- ป.ปรีดา - email: [email protected]



ไร้บุญนิยม สังคมอันตราย ฉบับนี้ขอนำบทความจาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๔๗ คอลัมน์ เลาะทำเนียบ -คิดข้างประชาชน ฝ่าเปลวแดด โดย ดร.เสรี วงษ์มณฑา เพื่อให้ผู้บริหารบ้านเมือง ได้คิดทบทวน ดังนี้

ดร.เสรี...ขอเถอะ อย่าทำ

แม้ข้อเสนอของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้ลดภาษีสินค้าแบรนด์เนม เหลือ ๐% จะเงียบ หายไป แต่ใช่ว่าจะไม่หวนกลับมาอีก วันนี้ รศ. ดร. เสรี วงษ์มณฑา นักการ ตลาดชื่อดัง และผู้อำนวยการหลักสูตร การจัดการดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัย ราชภัฏ สวนดุสิต ส่งข้อ คิดเห็นมาคอลัมน์นี้ เพื่อร่วมด้วยช่วยเสนอ ดร.เสรี เขียนมาว่า

"ความคิดที่จะสร้างประเทศไทยเป็นแดนสวรรค์ของการซื้อสินค้ายี่ห้อดังแข่งกับฮ่องกง และ สิงคโปร์นั้น ไม่น่าจะเป็นความคิดที่ถูกต้อง ตามหลักการตลาด และการวิเคราะห์ พฤติกรรม ผู้บริโภค เพราะฮ่องกง กับสิงคโปร์เขาครองตำแหน่งนี้มานานแล้ว ผู้บริโภค ก็มองเขาอย่างนั้น นึกถึงประเทศ ทั้งสองอย่างนั้น ยากที่ประเทศอื่น จะมาแย่งชิงไปได้

ประเทศไทยไม่เคยถูกมองว่าเป็นเมืองที่ผู้คนจะเข้ามาซื้อสินค้าราคาแพง หรือพวกยี่ห้อดัง ทั้งหลาย นอกจากซื้อจากร้านค้าปลอดภาษี ที่เขาได้สิทธิพิเศษเท่านั้น ส่วนการไปซื้อของ ตามห้าง สรรพสินค้านั้น เขามีเป้าหมาย ซื้อสินค้าที่ถูกใจทั่วไป มากกว่าที่จะมองหา สินค้ายี่ห้อดัง ที่เตรียมซื้อ จากร้าน ปลอดภาษี หรือประเทศที่เขามอง เป็นแดนสวรรค์ สินค้าปลอดภาษี อย่างฮ่องกงและ สิงคโปร์ บางคนอาจจะบอกว่า เราสามารถใช้กลยุทธ์ ทางการตลาด สร้างประเทศไทย ให้เข้าไปครองใจ ผู้บริโภคในฐานะ ให้เป็นประเทศ ที่น่าเข้ามา หาซื้อสินค้า ยี่ห้อดังได้

ก็อยากจะบอกว่าจงอย่าไปคิดว่าการตลาดเป็นยาวิเศษ หรือสิ่งมหัศจรรย์ ที่จะบันดาลได้ ทุกอย่าง ถ้า สิ่งที่เราพยายามจะทำไม่ตรงกับการคาดหวังของผู้บริโภค เสียเงินเท่าใด ก็ไม่เกิดประโยชน์ ในขณะเดียวกัน คู่แข่งของเราที่เขาเคยครองใจผู้บริโภค อยู่ในตำแหน่ง ที่เราพยายามจะเข้าไป คงไม่ยอม อยู่เฉย เมื่อเราเริ่มการตลาดของเรา เขาจะต้องลุกขึ้นมา ปกป้องจุดยืน ของเขาด้วย ถ้าเราจะสร้างให้ได้

เราจะต้องใช้งบการตลาดสูงมาก (จนเกินความจำเป็น) และเราต้องไปฉีดยาสลบ นักธุรกิจ ในฮ่องกง และสิงคโปร์เพื่อให้เขาหลับไปชั่วขณะ จนเราแย่งตำแหน่งเขาได้สำเร็จก่อน ค่อยให้เขาตื่นขึ้นมา

ในเชิงเศรษฐกิจเราก็ไม่ควรทำ เพราะเรามีหน้าที่ช่วยทำให้สินค้าไทย เป็นที่นิยมของ คนไทย และ นักท่องเที่ยว เราไม่มีหน้าที่ไปช่วย ทำให้สินค้าต่างชาติ ดังในกลุ่มคนไทย หรือไม่มีหน้าที่ ช่วยขาย สินค้าต่างชาติ ในขณะที่เราได้กำไรเพียงน้อยนิด สูญเสียเงิน ของประเทศมหาศาล การลดภาษี ลงให้เป็น ๐% นั้น เป็นการทำลายการคลังของประเทศ ทำให้ขาด ดุลการค้า ทำให้คนไทย ซื้อสินค้า ต่างชาติ ที่ราคาแพงได้ง่ายขึ้น จนไม่นิยม สินค้าไทยด้วยกัน และถ้าต่างชาติเห็นว่า สินค้าต่างแดน ราคาถูก ก็จะซื้อสินค้า เหล่านั้นแทน จนไม่ซื้อ สินค้าไทยกลับไป เราก็จะสูญเสียโอกาส ในการส่งเสริม สินค้าไทย

บางคนจะบอกว่าอย่างไรเสียคนไทยก็ไปซื้อสินค้าพวกนี้ในต่างประเทศอยู่แล้ว ดังนั้น แทนที่ จะให้ไปซื้อต่างประเทศ ก็ให้ซื้อที่เมืองไทย เงินจะได้ไม่ไหลออก คิดอย่างนั้น ได้อย่างไร การนำเข้า มาขาย ในประเทศ ด้วยการไม่เก็บภาษีนั้น จะทำให้ซื้อกันง่ายขึ้น ซื้อกันมากขึ้น ที่ขาดดุลการค้า อยู่แล้ว ก็จะยิ่งขาดดุลมากขึ้น การที่คนไทยซื้อ ในประเทศไทย ไม่ได้หมายความว่า เราไม่เสียเงินตรา ออกนอกประเทศ ก็คนที่สั่งเข้า นั่นแหละ เป็นคนขนเงินตราออกนอกประเทศ แล้วมาทำกำไร กับคนไทย โดยที่ ประเทศชาติไม่ได้อะไรเลย เพราะภาษี ๐% และสินค้าไทย ก็จะไม่สามารถ แข่งขัน กับใครเขาได้ ดังนั้นการพูดว่า ให้คนไทยซื้อสินค้าในเมืองไทย ดีกว่าไปซื้อเมืองนอก จึงถือเป็น ตรรกวิทยาที่ใช้ไม่ได้

ร้านค้าปลอดภาษีในประเทศไทยยังต้องเสียภาษีให้รัฐ แต่ความคิดที่จะนำเข้า โดยให้ ภาษีเป็น ๐% นั้น ทำลายทั้งเศรษฐกิจ การคลัง และสินค้าของไทย สร้างนิสัย นิยมสินค้า ต่างประเทศ ซึ่งสวนทาง กับนโยบายของรัฐบาล ใครก็ตามที่ดันทุรัง จะผลักดัน เสนอเรื่องนี้อีก เราจะขอ "กล่าวหา" ท่านดังนี้

ท่านเป็นคนไม่รักชาติ เป็นไทยแต่ตัว หัวใจเป็นทาส ท่านเป็นคนไม่สนองนโยบายของรัฐ ที่ต้องการ ส่งเสริมสินค้าไทย ท่านมุ่งทำลายสินค้าไทย โดยการเอาสินค้าฝรั่ง เข้ามาฆ่า สินค้าไทย ท่านทำให้ คนไทย หลงใหลสินค้าฝรั่ง ด้วยการทำให้การหาซื้อสินค้าฝรั่ง ง่ายเกินไป ท่านมีวาระซ่อนเร้น ได้ประโยชน์ส่วนตน ในการนำเสนอดังกล่าว ท่านคิด ไม่รอบคอบ มองอะไรไม่ครบด้าน มองแต่ ประโยชน์ส่วนตน ท่านกำลังทำลายภาพลักษณ์ โดยรวม ของรัฐบาล ในเรื่อง ผลประโยชน์ ทับซ้อน ท่านทำให้คน ที่กำลังลังเล หันมา ปักใจว่า มีการคอร์รัป ชันเชิงนโยบายในรัฐบาลนี้ และท่าน กำลังจะทำให้นายกฯ ทักษิณ ต้องพลอยโดนกล่าวหาไปด้วย

หยุดคิด หยุดทำ หยุดเสนอ ได้แล้ว มันเป็นไปไม่ได้ ไม่ถูกต้อง ไม่สมควร อย่าเอาแต่ได้ จนลืม ความถูกต้อง ดีงาม ลืมสิ่งที่ควรทำ จนทำให้เสียภาพลักษณ์ ของความโปร่งใสจริง ในการพัฒนา ประเทศ เพื่อประชาชนของรัฐบาลชุดนี้ไป"

อ่านข้อคิดเห็นของ ดร.เสรี วงษ์มณฑาแล้ว ยังจะดันทุรังกันอีก ก็ช่วยไม่ได้แล้วละโยม

หากท่านผู้ใดมีประสบการณ์จริงจากชีวิต สามารถส่งมายังคอลัมน์นี้ หรือส่งมาทาง e-mail ข้างต้นได้

- สารอโศก อันดับที่ ๒๗๔ สิงหาคม ๒๕๔๗ -