- ฝั่งฟ้าฝัน -


ผิดซ้ำพลาดซ้อนบ่อน ดวงจิต
ฝืนทนแทนลิขิต วาดฝัน
แกร่งกล้าก้าวพิชิต ถอนลึก มโน
ฝึกจิตโถมโรมรัน ยิ้มสู้ กิเลสมาร

หลังพลาดหวังจากการสอบเข้ามหาวิทยาลัยปิด ข้าพเจ้าก็เดินทางจาก อ.หาดใหญ่ สู่กรุงเทพมหานคร เพื่อศึกษาต่อยังมหาวิทยาลัยรามคำแหง ตามค่านิยมที่โลกเขาเป็นกัน เมื่อจบปริญญาตรีแล้ว จะได้ทำงาน ได้โลกธรรม ได้เงินเดือนมาบำเรอกิเลสตน มีครอบครัว แล้วก็ตายไป เฉกเช่นปุถุชนคนทั่วไป

วันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๒๑ เป็นวันที่ชีวิตข้าพเจ้าเปลี่ยนไป ด้วยความประทับใจ ที่ได้เห็นภาพการเดินบิณฑบาตของพระชาว-อโศกที่สงบ สำรวม ก่อเกิดศรัทธายิ่งนัก ขณะที่ข้าพเจ้าอยู่บนรถเมล์สาย ๙๖ จนต้องเหลียวหลังกลับไปดูจนลับสายตา พระที่ไหน? เพื่อนของเราที่พักอยู่ที่อินทรารักษ์อาจจะรู้จัก

"เวลามาบิณฑบาตชอบแจกหนังสือ, ไม่ โกนคิ้ว, ฉันอาหารเจ, เขาว่าเป็นพระคอมมิวนิสต์" เป็นคำบอกเล่าของเพื่อนที่มีต่อพระอโศก และเมื่อได้ไปสนทนาธรรมกับ พระถิรจิตโต ในเรื่องของอาหารมังสวิรัติ ซึ่งท่านบอกว่า "อย่าเพิ่งเชื่อ! ให้ทดลองพิสูจน์ก่อน ศาสนาพุทธ เป็นวิทยาศาสตร์ ต้องพิสูจน์ด้วยตนเอง" ก่อนกลับท่านได้ให้หนังสือธรรมะ ของชาวอโศก หลายเล่ม และปฏิเสธที่จะรับเงินทำบุญค่าหนังสือจากข้าพเจ้า "ที่นี่จะรับเงินทำบุญ ก็ต่อเมื่อได้มาคบคุ้นที่วัด ๗ ครั้งขึ้นไป และทุกวันอาทิตย์มีการแสดงธรรม หากมีเวลา ก็แวะมาได้" ข้าพเจ้ากราบลาและตั้งใจว่าจะกลับไปลองกินมังสวิรัติสัก ๗ วัน และอาหาร มังสวิรัติมื้อแรกก็เริ่มขึ้น ณ วันนี้.....จนถึงปัจจุบัน

จากการที่ได้มาคบคุ้น ได้ร่วมกิจกรรมต่างๆที่วัด ได้ฟังธรรม ทำให้ข้าพเจ้าเกิดปัญญา เข้าใจคุณค่าที่แท้จริงของศาสนา และเป้าหมายของชีวิตก็เปลี่ยนไป เริ่มฝึกปฏิบัติธรรม ถือศีล ลดละการแต่งตัว กินมื้อเดียว นอนบนเตียงน้อย ถอดรองเท้ามาวัด ซึ่งแพ้-ชนะ อยู่ตลอดเวลา สิ่งที่ยากที่สุดในตอนนั้นคือการเรียน เมื่อใจอยากอยู่ทำงานวัด แล้วจะเรียนไป เพื่ออะไร แต่ก็ฝืนใจเรียนจบได้ปริญญาตรีนิติศาสตร์มา ๑ ใบ

พร้อมกับที่พ่อแม่ต้องการให้ทำงานหรือจะเรียนต่อก็ได้ ขณะเดียวกัน ข้าพเจ้าเริ่ม อ่อนล้ากับการต่อสู้กิเลส จึงเลือกเรียนเนติบัณฑิต แต่พอเรียนไปได้ระยะหนึ่ง ก็หมด แรงใจ เมื่อได้ฟังเทศน์จากพ่อท่านว่า ".....ความรู้ทางโลก เรียนไป พอตายไป คุณก็ลืม แล้วก็ต้องมาเริ่ม ก.ไก่ใหม่ ส่วนความรู้ทางธรรม ชาตินี้คุณปฏิบัติศีล ๕ ได้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ชาติหน้าเกิดมา คุณก็มาต่อศีล ๘ การศึกษาทางธรรมนั้นต่อเนื่อง ไม่ขาดตอน" เป็นประโยค ทองของชีวิต ทำให้ข้าพเจ้าตัดสินใจเข้าวัดทันที(๑๗ ก.ย. ๒๕๒๗) และ ขอกราบแทบเท้า ขอบพระคุณพ่อแม่ที่อนุญาต เมื่อเห็นว่าเป็นความสุขของข้าพเจ้า

อยู่วัดปฏิบัติตนตามกฎระเบียบ ต่อสู้กับกิเลส ล้มลุกคลุกคลาน รวมเวลาถึงวันนี้ได้ ๒๐ ปีเศษ ก็มีผัสสะทำให้ต้องออกจากวัดไปถึง ๓ ครั้ง ๓ ครา ด้วยความไม่รู้เท่าทันกิเลส ของตนเอง แต่ไม่นานก็ต้องกลับมา เพราะใจมันชอบชีวิตแบบชาววัดเสียแล้ว ประสบการณ์ ของการเข้าๆออกๆจากวัด ทำให้รู้จักหน้าตากิเลสสายพันธุ์นี้ เป็นอย่างดี ทีเดียว

จากการนำธรรมะที่พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ สมณะ สิกขมาตุ พร่ำอบรมสั่งสอนอยู่ ทุกเมื่อเชื่อวัน มาประพฤติปฏิบัติลดละตามขั้นตอนอย่างจริงจัง ทำให้เห็นผล เกิดการเปลี่ยนแปลงถึงจิตวิญญาณ มีความเบา ว่าง สบายขึ้นเรื่อยๆตามลำดับ

ทุกวินาทีเป็นวินาทีแห่งบุญ ข้าพเจ้าตั้งใจสะสมบุญโลกุตระบนเส้นทางมรรคมีองค์ ๘ ขอกตัญญูกตเวทีต่อพ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ พ่อผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณดวงใหม่ ผู้ให้ ชีวิตใหม่ในโลกโลกุตระแก่ข้าพเจ้า ด้วยการตั้งใจทำงานรับใช้ศาสนา ไป ตราบจน ..... ชีวิตจะสิ้น.....

* น.ส.ทองแก้ว นาวาบุญนิยม



โอ้หนอชีวิตลิขิตฝัน
คืนและวันล่วงผ่านนานไฉน
กาลเวลาพรากทุกสิ่งดับสิ้นไป
จะยึดสิ่งใดไว้คู่โลกา
ชีวิตเรานี้สั้นนัก
อย่าหยุดพักทำดีเร่งเถิดหนา
กายขันธ์ดับดิ้นสิ้นชีวา
จักโสภาด้วยความดีที่ตราตรึง

- สุดทางฝัน -