะกันของสองอารยธรรม ในมิติทางการเมืองที่น่าจับตาดูอย่างยิ่ง ครับ.

จากคอลัมน์ "จอดป้ายบางนา" ของ 'เอกราช มูเก็ม' หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ ๗ กันยายน ๒๕๔๗ หน้า ๑๘

-สารอโศก อันดับที่ ๒๗๔ สิงหาคม ๒๕๔๗-