ธรรมะประทับใจ (๑๐๔)


บ่ายวันนั้น ฉันมีความจำเป็นต้องเข้าไปในตัวเมืองกรุงเทพฯ ช่วงนั้นฉันกำลังฝึกใช้เงินแต่น้อย พยายามใช้เงินที่พอมีเหลืออยู่ ประมาณ ๓๐ กว่าบาท (เป็นเศษเหรียญ) ใส่ไว้ในกระเป๋าเล็กจิ๋ว สำหรับเก็บเศษสตางค์

มายืนรอรถเมล์สายที่ถูกที่สุด คือรถเมล์แดง ราคา ๓.๕๐ บาท (ในตอนนั้น) ฉันขึ้นสาย ๙๕ นึกในใจว่า คันนี้ว่างดี มีที่นั่งว่าง พอนั่งไปสักระยะหนึ่ง รถไปสุดสายแค่คลองตัน เมื่อพนักงานกระเป๋าบอก ฉันไม่รอช้ารีบลุกขึ้น ลงจากรถป้ายแยกลำสำลี ยืนรอรถเมล์สาย ๖๐ สู่จุดหมายปลายทาง ความจริง ฉันต้องขึ้นรถเมล์สายนี้ แต่นานๆมาสักคัน จึงตัดใจนั่งสาย ๙๕ ตั้งใจจะลงต่อรถสาย ๖๐ ที่หน้า มหาวิทยาลัยรามคำแหง

ขณะที่ยืนรอรถนึกถึงกระเป๋าสตางค์ใบจิ๋ว แต่แล้วก็ต้องตกใจ ฉันหามันไม่พบ และคิดว่าพนักงาน เก็บเงิน ซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆนั่นแหละคงเห็นและเก็บไว้ แต่จะทำอย่างไร ขณะนี้ฉันไม่มีแม้แต่สลึงเดียว จะกล่าวไปไยกับเงินค่ารถเมล์ ๓.๕๐ บาท นึกในใจว่า ยังอีกไกลโข คงต้องเดินกลับเสียแล้วกระมัง เดินไปเรื่อยๆ แล้วมาหยุดอยู่ หน้าร้านโรงเรียน สอนขับรถย่านนั้น เมื่อมองเข้าไปในร้าน เห็นผู้หญิง คนหนึ่ง นั่งอยู่เพียงลำพัง กำลังก้มหน้าก้มตาทำงาน จึงตัดสินใจเดินเข้าไปหา และนั่งตรงเก้าอี้ หน้าโต๊ะทำงานของเธอ ฉันยกมือไหว้กล่าว "สวัสดี" พร้อมรอยยิ้มเล็กน้อย

"พี่ค่ะ หนูนั่งรถมาบังเอิญกระเป๋าสตางค์หล่นบนรถเมล์ พี่คะ ช่วยอนุเคราะห์หนูสัก ๓.๕๐ บาท (สามบาทห้าสิบสตางค์) ด้วยค่ะ หนูต้องกลับที่พัก

เธอฟังอย่างตั้งใจ แล้วก็ยื่นธนบัตรใหม่ๆให้ ๑๐ บาท พร้อมรอยยิ้ม ฉันรีบพูดว่า

"พี่คะ แค่ ๓.๕๐ บาทก็พอค่ะ เพราะนั่งรถต่อเดียวแค่นี้ก็ถึงแล้ว ไม่ต้องถึง ๑๐ บาทหรอกค่ะ"
"เอาไป รับไว้เถอะ พี่ให้หนู พี่ให้หนูนะจ๊ะ"
ฉันกล่าวขอบคุณและรับมา พร้อมบอกว่าคราวหน้าหากผ่านทางนี้จะนำมาคืน
เธอรีบบอกว่า "ไม่ต้องคืนหรอกนะ พี่ให้หนูจริงๆนะ ห้ามคืน" ฉันจึงกล่าวขอบคุณอีกครั้ง พร้อมลากลับ ฉันรู้สึกซาบซึ้ง ในน้ำใจเธอยิ่งนัก ไม่เช่นนั้นคงได้เดินกันขาขวิดเป็นแน่

เหตุการณ์ที่ฉันประสบมานั้น ทำให้นึกถึงผู้คนที่อาจเกิดปัญหาเช่นเดียวกับฉัน เช่น ถูกล้วงกระเป๋า ทำกระเป๋าหล่นหายเองโดยไม่รู้ตัว หรือถูกกรีดกระเป๋า เป็นต้น แต่คนเหล่านั้นกล้าจะไปบอกใครได้ ยุคนี้หากมีผู้เอื้อเฟื้อก็ดีไป หากเขาไม่เชื่อ อาจถูกข้อหาไปหลอกลวง นี่ซิเป็นเรื่อง

จากนั้นประมาณหนึ่งสัปดาห์ ฉันได้รับพัสดุไปรษณีย์จากพนักงานเก็บเงินบนรถเมล์สาย ๙๕ ในนั้น ยังคงมีเศษสตางค์ ประมาณ ๓๗ บาท ฉันดีใจมาก และซาบซึ้งในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน บนรถเมล์ แม้เงินเพียง ๓๗ บาทก็ตาม เขายังอุตส่าห์ส่งกระเป๋าสตางค์มาคืนให้

ฉันจึงส่งจดหมายไปยังอู่รถเมล์สาย ๙๕ เพื่อแสดงความชื่นชมพนักงานผู้นั้น ที่ปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ไม่ฉวยสิ่งของที่มิใช่ของของตน เพราะกระเป๋าใบจิ๋วมีที่อยู่ของฉัน ติดอยู่ในนั้น ทั้งๆที่ฉันก็ลืมมันไปแล้วเสียด้วยซ้ำ

- องค์นภา -

- สารอโศก อันดับที่ ๒๗๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๗ -