ใต้ร่มอโศก

ปฏิบัติธรรมต้องอาศัยทาน-ศีล เป็นตัวนำร่อง เป็นตัวบุกเบิก
ชีวิตมีรูปแบบ
แต่เนื้อแท้คือการเดินทาง
เดินทางเข้าสู่ "การหมดตัวหมดตน"
เพราะมีตนจึงหลงหอบหิ้ว
เลิกหอบหิ้ว ตัวตนที่เปล่งแสงดำทมิฬ เริ่มจาง....เริ่มสว่าง
เมื่อไม่เข้าใจเป้าหมาย
จึงเป็นความดีในระดับหนึ่ง
แต่วนเวียนสร้างปัญหาให้ตัวเอง ให้หมู่กลุ่มโดยไม่รู้
แท้จริงแล้ว "การเสียสละ" คือดาวประจำเมือง
เป็นถนนใหญ่ที่จะพาชีวิตไปสู่นิพพาน
โดยมีทาน มีศีลเป็นรูปธรรม
วันเวลาผ่านไป การฝึกฝนเสียสละ ต้องเพิ่มขึ้นๆๆๆๆ
บุคคลเช่นนี้จึงเป็นผู้มีประโยชน์ตน-ประโยชน์ท่านครบพร้อม
ปฏิบัติธรรมไม่มีการเสียสละ จึงเป็นศีลพตปรามาสด้วยประการฉะนี้ !



อโศกสร้างคน คนสร้างเมือง
๑. ทำให้รู้ดีขึ้น คิดดีขึ้น ปฏิบัติดีขึ้น
๒. มุมมองในด้านบุคคลอื่นเปลี่ยนไป
๓. เป็นห่วงสัตว์ร่วมโลกที่ยังลด ละ เลิกอบายมุขยังไม่ได้
๔. โกรธยากขึ้น โมโหยากขึ้น
๕. ไม่ฆ่าสัตว์ (ความจริงไม่ฆ่ามาประมาณ ๑๕ ปีแล้ว)
๖. ไม่เที่ยวยามวิกาล (ปี ๒๕๑๘-๒๕๒๘ เที่ยวทุกคืน)
๗. ไม่เคยนอนในที่นอนสูง (ปฏิบัติตามท่านจำลอง ตั้งแต่ปี ๒๕๓๐)
๘. พูดน้อยลง (ปกติพูดมาก)
* ดนัย เดชธำรงค์ (อ.เมือง จ.สมุทรปราการ)

"เดี๋ยวนี้กลายเป็นคนใจเย็น และปล่อยวางได้จริงๆ จิตใจเป็นสุขสงบ พิสูจน์ได้จากวัด
ความดันโลหิตครั้งใด ก็ได้ ๑๒๐/๘๐ ตั้งแต่สาวจนแก่ โรคภัยไข้เจ็บก็ไม่กล้ำกราย เพราะ
การปล่อยวางทำให้เราไม่เครียด......"
* วัลลีย์ ธุมชัย (อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี)


คุณค่าของชีวิต
จากญาติธรรมสมนึก มาลัยทอง (อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี)
"ช่วงนี้การปฏิบัติธรรมของผม กะพร่องกะแพร่งครับ คงเป็นเพราะมัวแต่วุ่นวายกับเรื่องส่วนรวม ส่วนตัวเลยย่อหย่อน การประชุมกลุ่มญาติธรรมก็ไม่ได้ร่วมประชุมมา ๓-๔ เดือนแล้วครับ กำลังพยายามปรับปรุงแก้ไขตัวเอง ที่จริงแล้วชีวิตนี้ก็ไม่มีอะไรมาก ก็อยู่ได้ แล้วเกิดมาก็เพื่อเดินทางไปสู่ความดับ ไม่รู้จะดิ้นรน แย่งล่าลาภ ล่ายศกันเอาอะไรนัก ก็จะพากเพียรปฏิบัติไปสู่ทางที่ดียิ่งๆขึ้นไปครับ จะล้มลุกคลุกคลานก็จะสู้ครับ"

- ชีวิตคนเรา มักจะวุ่นวายแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง วุ่นวายกับชีวิตตัวเองทั้งวันทั้งคืนแต่ธรรมะจะทำให้เราวุ่นวาย
กับตัวเองน้อยลง เวลาที่เหลือจะค่อยๆมอบให้กับผู้อื่น มีเวลาให้กับประโยชน์ท่านมากขึ้น

คนโลกีย์-คนโลกุตตระ สัดส่วนทำให้ตัวเองกับคนอื่นจะมากน้อยต่างกัน
คนโลกุตตระจึงเป็นผู้มีอายุยืน อายุยืนมิใช่อายุเกิด แต่เป็นอายุแห่งการทำประโยชน์นั่นเอง
วันนี้พวกเราอายุกี่ปี ? จุ๊ย์ๆๆ


ปฏิบัติธรรมกับการอยู่ในครอบครัว
ธรรมะกับครอบครัว บางทีก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
ตัวเองปฏิบัติ แต่คนรอบข้างไม่เอาด้วย จะทำอย่างไร ?
บางบ้านเปิดศึกสงครามอิรัค-อเมริกา
บางบ้านอยู่กันอย่างโดดเดี่ยว เหมือนคนละโลก
ทั้งหมดนี้ นักปฏิบัติต้องรับผิดชอบ!

ญาติธรรมสมพร หลุนบูชา (อ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม) ก็เริ่มพบทางแก้ไขที่สวยงาม
"เคร่งครัดที่ตน ผ่อนปรนที่ท่านในบางเรื่อง การหยุดพูดของตนเอง ได้เห็นประโยชน์ ของส่วนรวม (ครอบครัว) บางครั้งการพูด ก็ไม่ใช่ทางออกของปัญหา"

- สาธุๆ เคารพความคิดกันและกัน ไม่ทำตัวเป็นวัวลืมตีน ตัวเองก็เคยทำ พบเห็นคนทำ ก็ทนไม่ได้ เกิดอารมณ์ฉุนเฉียว
ความดี ต้องเกิดที่สำนึก มิใช่ข่มขืนความคิด ดอกไม้จะบานต้องบานเอง แต่เราต่างหาก ต้องมีจิตวิทยา "น้ำร้อนปลาเป็น น้ำเย็นปลาตาย" และ "ช้าๆได้พร้าสองเล่มงาม" จุ๊ย์ๆๆ


ชุมชนต้องการวัวงาน
"แม่อิจฉาพวกเด็กๆที่อายุยังน้อย เขาเข้าทำงานการกุศลเป็นหมู่กลุ่มกัน ได้ทำงานบุญ งานกุศลร่วมกัน มีความสามัคคีกันดี น่ารักดี ถ้าหากแม่อายุน้อยกว่านี้อีกหน่อย คงจะไปร่วม อย่างแน่นอน"

- ญาติธรรมศรีไกร ญานะ เสียดายตัวเองที่แก่แล้ว ไม่อย่างนั้น จะมาเป็น "วัวงาน" ให้กับหมู่กลุ่ม ความจริงแล้ววันนี้ ทุกชุมชนต้องการสมาชิกมาอยู่อาศัย การสร้างเมือง โลกุตตระ จำเป็นต้องมีพลเมืองที่มากขึ้น
พ่อท่านประกาศแล้ว ไม่ต้องพร้อม แต่ให้เข้ามาเลย แล้วเมืองโลกุตตระ จะมีบทบาท ช่วยเมืองโลกียะอย่างไร ? โปรดติดตามภาค ๒ จุ๊ย์ๆๆ


ทีวี...เทพบุตรซาตานแห่งยุคไฮเทค
- เราเคยดูหนังบางเรื่อง ตัวร้าย หน้าตาหล่อมาก แต่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย
ชีวิตจริง เราอาจจะคิดไม่ถึง ว่าเทพบุตรซาตาน ไม่ใช่แค่คนเดินดิน แต่เป็นสิ่งที่มาทางอากาศธาตุ มาอย่างเหนือเมฆ เป็นระดับชั้นฟ้า

จากญาติธรรม สุรศักดิ์ สุตะปัญญา (อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่) "สื่อทางทีวีนี้มาแรงพอควร ผมคิดว่าเยาวชนรุ่นใหม่ คงรับอิทธิพลจากสื่อโฆษณาจากทีวีมากอยู่พอควร จึงทำให้ เยาวชนเปลี่ยนพฤติกรรมในการกิน ในการบริโภค"

ใครอีกที่รู้เท่าทันซาตานเทพบุตรตัวนี้ ?
ทางแก้ไขที่ดีที่สุด จึงคือ"ลดดูทีวี" ถ้าเป็นไปได้ "อย่าดู" ดีที่สุด มิฉะนั้นแล้ว เราจะ
ปกครอง เด็กยาก เพราะมีคนคอยเสี้ยมสอน คอยยุแหย่อยู่ทุกวัน เด็กไม่เสียคนก็ให้รู้ไป
จุ๊ย์ๆๆ


ธรรมะพื้นฐาน
จากญาติธรรม มณีประภา สกุลลักษณ์ (กิ่ง อ.โนนนารายณ์ จ.สุรินทร์)
"ศีล ๕ ตอนนี้ก็มีเพียงข้อ ๔ ที่ขาดบ้าง นอกนั้นคิดว่ารักษาได้ และกำลังรับประทาน ๒ มื้อ พยายามไม่กินจุบจิบ ไม่แต่งหน้า ไม่ตัดเสื้อผ้าชุดใหม่ ทำให้รู้สึกได้เลยว่าประหยัด ไม่ยุ่งยาก ผมตัดสั้น (แต่ก่อนไว้ยาว) ทำให้ประหยัดทั้งยาสระผม และเวลาในการสระผม ที่พยายามทำทั้งหมด เพราะคิดว่าทำแล้วน่าจะดี ผลปรากฏว่าดีจริงๆ ไม่ได้ทำตามใคร เพราะเชื่อโดยยังไม่ได้ลองทำดู....."

- ใครมาทางธรรม ก็ต้องเริ่มที่การลดตัวตน ที่หยาบใหญ่(สักกายะ)แนวนี้ทั้งสิ้น
ปฏิบัติธรรม จึงทำให้ชีวิตเป็นนักประหยัดไปโดยปริยาย
หลายๆคนมาอยู่ที่วัด หรือชุมชน โดยที่ไม่ได้ฝึกลด "วัตถุ" ชุมชนจึงไม่เข้มแข็ง ก็ด้วยสาเหตุนี้ส่วนหนึ่ง
กินอย่างไม่สำรวม ข้าวของเครื่องใช้ฟุ่มเฟือย แล้วจะให้ธรรมะเจริญได้อย่างไร? จุ๊ย์ๆๆ


แก่นแท้ธรรมะอยู่ที่ไหน ?
"อ่านกลอนท่านเด่นตะวันแล้วน้ำตาไหล ถ้าตัวเปล่าคงจะรีบเข้ามา แต่ยังติดภาระ อยู่อีกพัก ได้แต่ส่งลูกคนโตเข้ามาเรียน ก็ล้มลุกคลุกคลาน แต่ก็ประคับประคองจนถึงม. ๓ ปีนี้ ตกไปปีหนึ่ง ตอน ม.๑ ซ้ำ ๒ ปี ใจอยากจะมาอยู่กับลูก สมบัติอะไรก็ไม่มี ไม่น่าห่วง บ้านก็ไม่มี แต่คงยังไม่มีบุญพอ ตัดคนยังไม่ลง แต่ก็พยายามอยู่อย่างเสียสละ แบ่งปัน"

- ญาติธรรมวันเพ็ญ เพ็ชรกิจ (อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี) รายงานมาจากสนามรบ
วิบากเป็นของมีจริง แต่เราก็ต้องอาศัยจังหวะด้วยปัญญาพลิก "วิกฤต" เป็น "โอกาส"
เมื่อถลำไปมีครอบครัว และเห็นทุกข์ในการมีเรือน ต่อแต่นี้ชีวิตคือ
การเสียสละ ทำหน้าที่ของครอบครัวให้สมบูรณ์ อดกลั้น-อดทน-อภัย และรอคอย
ความดีเริ่มที่ทาน-ศีล แต่การเสียสละ คือสิ่งที่ต้องฝึกฝน บางคนปฏิบัติธรรม แต่ไม่เคยเสียสละ การละตัวตนย่อมไม่มีทาง
วันนี้หลายคน นึกว่าทำดี ถือศีลกินเจ แต่เขาลืมสั่งสม"เสียสละ" เขาจึงวนเวียนอยู่กับ ความเห็นแก่ตัวที่ซ้อนแฝง จุ๊ย์ๆๆ


อยากรู้ว่าตัวเองบรรลุธรรมอ่านตรงนี้
มีญาติธรรมท่านหนึ่ง จดหมายรายงานสภาวะจิตมา จิ้งจกเห็นว่า มีรายละเอียด ที่น่าจะวิเคราะห์ต่อ ถึงหลักธรรมะของศาสนาพุทธ
"ข้าพเจ้าจับแนวทาง สร้างสัมมาสติ สู่สัมมาสมาธิ ด้วยสัมมาวายามะ ไม่แวะเวียน แม้จะเที่ยวศึกษาวิธีปฏิบัติทุกสำนัก ของนานาพระอาจารย์ทั้งสิ้น ในประเทศไทย จนบรรลุ อาสวักขยญาณ กำจัดอวิชชาสวะ ตัวเป็นองค์รวมของอาสวะทั้งปวง ได้เวลาตีสอง ของวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๔๔ ใช้เวลา ๔๒ ปี จึงสำเร็จ"

- อาสวักขยญาณจริงหรือเทียม ดูได้จากผัสสะ ท่ามกลางมนุษย์ เพราะเหตุนี้ กรรมแห่งการงาน จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะตรวจสอบจิตของเรา ว่าแท้ที่จริงนั้น "หลุดพ้น" หรือ "เสือหลับ" กันแน่
ขั้นตอนการปฏิบัติธรรม จึงเริ่มจากหยาบไปหาละเอียด จัดการกับกิเลส (วัตถุ) แล้วจัดการ กับตัณหา (อารมณ์) ต่อไปก็รอคอยการกระเพื่อม (อุปาทาน) หรือเศษ ที่หลงเหลือ โดยมี "ธรรมวิจัย" สม่ำเสมอ จุ๊ย์ๆๆ


ความลับของความโกรธ
จากญาติธรรมนงค์นุช เขาชมภู (อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา)
"เริ่มรู้ตัวเองว่า ฉันกำลังโกรธนะ ฉันกำลังมีความทุกข์ หรือมีความสุข แม้บางครั้ง แก้ไข ความโกรธไม่ได้ ก็ไม่แสดงออกมาทางกาย หรือวาจา เก็บมันไว้ในใจก่อน แล้วความโกรธ มันจะค่อยๆ หายไปเอง"

- สาธุ เมื่อชัดเจนแล้วว่า "ความโกรธ" เป็นเสือหลับ คนอื่นๆแค่"เด็กแหย่เสือ" เราก็จะเริ่มมีสติให้ทัน
๑. หยุดกายกรรมที่แสดงออกซึ่งโกรธ แม้เล็กแม้น้อย
๒. หยุดวจีกรรมที่พูดออกมา เพราะความโกรธ
๓. หยุดความคิดที่นึกด่า นึกตำหนิ ใช้คำหยาบ กับคนที่มาแหย่เสือ (เช่น ไอ้.... อี.... ฯลฯ)
๔. แล้วพยายามหว่านล้อมตัวเอง ชักแม่น้ำทั้งห้า ให้ความโกรธลดลง (ธรรมวิจัย)
ทำวันนี้ได้วันนี้ ยิ่งนานเราก็จะยิ่งเชี่ยวชาญ ครบ ๒ แสนครั้ง ก็บรรลุธรรม ! จุ๊ย์ๆๆ

- จิ้งจกส์ -

คติประจำเดือนนี้
เครื่องตรวจสอบมรรคผลอยู่ที่ผัสสะ

 

- สารอโศก อันดับที่ ๒๗๔ สิงหาคม ๒๕๔๗ -