ญาติธรรมใหม่ ใฝ่ใจลดละกิเลส ผมเป็นคนหนึ่งที่เคยนั่งสมาธิเจโตหลับตา แต่สำหรับตอนนี้ผมเลิกกินเนื้อสัตว์ กินแต่ผัก ผลไม้ ทำงานที่เสียสละให้กับสังคมส่วนรวม ผมได้บริจาคอวัยวะดวงตา บริจาคโลหิต ไปแปดครั้งแล้วครับ สามเดือนบริจาคครั้งหนึ่งครับ ตอนนี้ผมทำงานอยู่ที่คลังสินค้า ธ.ก.ส. บ้านไร่ ที่นั่นมีปุ๋ยเคมี ยาเคมี ยาฆ่าหญ้าเอาไว้จำหน่ายให้ลูกค้า ธ.ก.ส. ผมไม่รู้ จะบอกยังไง เพราะเป็นลูกจ้างทางราชการ ก็ได้แต่บอกพนักงานให้ลูกค้าหันมาใช้ น้ำหมักชีวภาพ ปุ๋ยอินทรีย์ แทนปุ๋ยเคมี แต่ลูกค้ายังไม่เข้าใจ เลยต้องใช้ปุ๋ยเคมีไปก่อน ผมคิดว่าถ้ามีโอกาสพาลูกค้า ธ.ก.ส. ไปอบรมที่ปฐมอโศกได้ก็คงจะดีมากเลย สำหรับผมตอนนี้ทำน้ำหมักมะเฟือง เศษอาหารเอาไว้ที่บ้านสองสามถัง เคยเอาไปใส่
ไร่ข้าวโพด ข้าวโพดก็งามดี ตอนนี้ผมจะเอาไปใส่ที่ไร่ข้าว ข้าวไร่ผมจะทำข้าวไร้สารพิษ
ประมาณสองไร่ ทดลองดูก่อนว่าดีไหม ปีหน้าคงจะได้ทำอีกทุกปีเลยครับ * อนุโมทนากับความตั้งใจดี เลิกเบียดเบียนชีวิต กินอาหารมังสวิรัติ เป็นชาวพุทธต้องมีศีล ๕ ละอบายมุข ทำชีวิตให้ไร้สารพิษก่อน แล้วก็ทำกสิกรรมไร้สารพิษไปด้วย จะได้ช่วย เกื้อกูลกัน - บ.ก.
การปฏิบัติธรรม คือการขัดกิเลสตัวเอง ครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งแรกที่ได้เปิดใจกับทางสารอโศก อยากกล่าวว่ามีความรู้สึกดีๆกับ ชาวอโศก แนวทางกินอยู่ โดยเฉพาะชอบธรรมะของพ่อท่าน จากที่ได้สัมผัสกับพวกชาวอโศกพอควร ชาวอโศกมีอะไรๆที่บุคคลภายนอกไม่รู้และเข้าใจ แต่ก็นั่นแหละ ก็ต้องขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยของแต่ละคน ข้าพเจ้าเองนับว่ามีแววพอสมควรที่ได้ศึกษา และปฏิบัติธรรม ได้รับรู้อะไรๆมากมาย จากการปฏิบัติ สรุปได้เลยว่าธรรมะคือการขัดใจตัวเอง ขัดกับกิเลสของตัวเอง ก็ต้อง เพียรมานะไปเรื่อยๆ ผัสสะมันเข้ามาตลอดเวลา การฟังรายการเพื่อนช่วยเพื่อน ทำให้รู้หลักการปฏิบัติของพุทธมากขึ้น จากการศึกษา ยิ่งมากๆ ทำให้เรารู้ว่ายิ่งเข้าใจมากขึ้น ว่าพุทธศาสนาของเราเรียบร้อยและไม่วุ่นวาย ไม่ต้องนั่งจุดธูป หรืออาศัยเหตุปัจจัยมาก เน้นเรื่องจิตเป็นสำคัญ พยายามเข้าร่วมกิจกรรมของชาวอโศกเท่าที่มีโอกาส แม้แต่กายไม่ได้เข้ามา แต่ใจจะบอก ว่าเราก็ชาวอโศกนะ ภูมิใจความไม่ติดอยู่กับอะไรๆ แม้แต่ข้าพเจ้าเองทุกวันนี้ก็ยังต้องอยู่ ทั้งทางโลก และทางธรรมในรูปแบบ แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น คิดว่าอยู่ที่ใจเรามากกว่า จะรู้สึกภูมิใจถ้าได้ใส่ชุดม่อห้อม ถ้าเข้ามาในอโศกก็จะใส่เลย เพราะปกติในสังคม ข้างนอก ใน กทม. เขาไม่ใส่ กลับถามว่าเราแคร์รึเปล่า เปล่า แต่เราไม่อยากทำอะไร ให้แตกต่าง จากสังคม ความร่วมมือหรือมีส่วนที่ข้าพเจ้าคิดว่าเป็นชาวอโศกคือ กินอาหาร มังสวิรัติ และใช้บริการที่สวนจตุจักรเป็นประจำ ของกิน ของใช้เป็นพวกสมุนไพรทั้งนั้น ปฏิบัติธรรม อยู่ในชีวิตประจำวัน ตรวจศีล ตามดูจิต ใช้บริการเรื่องหนังสือ และซีดี ที่สันติอโศก ข้อปฏิบัติที่ได้จากการอ่าน ตอกย้ำว่า ทางรอดของมนุษย์
คือการปฏิบัติธรรม * ได้อ่าน ได้ฟัง ได้เห็น ได้สัมผัส ถือว่าได้เรียนรู้ แต่จะเข้าใจชัดเจนมากยิ่งขึ้น ต้องทำให้ได้ ในสิ่งที่รู้นั้นๆ - บ.ก.
ตบะหรรษา พรรษานี้ * อนุโมทนาสาธุ สำหรับการบำเพ็ญ"บุญ" ถือ "ตบะ" ฝึกตนเรื่อง"กินอาหาร" และเคร่งครัด ในศีล ๕ ข้อให้บริสุทธิ์ เขียนส่งข่าวเข้ามาบ่อยๆนะ มีผู้อ่านอีกหลายท่านติดตาม ให้กำลังใจ กันอยู่..... ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ เขียนมาเล่าสู่กันฟัง จะได้เป็นตัวอย่าง ให้กันและกันไงล่ะ - บ.ก.
ไม่มีปัญหา....จริงหรือ? การสร้างมนุษย์ โดยให้การศึกษาบนพื้นฐานปรัชญา "ศีลเด่น เป็นงาน ชาญวิชา" เป็น ความฉลาด หลักแหลม และพุทธปัญญาของผู้ดำเนินการ และเป็นผลดีต่อชาติ แผ่นดินไทย โดยเพิ่มคนที่มีคุณภาพ คุณธรรม คนดีให้แก่สังคม และสืบสานชุมชน ชาวอโศก สร้างสรรให้กว้างไกลออกไป อีกทั้งเชื่อว่า เมื่อออกสู่ "สังคมภายนอก" จะไม่ถูกความฟอนแฟะของสังคมภายนอก ครอบงำ และเปลี่ยนแปลงอุดมการณ์ของชาวอโศก เพราะชาวอโศกถือว่า เงินและ อำนาจการแข่งขัน เป็นเพียงอุปกรณ์และเครื่องมือในการดำรงชีวิตทางกายเท่านั้น ส่วนทางใจ ระบบบุญนิยม และพุทธวิธีคือทางปฏิบัติที่ถูกต้องและพอ ข้อปฏิบัติผมยังเฝ้าดูใจของตัวเอง ภายใต้พุทธวิธี และดำรงชีวิตอยู่แบบเศรษฐศาสตร์
ชาวพุทธ มีศีลเป็นหลัก มีพ่อท่าน สมณะ สิกขมาตุ และชุมชนอโศกเป็นแบบอย่าง
และ มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม และอริยะสงฆ์เป็นสรณะอันเกษม
ในปัจจุบัน * วิถีชีวิตของชาวอโศกไม่ยุ่งยาก ไม่ซับซ้อน เป็นชีวิตเรียบง่าย มีศีลเป็นปรกติในชีวิตประจำวัน อยากรู้ต้องมาดู มาสังเกตใกล้ชิด คบกันไปนานๆ จะรู้จักกันดีขึ้นไงล่ะ - บ.ก.
พ่อปลูกอโศกเพื่อเจ้า....ก็ไหนเจ้าว่าหมู่นี้ดี ก็ยังชั่งใจอยู่ว่าจะไปสวนฯอีกหรือเปล่า ก็กลัวคนที่สวนฯเขาจะไม่ต้อนรับ
เราก็คิดวิตกไป ต่างๆนานา ฟังเท็ปพ่อท่าน และมีคำสอนจากท่านสมณะดินไทที่เขียนจดหมายตอบมา
[ไปขอคำแนะนำจากท่าน] ช่วยให้ได้คิด และปลอดโปร่งมากขึ้น มาวันหนึ่ง ก็ตัดสินใจ
เป็นไงก็เป็นกัน วันนี้ต้องไปสวนฯให้ได้ จึงตัดสินใจไป พอไปถึงสวนฯ ก็ไม่เป็นอย่างที่
เราคิด ทุกคนให้การต้อนรับดีอบอุ่นเหมือนเดิม จะมีเฉพาะแค่คนสองคนที่เขาไม่ชอบเรา
เพราะอะไรก็ไม่รู้ เขาก็แค่ถามเราก็ตอบปกติ พอดีมีสมณะมาช่วยอบรม ท่านก็ช่วยสั่งสอน
ให้รู้จักคิด ว่าคนเราจะมีความคิดแค่ว่าจะชอบ หรือไม่ชอบ แล้วไม่ทำงานด้วย
ทำไม ไม่เปลี่ยนความไม่ชอบให้เป็นชอบ แล้วทำงาน สานต่อจากพ่อท่านให้เต็มที่
เต็มกำลัง ทำไมต้องมาคอยทำงานเพราะความชอบ ไม่ชอบ งานอโศกเรามีเยอะแยะ เราต้องช่วยกัน
จึงมีกำลังใจในการที่จะต่อสู้ต่อไป แม้เขาจะชอบไม่ชอบเรา เราก็จะขอมาทำงาน
รับใช้ ศาสนา รับใช้พ่อท่าน แม้จะไม่เต็มที่ก็ขอให้ได้มาทำตรงนี้ ถึงทางสวนฯ
จะกำหนดว่า ให้เรามาช่วยอบรมเดือนละหนึ่งรุ่น เราก็จะมาช่วย เพราะใจอยากจะช่วย
อยากจะทำงาน ศาสนา รับใช้พ่อท่าน แม้เพียงเศษเสี้ยวน้อยนิดก็ยังดี * งานบุญก็เป็นเช่นนี้... ทำงานฟรี ไม่มีค่าตอบแทน ผู้จะมาร่วมบุญกัน ก็ต้องเข้มแข็ง เมื่อเรามั่นคง คนอื่นๆก็จะมั่นใจนะ - บ.ก.
ครอบครัวอบอุ่น....ไม่ต้องวุ่นกับ
"ภัยสเกต" การเป็นพ่อคน แม่คนเป็นสิ่งง่าย แต่การป็นพ่อคนแม่คนให้ดีให้ถูกต้อง เป็นสิ่งที่ยาก ยิ่งสมัยนี้มีสินค้าล่อตาล่อใจเด็กๆอยู่หลายอย่าง ทั้งที่มีคุณและมีโทษ เราซึ่งเป็น ผู้ปกครอง ต้องรู้จักคิดพิจารณา ไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนซื้อของเล่นให้ลูกให้เด็ก หากมองลึกๆกว้างๆแล้ว สาเหตุของการบาดเจ็บของเด็ก ล้วนมาจากความเลินเล่อ ของผู้ใหญ่ทั้งนั้น จะไปโทษเด็กนั้นก็ไม่ถูก เพราะโดยธรรมชาติของเด็กแล้ว ความซน ความดื้อ เป็นธรรมชาติ หากผู้ปกครองรู้จักเข้าใจธรรมชาติ และหาหนทาง วิธีดูแล วิธีเอาใจใส่ที่เหมาะสม ก็จะเป็นการเอาใจใส่ให้เขาเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต ดิฉันรู้จักและพบเจอผู้ใหญ่หลายๆคนตามใจลูก-เด็กในทางที่ผิดๆ นึกแล้วก็สงสารเด็กๆ เหล่านั้น พวกเขาช่างโหดร้ายเหลือเกิน อยากให้สารอโศกเผยแพร่เกี่ยวกับบทบาท หน้าที่ ของพ่อ-แม่สู่ประชาชนให้มากยิ่งขึ้น เพื่อจะเป็นแนวทางในการยึดถือปฏิบัติ ที่ถูกต้อง แก่ผู้ใหญ่ทุกคนต่อไป ดิฉันและทุกคนในครอบครัวขอขอบคุณทางทีมงาน ที่มีหนังสือดีๆ ให้พวกเราอ่าน
และ ให้ข้อคิดดีๆแก่พวกเราเสมอมา ดิฉันเชื่อคำสอนขององค์พระพุทธเจ้า ที่พระองค์ตรัสไว้ว่า * นับเป็นคุณพ่อคุณแม่ตัวอย่างที่ดี ที่น่าเลียนแบบมากๆ ลูกหลานของเราจะได้เติบโตอย่างปลอดภัย - บ.ก.
ยิ่งปฏิบัติ
ก็ยิ่งเข้าใจชัดในกรรมวิบาก ถือศีลตอนนี้จะไม่ค่อยร่วงเท่าไหร่ค่ะ ศีลข้อ ๑ แม้แต่ยุงกัดก็ไล่ไปเฉยๆ ถ้ามีมดหรืออะไรมาไต่แขน ก็จะใช้ไม้ยาวๆ
มาล่อออก จากแขนตัวเอง แล้วก็เอาไปปล่อยที่ใต้ต้นไม้ พูดถึงความไม่เที่ยงของสังขาร เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาปวดฟันมาก เหงือกบวมเลยไป
หาหมอ ที่โรงพยาบาลหมอบอกว่าฟันคุด ต้องถอนซี่บนก่อน ฟันล่างต้องมาถอน อาทิตย์หน้า
เขาฉีดยาชาด้วยตอนถอนฟันไม่รู้สึกปวด เห็นเขาทำอยู่ แต่พอตอนเย็น แผลที่ผ่าฟันคุดนี่สิ
เขาบอกเหงือกรวน กว่าจะเย็บเสร็จใช้เวลาหลายสิบนาที ตอนเย็บ นี่แหละ ดิฉันรู้สึกว่า
เหมือนปลาติดเบ็ดยังไงก็ยังงั้นเลย เชือกที่ร้อยเข็ม ก็คล้ายกับ ที่เขาติดเบ็ดตกปลายิ่งนัก
คิดแล้ว.....โอ้หนอกรรมชาตินี้ตามเรามาเร็วเหมือนกัน ตอนเด็ก เราเคยปลดปลาออกจากเบ็ด
ปลาก็คงจะทรมานเหมือนดิฉันตอนนี้ซิหนอ ยังดิฉัน ยังรอดชีวิต แต่ปลาหารอดชีวิตไม่
ต้องมา เป็นอาหารของคนต่อไป ถึงตอนนี้ ดิฉันจะต้อง เพิ่มความระมัดระวังในการถือศีล
ให้มั่นคง ยิ่งขึ้นต่อไปอีก ยิ่งไปโรงพยาบาลบ่อยๆ ยิ่งเจอ กับอาการหลายอย่างของคนทุกประเภท
นี่ละหนาที่ผู้รู้ท่านบอกว่า โรงพยาบาลคือ นรกจำลองของมนุษย์ พิสูจน์บุญกุศลที่สั่งสมมา
จะรอดได้อยู่ต่อ หรือจะม้วยมรณ์ ก็นรกจำลองนี้แหละ ขึ้นอยู่กับบุญกุศล และการสั่งสม
ความดีจริงๆ * ศึกษาเรียนรู้วิชาพุทธศาสนา จะได้ฝึกฝนตนเองอย่างนี้ รู้แล้วทำ ยิ่งทำก็ยิ่งเข้าใจ เข้าใจตนเองก่อน แล้วจึงเข้าใจผู้อื่นด้วยไงล่ะ - บ.ก.
ทำไม?
เกิดมาต้องถูกเอาเปรียบอยู่ร่ำไป! แต่บางครั้งอ่านคำสอนของพ่อท่านในหนังสือสารอโศก บางครั้งข้าพเจ้าไม่รู้เรื่องเลย อาจเป็น เพราะคำที่พ่อท่านสอนอาจจะสูง และยากเกินไปสำหรับความรู้น้อยอย่างข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้า ก็เชื่อว่าคำสอนของพ่อท่านต้องเป็นสิ่งที่ดี การดื่มน้ำฉี่ ข้าพเจ้าก็กำลังปฏิบัติอยู่ แม้จะแสนยากก็ตาม ส่วนศีล ๕ ปฏิบัติได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ก็พยายามสุดชีวิต มังสวิรัติก็เช่นกัน บางมื้อจะกินแบบบริสุทธิ์ บางมื้อก็มีเขี่ยๆบ้าง ในการดำเนินชีวิตแต่ละวัน จะรู้ว่าอันไหนผิด อันไหนถูก ทำให้บางครั้งมีหิริโอตตัปปะ ละอาย เกรงกลัวต่อบาปขึ้นมา บางครั้งรู้ว่าเราทำผิดไป ก็รู้สึกจิตใจเศร้าหมอง และเป็นทุกข์ตลอด ทุกวันนี้ก็พยายามจะปฏิบัติตัวให้เป็นคนดี แต่บางทีสิ่งแวดล้อม และสังคมของคนรอบๆตัว
ก็เห็นแก่ตัว จนข้าพเจ้าอดน้อยใจไม่ได้ว่า ทำไมชีวิตข้าพเจ้าเกิดมาจะต้องโดนคนรอบข้าง
เอาเปรียบอยู่ร่ำไป * เพราะไม่ยอมเสียเปรียบ จึงรู้สึกว่าถูกเอาเปรียบอยู่ร่ำไป
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน เคยมีพระดำรัสว่า our
lose is our gain คือ ยิ่งให้ไปยิ่งได้มา คุณมลิวรรณ คง จะเคยเห็น
คนเสียสละ คนที่ให้กับใครๆได้ ดูเขามีความสุขดีจังเลยใช่ไหม เพราะจิตใจที่ให้
ย่อมสบายกว่าจิตใจที่จะเอา ฝึกให้เถิด แม้ยังไม่เก่ง ลองทำดูบ่อยๆ จะได้เรียนรู้ไงล่ะ
ยิ่งถูก เอาเปรียบ ก็ยิ่งมีโอกาสได้ให้มากขึ้นนะ ที่สำคัญ
ให้โอกาส ให้อภัยทั้งตัวเองและผู้อื่น - บ.ก. - สารอโศก อันดับที่ ๒๗๔ สิงหาคม ๒๕๔๗ - |