ค่อยเป็นค่อยไป

พ่อกับแม่ ท่านกินมังสวิรัติมาตลอดทุกวัน ๘-๙ ปี ท่านเป็นญาติธรรมของอโศก เวลามี งานบุญที่วัด ท่านก็จะไป พอวันพระท่านก็จะกินมื้อเดียว ถือศีล ๘ ทุกวันพระ และแม่ ก็จะรับหนังสือสารอโศกและดอกหญ้า เมื่อก่อนผมจะไม่สนใจ เมื่อลองเอามาอ่านดู ความประพฤติเปลี่ยนไป เปลี่ยนแปลงตนเองจากเลวเป็นดีขึ้นกว่าเดิมเยอะ ผมอ่านมาได้ ๒-๓ เดือนแล้วครับ พอเวลาว่างก็จะเอามาอ่าน เมื่อก่อนจะเป็นคนโมโหร้าย เจ้าคิด เจ้าแค้น เวลาใคร มาพูดไม่ดีผิดหู แต่เดี๋ยวนี้ถึงจะมีบ้าง แต่ก็รู้สึกดีขึ้นกว่าเดิมเยอะ ผมชอบเล่นการพนัน และฆ่าสัตว์ แต่เดี๋ยวนี้จะเลิกได้หมดไม่ทำแล้ว อุปกรณ์ในการหากิน ดักจับสัตว์ก็จะทิ้งหมด สุรา ก่อนหน้านี้จะดื่มเป็นประจำ ตอนนี้เกือบจะไม่ดื่ม นานๆ สักทีหนึ่ง ตอนจำเป็นจริงๆครับ ก่อนหน้านี้มีปัญหาที่แก้ไม่ตก จะกินไม่ได้นอนไม่หลับ ทุรนทุราย คิดจะลาโลก เมื่อเอาหนังสือ สารอโศกมาอ่าน จะรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง ปล่อยวาง ผมได้กินอาหารมังสวิรัติ กินแล้ว มีความสุข ทางใจครับ เพราะเราไม่ต้องฆ่า และไม่ต้องสนับสนุน การฆ่า กินมังสวิรัติมา ก็เดือนกว่าๆแล้ว ผักจะกินผักเสี้ยว กระถิน ผักริมรั้ว เอามาจิ้มน้ำพริก กินสดๆ ส่วนโปรตีน ถั่ว งา พี่สาวเป็นญาติธรรมอยู่ที่สันติฯ และทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ จะซื้อเอามาให้พ่อกับแม่ ผมจึง กินไปด้วย การกินมังสวิรัติ ผมจะไม่เน้นวันพระหรือวันเกิด ถ้าวันไหนไม่ได้ไปช่วยงาน เพื่อนบ้าน ก็จะกินตลอด แต่พอไปช่วยงานเพื่อนบ้าน(การเกษตร) ก็จะมีเนื้อสัตว์ มาปรุงเป็นอาหาร เลยต้องกิน เจเขี่ยครับ (กินแต่น้ำกับผัก)
* หย่ง ศรีสรรค์ จ.น่าน
- ขอแสดงความยินดีกับคุณพ่อและคุณแม่ ที่ได้ลูกชายคนใหม่ที่ดีมีคุณธรรม แทนลูกชาย คนเดิม.... - บ.ก.


เป็นลูกที่ดีของแม่ แล้วจะได้เป็นแม่ที่ดีของลูกด้วย

ในฐานะที่ดิฉันเป็นลูกของแม่และก็เป็นแม่ของลูกด้วย ดิฉันจึงค่อนข้างจะซาบซึ้งใน ความรัก ของแม่ ที่มีต่อลูก ยังไงเสียความรักลูกมันมีมากกว่า ความรักของลูกที่มีต่อแม่ เพราะอะไรหรือ? ดิฉันคิดว่า ก็เพราะแม่มีอายุมากกว่าลูก ประสบการณ์ชีวิตมีมากกว่า รู้ร้อนรู้หนาวมายาวนาน บางทีลูกคาดไม่ถึงหรอก ขอยกตัวอย่าง นิทานเรื่อง "นกนางแอ่น" ในหนังสือดอกบัวน้อย อันดับที่ ๑๐๕

มีลูกนกตัวหนึ่งเกิดจากไข่ฟองสุดท้ายแห่งฤดูกาล แม่นกต้องจบชีวิตด้วยสลาตัน รุนแรง ด้วยความรัก ความห่วงใยลูกนก นางฝากวิญญาณความรัก ความห่วงหาอาลัย ไปเกิดใน ฝาหอย ไม่ยอมพูดภาษาใดๆ จนกระทั่งวันหนึ่งได้มีโอกาสเจอกับลูกจนได้ ก็คงจะด้วยแรง อธิษฐาน ความตั้งใจของแม่นกด้วย

ลูกนกซึ่งไม่เข้าใจว่าแม่ไปไหน ทำไมไม่เลี้ยงดูเขา คิดว่าแม่ใจร้าย ไม่รักไม่ห่วงเขา แต่พอ มารู้ ความจริง หัวใจต้องแตกสลาย เพราะเข้าใจแม่ผิดไป

ดิฉันได้อ่านความลำบากใจของสมาชิก ๒๒๗๕๙๖ จ.สงขลา จากหนังสือสารอโศก อันดับที่ ๒๗๒ แล้วรู้สึกเห็นใจมาก เวลาเรามีปัญหากับพ่อแม่ มันช่างเป็นความทุกข์ ทรมานยิ่งนัก ตัวดิฉันเองเมื่อก่อนก็มีปัญหากับพ่อแม่มากที่สุด แต่ด้วยความตั้งใจจริงๆ ว่ายังไง ก็ต้องยก ให้ท่านละ ! เพราะเชื่อว่าเวรกรรมมีจริง ในเมื่อเราเป็นลูกของท่านแล้ว แม้ว่าสิ่งดีหรือไม่ดี ที่เกี่ยวกับตัวท่าน ต้องเกี่ยวเนื่องมาถึงเราด้วย

ขอเอาประสบการณ์ของตัวเองมาเล่า ไม่มีเจตนาจะยกตนข่มท่าน อยากช่วยแก้ปัญหา

แม่ของดิฉันติดการพนัน ส่วนพ่อก็อ่อนแอ จนแยกไม่ออกว่าอันไหนควรไม่ควร ดิฉันเคย เก็บเงินได้ จำนวนหนึ่งเยอะพอสมควร ในประเป๋านั้นไม่มีหลักฐานว่าใคร เป็นเจ้าของเงิน มีแต่สิ่งของ ดิฉันพยายามหาเจ้าของจนพบ

พ่อดิฉันต่อว่าดิฉันว่า ทำไมไม่เอาเงินไว้ใช้ ตัวเองก็จนแสนจน เพราะมันไม่ใช่เรื่องน่าอาย อะไรเลย เจ้าของก็ไม่รู้ว่าเงินหล่นที่ไหน และเป็นใครก็ไม่รู้ ตอนนั้นดิฉันเสียใจมากว่า ทำไมพ่อ ถึงเป็นอย่างนี้ ไม่สนับสนุนให้เราทำความดีเลย

แต่เวลาผ่านไปก็มาคิดได้ว่า ก็พ่ออยากให้ลูกมีเงินใช้ อยากให้ลูกสบาย นี่แหละ ความรัก ของพ่อ ขอให้ลูก ได้สบายเถอะ จะผิดจะถูกยังไงไม่คิดเลย

ส่วนแม่ เมื่อก่อนดิฉันจะต่อต้านมากๆเลย แต่ด้วยแรงอธิษฐาน ด้วยความตั้งใจมั่น เดี๋ยวนี้ แม่ดิฉัน ก็ยังไม่เลิกเข้าบ่อน แต่ดิฉันก็เข้าใจว่าผีพนันมันเลิกยาก ดิฉันก็จะเอามาสอน ลูกดิฉัน ให้เข้าใจยาย และสอนให้ลูกได้รู้ถึงภัยพิบัติของการพนันว่ามันทำลายครอบครัวยังไง

ลูกดิฉันก็เข้าใจดี ใครๆเขามักจะพูดว่า ดิฉันช่างมีบุญมากมายนัก ที่มีลูกกตัญญู รักแม่มาก... นี่แหละค่ะ อานิสงส์ของการที่เรากตัญญูต่อพ่อแม่ ไม่ต้องรอชาติหน้า

* สมาชิก ๒๔๖๐๙๕

- ชีวิตที่ไม่จำนนต่ออุปสรรคมักพบกุศโลบาย(ทางออกที่เป็นกุศล) ให้ได้ฝึกหัดเสมอๆ - บ.ก.


ถือศีลอย่างไร ไม่สับสน

ในชีวิตนี้ฉันขอตั้งใจเอาศีลห้ามาไว้กับตัวให้ได้ทั้งห้าข้อก่อน เพราะไม่รู้ว่าชีวิตนี้ ฉันจะได้ ครบ หรือเปล่า เพราะศีลข้อหนึ่งฉันยังทำให้มีขึ้นในตัวได้ยากเหลือเกิน

ศีลข้อหนึ่ง คือ ไม่ฆ่า ฉันยังเผลอโกรธ ฆ่าสัตว์จนได้ ไม่ให้กินเนื้อฉันยังเผลอกินจนได้ ฉันพยายาม คิดพูดทำในสิ่งที่จะไม่ให้อยากกิน ฉันก็ยังคงอยากกินอยู่ดี ฉันพยายาม ปรามตัวเองว่า อย่าอยากกินเนื้อเพื่อนเลย ถ้ายังอยากอยู่แสดงว่า ยังมีความสงสารไม่พอ ความอยาก ก็เงียบลงไปชั่วครู่เท่านั้นเอง

ส่วนข้อสอง ก็ตั้งใจและทำได้ดีกว่าข้อหนึ่งเล็กน้อย ในการหยิบเอาของๆคนอื่น การพูด ยังไม่ผ่าน การคิดอยากได้ ก็มีมากอยู่

ส่วนข้อสามยังตัดไม่ขาดเลย คิด พูดในการอยากได้อยู่ตลอด ส่วนการทำนั้น ไม่ไป เกี่ยวข้อง กับสามีคนอื่นแน่ เพราะไม่ชอบยุ่งของๆคนอื่น

ข้อสี่ บางครั้งก็ตั้งใจโกหก บางครั้งก็ไม่ตั้งใจ เพราะคำว่า ลืม นี่แหละไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ จะแก้ ให้หายลืมได้

ข้อห้า นั้นยังนอนกลางวันอยู่เลย เพราะติดการดูละครโทรทัศน์ รู้สึกว่าละครบางเรื่อง มีคติ สอนใจดีมาก

การปฏิบัติของฉันหลังจากอ่านหนังสือจบ คือ พอได้ฟังเสียงด่ามา ฉันก็ทำใจ โดยคิดว่า ดีแล้ว ที่เราได้เป็นที่ระบายความโกรธให้เขาได้ ถ้าใช้ลูกทำงานให้ แต่ลูกไม่ทำ ก็คิดและ ทำใจว่า ดีแล้วที่ลูกไม่ทำให้ ฉันจะได้ช่วยเหลือตัวเองมากขึ้น ทำอะไร คิดอะไร พูดอะไร ก็มีสติว่า ขณะที่คิด พูด ทำนั้นมีความไม่รู้ ลังเลสงสัย หรือมีความรัก มีความโกรธ มีความไม่พอใจ หรือเปล่า ฉันขอยอมรับว่าฉันมีบางอารมณ์ที่ผสมกับกิเลสอยากแต่งงาน แต่ฉันก็ได้รู้ตัวเองว่า นั่นใจฉันคิดในทางไม่ดี จะทำให้ตัวเองเดือดร้อน จึงบังคับ และ ปรามให้ตัวเองค้นหาตัวเองให้ได้ โดยอ่านดอกหญ้า สารอโศก ฉันจึงค้นพบตัวเองว่า ฉันชอบและรักชีวิตที่อิสระมากกว่า ที่ฉันอยากแต่งงานนั้น เป็นเพราะสังคมสิ่งแวดล้อม ที่ฉันอยู่เท่านั้น ฉันกำลังทำตัว ให้พ้นสังคม แบบนั้นอยู่ ทำใจด้วย เวลาพูดคุยกับ เพื่อนบ้าน เรื่องที่เพื่อนบ้านจะหาสามีมาให้ ฉันก็พูดตัดบท เขาไปว่า อย่าหาสามี มาให้ฉันเลย เพราะฉันมันหมดสภาพแล้ว ไม่สามารถให้ความสุขกับใคร ได้หรอก เพื่อนบ้าน ก็ไม่พูดเรื่องนี้อีก ฉันจึงรอดมาได้ ที่ฉันพูดนั้นแค่อยากสนุก อยากมีเสียง หัวเราะเท่านั้น ฉันยังชอบความเป็นอิสระอยู่ ยังไม่อยากมีพันธะให้ต้องรับผิดชอบ ฉันจึงรอด มาได้ ฉันพยายามศึกษาศีลห้าให้รู้และทำให้มีอยู่กับตัวให้มีมากๆ อยู่ค่ะ แต่รู้สึกว่า ทำได้ยาก เหลือเกิน

จดหมายของฉันฉบับนี้ดูมันสับสนจริงๆนะคะ คงเป็นเพราะฉันยังตัดกิเลสไม่ได้ ฉัน พยายาม ศึกษาการตัดกิเลสจากหนังสือดอกญ้า สารอโศกอยู่ค่ะ

* ดวงพร พิลาชัย จ.มหาสารคาม

- การถือศีลทั้ง ๕ ข้อ ต้องรู้เป้าหมายว่า แต่ละข้อนั้นเราถือปฏิบัติเพื่ออะไร เมื่อเราเข้าใจ ชัดเจน จะทำให้การถือศีลนั้นเป็นจริงได้โดยไม่ยาก ไม่ลำบาก เช่น ศีลข้อ ๑ เพื่อลด ความโกรธ ศีลข้อ ๒ เพื่อลดความโลภ ศีลข้อ ๓ เพื่อลดกาม ศีลข้อ ๔ เพื่อลดความ หลอกลวง ศีลข้อ ๕ เพื่อลด ความหลง ผู้ใฝ่พัฒนาตนด้วยศีลจะตั้งใจดูตัวเองทั้งความคิด คำพูดและการกระทำ อบรมตัวเอง บ่อยๆ ทุกโอกาส แม้จะทำได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง ก็จะได้รู้ความจริง ของจริง ของเราเอง เป็นการเรียนรู้ แบบปฏิบัติจริง ไม่สับสน - บ.ก.


Welcome to our home....ยินดีต้อนรับกลับมาบ้านเรา

ตื่นตาตื่นใจกับต้นไม้ใบหญ้าที่ขึ้นเขียวชอุ่มร่มรื่นยิ่งนัก ในภาพปกหน้าสารอโศก (ของ พระวิหาร พันปีฯ) และภาพที่น่าประทับใจเสมอของการบิณฑบาต และการตักบาตร ของชาวอโศก

ปีติยินดีที่ได้เห็นภาพ "พ่อท่าน" สมณะ สิกขมาตุ และบรรดาญาติธรรม ในกิจกรรม กิจการ ต่างๆ ของชาวอโศกที่มีทั้งเน้นใน และแผ่ขยายสู่สังคมภายนอก คำว่า "บุญนิยม" ได้ขจร ขจายไป อย่างกว้างขวาง จริงดั่งที่พ่อท่านเคยดำริไว้ กราบขออนุโมทนา เป็นอย่างสูงค่ะ

สนุกและเร้าใจกับการที่ได้ซับซาบข้อธรรมะ เรื่องราว ข้อมูลต่างๆ จากพ่อท่าน(ในหนังสือ) ทำให้หายง่วง ในภาคบ่าย(มักง่วงและนอน)ไปหลายวัน ดีใจอย่างยิ่งที่พ่อท่านได้รับ การยอมรับ ในสังคมมากขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งญาติธรรมที่ดี เก่ง เด่น และดัง(ตามธรรม) เช่น คุรุขวัญดิน คุรุแก่นฟ้า เป็นต้น

ได้ทราบองค์ประกอบ กิจกรรม กิจการของแต่ละพุทธสถาน กราบอนุโมทนาที่มีสิกขมาตุ อยู่ประจำ ให้ครบองค์ ๔ ของพุทธบริษัท เกือบทุกพุทธสถาน (ยกเว้นอยู่คือ ภูผาฟ้าน้ำ และ ทักษิณอโศก) ได้ทราบถึงความเป็นปึกแผ่นเจริญก้าวหน้าอย่างเข้มแข็งของ "การศึกษาบุญนิยม" ทุกระดับ ประถม มัธยม อุดรศึกษา ซาบซึ้งกับคำเรียก "คุรุ" ของชาวอโศกอย่างยิ่ง สัมผัสได้ถึง กระบวนการกลุ่มที่เข้มแข็ง สมัครสมาน กันมากขึ้น ของนิสิต ม.วช. ทุกวิชชาเขต (คำเดิมคือ "เขต") รอบนี้ดูราวกับว่าเป็นรอบของ "การศึกษา บุญนิยม" ที่ได้รับการยอมรับจากสังคมภายนอก ควบคู่ไปกับ "กสิกรรมบุญนิยม" (ไร้สารพิษ) (ประเมินจากข้อมูลในหนังสือ) กราบอนุโมทนาค่ะ

ขณะที่ได้อ่านเรื่องราวกิจกรรม กิจการต่างๆ ที่ปรากฏในหนังสือ จิตใจนั้นรู้สึกอิ่มเอม และ อยากมีส่วนร่วม เป็นองค์ประกอบเล็กๆในหมู่มวลชาวอโศกอีก ซึ่งเป็นหมู่มวลที่ดีที่สุด ในโลกนี้ ซึ่งมีอริยมรรคองค์ ๘ เป็นเครื่องชี้นำอย่างดีเลิศในการดำเนินชีวิต นำไปสู่ ความสุขความเจริญ อย่างแท้จริง ไม่มีคำว่า "ตกต่ำ" ในหมู่มวลที่มี "พ่อท่าน" เป็นผู้พาทำ

ทบทวนตนแล้วก็นึกถึงคำสอนจากหนังสือเล่มเล็ก "พ่อสอนว่า ฉ.คำคม ๒" ที่ว่า "จงปลุกเร้า ตัวเองขึ้นมาพากเพียร" และ "คุณธรรมที่เสื่อมไปต้องกู้กลับคืน" เกิดพลังธรรม ที่จะต่อสู้กับ "กิเลส" และ "ความเคยชิน"(ที่เลว) โดยหวังว่า สักวันหนึ่งเราอาจจะมีบุญถึง กลับมาเป็นชาวอโศก ที่แท้จริง อีกครั้ง (ตกต่ำสุด คือ กลับไปกินเนื้อ ไข่ และนอนหลับหู หลับตา หลบหลับจากผัสสะ ต่างๆ มานานร่วมเกือบ ๔ ปี โดยไม่เอาภาระใดๆ(ขยะ) ที่ปฏิบัติได้และกำลังจะเพียร ปฏิบัติ ให้ดีขึ้น มีดังนี้ (ดึงเอา"วิราคสัญญา"มาใช้ด้วย)

๑. กินมังสวิรัติให้บริสุทธิ์ (งดไข่)
๒. ดื่มน้ำปัสสาวะทุกเช้า (เคยดื่มเมื่อครั้งฟื้นจากปอดบวม อาการทุเลาอย่างรวดเร็ว)
๓. ไหว้พระ เช้า และก่อนนอน (สวดมนต์ จำไม่ค่อยได้ กราบขอบทสวดมนต์สัก ๕ ชุด อีกครั้ง)
๔. กินข้าวกล้อง ถั่ว งา เป็นประจำ (กินข้าวขาวนาน ๓ ปี)
๕. งดอาบน้ำอุ่น (ปกติขี้หนาว ฝึกอดทน นึกถึงสมณะ ญาติธรรมบนภูผาฯเป็นตัวอย่าง)
๖. ออกกำลังกายเช้า-เย็น ด้วยการแกว่งแขน ๑,๐๐๐ ครั้ง (ขณะนี้น้ำหนักขึ้นจากเดิม ๑๐ กว่ากิโล)
๗. บันทึก ทบทวน การกิน-อยู่-หลับ-นอน ทุกวัน
๘. ฝึกให้มีสติในการพูด เช่น พูดแล้วได้อะไร (หยาบ? ส่อเสียด?)
๙. ลด ละ เลิกการนอนกลางวัน (เช้า เลิกได้แล้ว คงเหลือภาคบ่ายที่อันตราย)
๑๐. เอาภาระตนมากขึ้น เช่น ทำอาหารเอง ฯลฯ (ปกติน้องสาวจะชอบช่วยเหลือเสมอๆ)
๑๑. อ่านหนังสือธรรมะของพ่อท่านทุกวัน รวมถึงหนังสือต่างๆของชาวอโศก (รายการ "อโศกพันธุ์แท้" คิดได้ยอดเยี่ยม ปกติ ดิฉันเป็นแฟนเกมโชว์ "แฟนพันธุ์แท้" อยู่ เกมที่ยอดเยี่ยม

กราบรำลึกถึงพ่อท่าน ด้วยเศียรเกล้า รวมทั้งกราบนมัสการสมณะ สิกขมาตุทุกๆท่านด้วยค่ะ

* ใบฟ้า ธัมทะมาลา(นาวาบุญนิยม) เชียงใหม่

- รู้สึกเหมือนพี่น้องที่จากกันไปซะนาน ส่งข่าวถึงกันให้รู้สึกอุ่นใจว่ายังอยู่สุขสบายดี ค่อยคลายใจ... หากมีโอกาสแวะมาเยี่ยมเยียนกันบ้างนะ ญาติธรรมหลายคน ก็แวะเวียน ไปหาที่บ้านเชียงใหม่ คงจะได้พบเจอกันบ้างแล้วกระมัง ? - บ.ก.


 

หากศีล - ธรรมไม่กลับมา โลกาวินาศแน่ๆ

ผมได้รับหนังสือทุกเล่มที่จัดส่งไปให้ รู้สึกสำนึกในบุญคุณของชาวอโศกทุกท่าน ผู้ซึ่งมี ส่วนร่วม ในการช่วยขับเคลื่อนนำพานาวาบุญนิยมลำนี้ไปข้างหน้า พร้อมกับช่วยปลุก ให้ผู้คน อีกมากมาย ได้มีดวงตาเห็นธรรม จนทุกคนยอมที่จะมาลด ละ เลิก มากินน้อย ใช้น้อย มีเหลือจุนเจือสังคม แล้วแต่ว่าใครจะมีพละอินทรีย์หรือความพร้อมแค่ไหน อย่างผมเอง ถึงแม้ว่า จะได้มาพบเห็นทางสว่างบ้างแล้ว แต่เพราะยังมีวิบากเรื่อง ครอบครัว ซึ่งครั้งหนึ่งเคยภูมิใจ และปลื้มปีติ ที่ลูกชายได้เข้าเรียนในโรงเรียน สัมมาสิกขา ปฐมอโศก (จนขึ้น ม.๓) แต่แล้วก็ถูก แม่เขา พากลับไปเรียนที่ปักษ์ใต้ จากวันนั้นถึงวันนี้ ผมเลยไม่มีโอกาสที่จะมาวัด เหมือนแต่ก่อน ทั้งๆที่อยากจะมาร่วม หรืออยู่ใช้ชีวิต เฉกเช่น ญาติธรรมหลายๆท่าน ปัจจุบันผมได้หนังสือ ดอกหญ้า สารอโศก ดอกบัวน้อย คอยเป็น กำลังใจได้รับรู้ข่าวสารความเป็นไปของหมู่กลุ่ม คอยตรวจสอบ ตนเอง รับประทานอาหาร มังสวิรัติ และปฏิบัติตามหลัก ๗ อ.

สำหรับเรื่องสถานการณ์ของสามจังหวัดภาคใต้ ซึ่งมีผลกระทบต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ของผู้คน ในพื้นที่ อย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น ทุกคนต้องอยู่อย่างระมัดระวังตัว เศรษฐกิจ การค้าการขาย ได้รับผลกระทบไปทั่ว ภาพพระภิกษุออกบิณฑบาต โดยที่เจ้าหน้าที่ ตำรวจ ถืออาวุธ คอยติดตาม คุ้มกัน มีให้เห็นทุกวัน(แต่สื่อไม่ลงให้เห็น) แรกๆรู้สึกหดหู่ เศร้าใจ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมเกิดและโตที่ปัตตานี ปัจจุบันอายุ ๕๐ ปีเศษๆ เพิ่งเห็นครั้งนี้ ที่รุนแรง และยื้ดเยื้อ ก็คงได้แต่หวัง และภาวนาให้เหตุการณ์กลับคืน สู่สภาวะปกติ ในเร็ววัน

* สมบูรณ์ จ. ปัตตานี

- สังคมโลกย์เบียดเบียนกันให้เห็นชัดเจนขึ้นทุกวันๆ ทางออกคงไม่มีทางอื่น นอกจาก ประพฤติตน ในกรอบของศีลธรรม ผู้ปฏิบัติจริงจะเชื่อมั่นในกรรมของตน กุศลวิบาก จะคุ้มครอง ผู้ปฏิบัติเอง - บ.ก.


ยอมรับพ่อท่าน แต่ไม่ขอเป็นชาวอโศก

ข้าพเจ้าเป็นนักศึกษาศาสนาเปรียบเทียบ ศึกษาทุกศาสนา ทุกลัทธิความเชื่อ และนำข้อดี ของแนวทางต่างๆที่เหมาะสมกับตนเองมาใช้ สำหรับศาสนาพุทธ เคยศึกษาแนวทาง เกือบทุก สำนัก และยังเคยบวชเป็นพระถึง ๔ ปี ก่อนอื่นขอบอกตรงๆเลยว่า อโศกคือ ๑ ใน ท็อปเท็น ของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ากินมังสวิรัติแบบใช้เหตุผลจากอโศก(กินมา ๑๕ ปี เริ่มต้นด้วยความเชื่อ แบบศักดิ์สิทธิ์) ข้าพเจ้าดื่มปัสสาวะตามชาวอโศก นอนเตียง กระดาน ไม่นอนหมอน ยังคงถือ พรหมจรรย์ ทั้งๆที่เป็นฆราวาสแล้ว ไม่เที่ยวสถานเริงรมย์ ไม่เสพของมึนเมาทุกชนิด นี่คือข้อดี ต่างๆ ที่ได้จากอโศก แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมีจุดที่ข้าพเจ้า ไม่สามารถรับอโศกได้ทั้งหมด มันเป็นเรื่อง ของจิตวิญญาณในมุมลึกๆ ในรูปแบบ ภายนอก ข้าพเจ้าสามารถกลืนกับอโศกได้ทั้งหมด มีความเป็นอโศก มากกว่าคนที่อยู่ ในชุมชนหลายคน (ข้าพเจ้าคลุกคลีกับชาวอโศกร่วม ๑๐ ปี เคยคิด ที่จะเป็นสมณะด้วย) จุดต่างจริงๆ คือ พวกท่านปฏิเสธเรื่องภพภูมิทั้ง ๖ อย่างสิ้นเชิง พรหม เทวดา มนุษย์ เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย สัตว์นรก บุญกิริยาวัตถุ ในส่วนของ เทวดาพลี (การบวงสรวง เทวดาไม่มีผล) เป็นเพราะพวกท่านไม่มี ญาณทิพย์ที่จะรู้สิ่งเหล่านี้ ข้าพเจ้ายอมรับ การกิน มังสวิรัติตามอโศก แก่ข้าพเจ้าเชื่อในเรื่องภาวะทิพย์ ตามเถรสมาคม (เป็นเพราะว่า ข้าพเจ้า สามารถสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้ด้วย) หลายครั้งที่ข้าพเจ้าสัมผัสกับวิญญาณของ ชาวอโศก ที่ตายแล้ว แถวบริเวณเมรุ และยังสื่อกับพวกเขาด้วย ชาวอโศกไม่เชื่อเรื่องผี แต่ข้าพเจ้าได้ สัมผัสกับผีชาวอโศก จริงอยู่การที่จะบรรลุ ไม่ต้องรู้สิ่งเหล่านี้ ก็สามารถ บรรลุได้ แต่การปฏิเสธ ในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ จะเข้าถึง สัจจะ ได้เช่นไร?

หลายครั้ง พ่อท่านอธิบายว่า การรู้สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องของอุปาทาน ถ้าเช่นนั้น ทำไมการ อุปาทานนี้ จึงได้ตรงกันทั่วโลก ทุกศาสนาได้พูดถึงนรก-สวรรค์ บาป-บุญ พระเจ้า-ซาตาน ตรงกันหมด บังเอิญหรือ ? ผมเชื่อว่า พ่อท่านรู้สิ่งเหล่านี้ แต่ท่านไม่ต้องการให้หมู่กลุ่ม สนใจ กับเรื่องนี้ แต่หมู่กลุ่มเอง พาซื่อถือตามพยัญชนะว่า ไม่มี แต่ไม่ได้เข้าใจ ในเชิง อรรถะ ตรงนี้แหละ ที่ผมเป็น นานาสังวาสกับอโศก

ส่วนตัวผมแล้ว ผมนับถือพ่อท่านมาก หนังสือ "คนคืออะไร" ผมถือเอาเป็นคัมภีร์ประจำตัว เลย เพียงแต่ ชาวอโศกเอง รวมถึงสมณะด้วย เข้าไม่ถึงพ่อท่าน จะพูดว่ายังไงดี ผมยอมรับพ่อท่าน แต่ผม ไม่ขอเป็นชาวอโศก นี่เป็นแผนผังเชิงฟิสิกส์ในการวัดพลังงาน

อธิบายว่า พลังงานของพ่อท่านเป็นพลังงานที่บริสุทธิ์ และมีอานุภาพ ในการแผ่กระจาย มาก

ส่วนชาวอโศกเป็นพลังงานที่มีความสามัคคีสูงมาก และมีความศรัทธาในตัวผู้นำสูงมาก แต่ขาด พลังงานในตัวเอง (เหมือนพระจันทร์ที่ต้องอาศัยแสงสว่างจากดวงอาทิตย์)

ขออภัยอย่างสูงจริงๆ ที่ต้องระบายความรู้สึกส่วนลึกที่มีต่ออโศก มิฉะนั้น ก็คงจะรู้สึกอึดอัด ไปแสนนาน เพราะไม่มีใครที่มีคุณภาพพอที่จะรับฟังการระบายเท่าชาวอโศกเอง ส่วนดีของ ชาวอโศก เอง ข้าพเจ้าเองคงไม่ต้องพูดถึง เพราะเขารู้กันทั้งประเทศแล้ว ข้าพเจ้าไม่เคย มีความเห็น พ้องกับกระแสส่วนใหญ่เลย ในกรณีชาวอโศกเพียงแค่มีจุดเดียว ที่ไม่เห็นด้วย ตามที่ กล่าวไปแล้วข้างต้น

เมื่อพบจุดต่างแล้ว ขอชี้ถึง จุดร่วมด้วย คือ เรื่อง "ขยะวิทยา" ขอชมว่า อโศกเยี่ยมจริงๆ เป็น Green Peace ตัวจริง ผมเคยไปสำนักปฏิบัติธรรมที่อยู่ตามป่าเขามาหลายที่ อโศก ดีหมด (เป็นผู้พิทักษ์ป่า) แต่เชื่อไหม จะมีอยู่มุมหนึ่งในตัวสำนึกที่เป็นป่า "เป็นกองขยะ" และเป็นขยะ ชนิดที่ย่อยสลายเองไม่ได้ด้วย! หลายแห่งเป็นน้ำตกที่สวยงามมาก และ คิดดู ขยะเหล่านี้ จะทำปฏิกิริยาอย่างไรกับธรรมชาตินั้น! ทำไมพวกท่านเหล่านั้นจึง ไม่ สะอาดใน-สะอาดนอก, สว่างใน -สว่างนอก

ขอให้ข้อคิดส่งท้ายอีกสักนิด เกี่ยวกับ "นักเรียนสัมมาสิกขา" รูปแบบภายนอก เคร่งครัดมาก แต่ความรู้สึกภายใน แสดงออกมาเป็นตรงกันข้าม สังเกตจากดนตรี (เพลง) ที่พวกเขาฟังกัน กลับเป็นเพลงแนว "เพลงกาม-สายเดี่ยว" เปิดกระหึ่ม ดังทั่วชุมชนปฐมฯ [ช่วยวิเคราะห์ ถึงสาเหตุ ของข้อผิดพลาดนี้ด้วย] จริงๆแล้วจากการปฏิบัติ น่าจะฟังเพลง แนว KITARO !

* Victor

- จากพระไตรปิฎกจะพบว่า ในยุคพุทธกาล พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประกาศศาสนา ในท่ามกลาง ศาสนาลัทธิเทวนิยมที่มีมาแต่เก่าก่อน การอธิบาย การยกตัวอย่างอ้างอิง เปรียบเทียบ เพื่อให้คน ได้เข้าใจชัดเจนในพุทธธรรมนั้น ก็ใช้สื่อง่ายๆ ที่พบเห็น อยู่ใน วิถีชีวิต เป็นอุปกรณ์ การสอน โดยมีเป้าหมายให้คนละชั่ว ทำดี และชำระจิตให้สะอาด พ่อท่านก็ไม่ได้ปฏิเสธ ความเป็นเทวดา ความเป็นพรหม มนุษย์ เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย สัตว์นรก รวมถึงญาณทิพย์ ที่คุณ Victor กล่าวถึงด้วย หากได้สังเกตท่านจะอธิบาย เปิดเผย เทียบเคียงให้รู้ถึงสมมุติ และ ปรมัตถ์ บุคลาธิษฐาน และธรรมาธิษฐาน ให้เราได้เข้าใจชัดเจน ยิ่งหากผู้ได้ฟัง นำไปทดลอง พิสูจน์ ประพฤติตามดู ก็จะยิ่งเข้าใจ สภาวะเหล่านี้ เป็นลำดับๆด้วย.... ส่วนของข้อคิดส่งท้าย ที่ติติงมา เราก็ขอน้อมรับไปปรับ-แก้ไขหน่อเนื้อเผ่าพันธุ์ลูกหลาน สัมมาสิกขาชาวอโศก กันต่อไป หากมีข้อติติงใดอีก ก็ขอให้บอกมาอีกนะ...... ด้วยความขอบพระคุณ - บ.ก.


ปรารถนาชีวิตที่สุขสงบในท่ามกลางหมู่มวลธรรมชาติ

ชาวอโศกจะเน้นเรื่องหมู่กลุ่ม ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดีมากในความรู้สึกของผม แต่ละบุคคล จะได้รับ การเหนี่ยวนำ ให้เข้าสู่กระแสธรรมได้อย่างง่ายด้วยหมู่กลุ่ม แม้ว่าจะต้องต่อสู้กับ อุปสรรค ส่วนตัว ของแต่ละบุคคล แต่พลังของหมู่กลุ่มจะคอยยึดหน่วง ให้เข้าสู่สภาวะ แวดล้อมที่ดีได้

ส่วนตัวผม ตอนนี้อาจจะชอบชีวิตที่สงบ ใกล้ชิดกับธรรมชาติ แต่อาจจะไม่ได้ดังที่คิด เพราะไม่มี ธรรมชาติมาตอบสนองความต้องการ แม้แต่การสร้างปัจจัยพื้นฐาน ของการ ดำรงชีวิต เนื่องจาก แต่เดิมนั้นไม่มีใครมาเริ่มต้นเอาไว้ก่อน แต่การที่จะสร้างความพร้อม ให้เกิดขึ้นก็ต้องใช้ ระยะเวลา และทุน (ทุน = เงิน และ สภาวะ ระบบของธรรมชาติ และปัจจัยรวมอีกหลายอย่าง)

ผมมองเข้าไปในระบบของธรรมชาติ ธรรมชาติจะรับผิดชอบสิ่งมีชีวิต ที่เกิดขึ้นมาในโลกนี้ เรามีอากาศให้หายใจได้ มีน้ำให้ดื่มกิน มีผืนแผ่นดิน แหล่งน้ำก่อเกิดเป็นอาหาร เพื่อหล่อเลี้ยง ให้ชีวิต สืบต่อไปได้ และธรรมชาติก็มีอำนาจที่จะทำลายล้างด้วย

แต่บัดนี้จากวิวัฒนาการทางสังคม วิถีการครองชีวิตของคนเรา ทำให้คนเราห่างออกจาก ธรรมชาติ ซึ่งเรามักจะเข้าใจว่า ตัวเรานั้นมีอำนาจไปควบคุมและเปลี่ยนแปลงธรรมชาติได้ มันเป็นเรื่อ งละเอียดอ่อนและซับซ้อนมาก ในการที่จะอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างสันติ

คิดว่าถ้าเรามีวิธีบริหารจัดการที่ดี เราอาจจะได้รับประโยชน์อย่างสูงจากธรรมชาติ ถ้าถาม ชาวอโศกว่า จะเริ่มที่ตรงไหน คำตอบคงจะบอกว่า ต้องเริ่มต้นที่ตัวเรา นอกจากตัวเราแล้ว ยังมีสังคม ที่เกี่ยวข้อง

ผมคิดว่าเหตุผลข้อหนึ่งที่ทำให้คนเราพยายามเอาชนะระบบของธรรมชาติ นั่นคือ ความกลัว ความกลัวสารพัดที่จะกลัว หรือว่าความรักตัวเองอย่างเกินขอบเขตก็ว่าได้ เหตุการณ์ ที่เคยเห็น เช่น มีคนเห็นงูพิษซึ่งงูยังไม่ได้ทำร้ายใคร แต่คนจะช่วยกัน พิฆาตงูก่อน

เพื่อความมั่นคงของชีวิต การกักตุน สะสม ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่กลัวว่า วันข้างหน้า จะลำบาก จึงพยายามกักตุน สะสมเอาไว้ ระบบธนาคารก็เกิดขึ้นมา แต่มันน่าจะเกิดจาก การหาวิธีการ แทนมูลค่า ของวัตถุดิบก่อน เช่น กล้วยสุกเก็บได้ไม่นาน แต่ถ้าเอากล้วย ไปขาย เก็บไว้ในรูปของ ตัวเงินจะอยู่ได้นานกว่า

แม้ว่าคนเราจะพยายามพัฒนาการทางด้านความฉลาดรอบรู้ในเชิงลึกซึ้งซับซ้อนอะไรๆ มากมาย แต่คนเรายังต้องอาศัยปัจจัยพื้นฐานที่ธรรมชาติสร้างไว้ให้ เพื่อให้สิ่งมีชีวิต อยู่รอด

ผมคิดว่า น่าจะเป็นอีกวิธีการหนึ่งที่จะช่วยให้คนเรา เข้าถึงความสงบ (ความวุ่นวาย น้อยลง) ที่ได้มีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ

ผมพยายามทำความคิดให้เป็นความจริง จะทำอย่างไรที่ให้มีแหล่งอาหารตลอดปี ในสถานที่ ที่เราอาศัยอยู่ แต่ก็ยังทำได้นิดเดียว เพราะปัจจัยสนับสนุนจากธรรมชาติมีน้อย ความคิด เมื่อก่อน คือ การหาช่องทางทำกินข้างนอก ที่สวนคือที่พักอาศัย ซึ่งตอนนี้คิดว่า จะทำอย่างไร ให้อยู่ในสวนได้นานๆ โดยไม่ต้องมีธุระอะไรข้างนอกมากนัก

* คุณัช คงจันทร์ จ.เพชรบูรณ์

- เริ่มต้นทำธรรมชาติคงต้องใช้เวลา แต่ความคุ้มคุณค่ามีมากมาย ขอขอบพระคุณ ทุกๆท่าน ที่มีน้ำใจ สร้าง-ทำธรรมชาติไว้ให้โลกใบนี้ ไม่ว่าก้าวแรกที่เริ่ม จะเพื่อส่วนตัว หรือเพื่อใครก็ตาม
- บ.ก.

- สารอโศก อันดับที่ ๒๗๕ กันยายน ๒๕๔๗ -