เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๔๗ กองการแพทย์ทางเลือก กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทย และ การแพทย์ ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ได้มาศึกษาการใช้น้ำมูตรบำบัด ในชาวอโศก โดยใช้แบบสอบถาม การใช้น้ำปัสสาวะ ของชาวอโศก กองการแพทย์ ทางเลือก ได้รายงานผลการศึกษา ดังนี้


การศึกษาการใช้น้ำมูตรบำบัดในเครือข่ายอโศก

ราตรี ชีพอุดมวิทย์, สาวิตรี เทียนชัย, ภัคภร ช่วยคุณูปการ, นงเยาว์ วรชัย, ชุติมา ปกป้อง
กองการแพทย์ทางเลือก กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข

ในการศึกษาการใช้น้ำมูตรบำบัดในเครือข่ายชาวอโศกเพื่อศึกษาปัสสาวะบำบัด หรือ น้ำมูตรบำบัด (Urine therapy) หรือ การใช้ปัสสาวะของตัวเอง เพื่อวัตถุประสงค์ ในการรักษาโรค และส่งเสริมสุขภาพ ในกลุ่มชาวอโศก เพื่อทราบถึงวิธีใช้ เหตุผลที่ใช้ และผลข้างเคียง จากการใช้ปัสสาวะบำบัด การศึกษาวิจัยนี้ เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา (descriptive study) ณ จุดเวลา (Cross-sectional study) กลุ่มตัวอย่างได้แก่ ชุมชนชาวอโศก ที่มีการใช้ น้ำปัสสาวะบำบัด จำนวน ๒๐๔ คน โดยใช้แบบสอบถาม ที่ผู้วิจัยได้พัฒนา ขึ้นเอง กับชาวชุมชนอโศก ที่สมัครใจ ให้ความร่วมมือ ในการตอบแบบสอบถาม และนำข้อมูลมาวิเคราะห์

กลุ่มตัวอย่าง จำนวน ๒๐๔ ราย อายุเฉลี่ย ๕๑.๓ (๑๔.๑) ปี พิสัย ๑๘-๘๗ ปี เป็นหญิง ๖๑.๓% การศึกษาระดับ ประถมศึกษา ๔๒.๖% มัธยมศึกษา ๒๑.๑% โดยที่ ๖๘.๘% อาศัยอยู่ในเขตเมือง/เทศบาล

กลุ่มตัวอย่างทราบข้อมูลเรื่องปัสสาวะบำบัดมาจากพระ ๔๖% จากญาติธรรม ๔๐% จากการอ่านหนังสือ ๓๖% และจากพระไตรปิฎก ๒๙%

สำหรับวิธีการใช้ ใช้ดื่ม ๙๖% (โดยเฉลี่ยดื่มครั้งละ ๑ แก้ว ๑.๕ ครั้ง/วัน) ใช้ทา ๒๘% ใช้หยอดตา ๓๒% ใช้สระผม ๑๙% ใช้อาบ ๑๒% โดยที่ปัจจุบัน ๗๕% ยังคงใช้การดื่ม ปัสสาวะในการรักษา ๑๒% ยังใช้ทา

ส่วนสาเหตุหลักที่จูงใจให้ใช้น้ำมูตรบำบัด ๕๘% ตอบทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ๓๘% ตอบมีผู้แนะนำให้ใช้ และ ๒๙% คิดว่าไม่มีผลข้างเคียง โดยที่ ๕๒% ใช้ปัสสาวะ บำบัดเพื่อรักษาโรค ๔๐% ใช้เพื่อให้มีสุขภาพดี แข็งแรงและ ๓๑% ใช้เพื่อป้องกันโรค

หลังใช้น้ำมูตรบำบัดแล้ว ประมาณ ๑๐% มีผลข้างเคียง คือ ท้องเสีย ๕ ราย (๒.๕%) ไข้ อ่อนล้า คัน อย่างละ ๒ ราย (%)

ส่วนใหญ่ของผู้ใช้ ๘๗% เห็นผลจากการใช้น้ำปัสสาวะบำบัด และ ๘๔% ได้แนะนำ ให้ผู้อื่นใช้ด้วย

- สารอโศก อันดับที่ ๒๗๕ กันยายน ๒๕๔๗ -