เนื่องจากช่วงต้นเดือนกันยายน ๒๕๔๗ ที่ผ่านมา ที่เมืองทองธานี กทม. มีการจัดงานเกี่ยวกับ สุขภาพต่างๆ ซึ่งกลุ่มแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ได้นำผลการวิจัยเรื่อง "การศึกษา การใช้น้ำมูตรบำบัด ในเครือข่ายชาวอโศก" ไปแสดง ในงานนี้ด้วย และหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๔๗ ได้ตีพิมพ์เรื่องนี้ ออกเผยแพร่ ก็มี ที.วี. ช่องหนึ่งติดต่อมาที่สันติอโศก ขอเชิญไปพูดเกี่ยวกับ เรื่องประโยชน์ของน้ำปัสสาวะ ซึ่งจะเชิญคุณหมอมาพูดคุยด้วย เนื่องจากผู้เขียน เคยมีประสบการณ์ พูดคุยกับคุณหมอแผนปัจจุบันมาแล้ว ดังนั้นถ้าปฏิเสธได้ จะปฏิเสธไว้ก่อน เพราะความเห็นของเรา กับหมอแผนปัจจุบัน มักมีความเห็น ตรงข้ามกันเลย

แต่เนื่องจากช่วงนี้คนกำลังสนใจขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง จึงไม่ได้ปฏิเสธไปทันที โดยเสนอว่า หากสามารถ ติดต่อ คุณหมอบรรจบได้ ผู้เขียนก็ยินดีที่จะไป แต่หากเป็นคุณหมอท่านอื่น ผู้เขียนขออนุญาต ปฏิเสธ นะคะ ผลปรากฏว่าติดต่อคุณหมอบรรจบไม่ได้ จึงไม่ไป ฉบับนี้จึงได้นำไทยโพสต์ ฉบับวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๔๗ มาถ่ายทอดแก่สมาชิก ขอเชิญติดตาม ได้เลยค่ะ


"น้ำปัสสาวะใช้ดื่มและทา ชะลอความแก่แถมแก้สิว"

นักวิจัยเผยน้ำปัสสาวะสุดมหัศจรรย์ สามารถแก้โรคได้สารพัด ทั้งมะเร็ง เอดส์แถมช่วยชะลอความแก่ ลดสิวฝ้า แก้ผมหงอก อารมณ์เบิกบาน แจ่มใส พร้อมเผยสาเหตุการใช้ส่วนใหญ่ เพราะพระไตรปิฎ กระบุไว้ ขณะที่งานวิจัยหมอต่างชาติย้ำ การดื่มน้ำฉี่มีผลดีเพียบ

นางราตรี ชีพอุดมวิทย์ นักวิชาการกองการแพทย์ทางเลือก กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทย และ การแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงงานวิจัยเรื่อง "การศึกษาการ ใช้น้ำมูตรบำบัด ในเครือข่ายชาวอโศก" ว่า ที่ตนและคณะหันมาให้ความสนใจในเรื่องนี้ เพราะว่าเคยมีข่าว ปรากฏ ทั้งทางหน้า หนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ เกี่ยวกับการใช้น้ำมูตร หรือน้ำปัสสาวะ ในการบำบัดโรค ดังนั้น กองการแพทย์ทางเลือก จึงเริ่มทำการวิจัย โดยเบื้องต้นได้ศึกษาในกลุ่มของชาวสันติอโศก เพราะทราบว่า ทางผู้ปฏิบัติธรรม หรือพระ มักจะมีความเชื่อในเรื่องการบำบัดด้วยน้ำปัสสาวะอยู่แล้ว อย่างไรก็ดี พบว่า ชาวสันติอโศกส่วนใหญ่จะใช้น้ำมูตรนี้ในทุกส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการดื่มกิน อาบน้ำ สระผมหรือล้างหน้า ซึ่งความเชื่อเช่นนี้ ก็ได้ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกด้วย

โดยอธิบายว่า พระสมัยก่อนนิยมน้ำมูตรเน่ามาดองกับลูกสมอ หรือลูกมะขามป้อม เพื่อฉันเป็นยา รักษาโรค รวมถึงความเชื่อของคนจีนโบราณ ซึ่งมากกว่า ๓ ล้านคน ก็ดื่มปัสสาวะ เพราะเชื่อว่า จะทำให้สุขภาพดี

"พอเข้าไปศึกษาก็พบว่า ส่วนใหญ่จะดื่มกันสดๆ และเป็นปัสสาวะของตัวเอง โดยเฉพาะในช่วงเช้า เพราะเชื่อว่าจะมีสารเมลาโทนิน ซึ่งเป็นสารในปัสสาวะค่อนข้างสูง ทั้งนี้จะดื่มในปริมาณ ๑-๑ แก้วครึ่ง ขณะที่บางความเชื่อก็ว่า ถ้าจะให้ดี ก็ต้องเป็น ปัสสาวะเด็ก รวมถึงการใช้น้ำปัสสาวะนี้ ในการบ้วนปาก สระผม ล้างหน้า เพราะเมื่อใช้แล้ว ผมที่เคยหงอกก็หาย รังแคก็ไม่มี นอกจากนี้ ถ้าอยากแก้สิวฝ้าให้ได้ผล ก็ให้ลองเอาสำลี หรือกระดาษทิชชู ชุบน้ำมูตรและปะหน้าเอาไว้ รับรองได้ผลแน่" นางราตรีกล่าว

สำหรับขั้นตอนการวิจัยนั้น นางราตรี กล่าวว่า ได้เข้าไปศึกษาในกลุ่มตัวอย่าง ๒๕๐ คน ซึ่งพบว่า ส่วนใหญ่ที่หันมาใช้น้ำมูตร ก็เพราะเป็นความเชื่อจากพระ อ่านจากหนังสือ พระไตรปิฎก และคำ บอกกล่าวจากเพื่อน และครูตามลำดับ ขณะที่สาเหตุแรงจูงใจ ในการใช้ ก็มาจากคำสั่งสอน ของ พระพุทธเจ้า เป็นหลัก รองลงมาคือมีผู้แนะนำ และเห็นว่าไม่มีผลข้างเคียงใดๆ อย่างไรก็ดี เมื่อได้ สอบถาม ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับ การยืนยันถึงประสิทธิภาพการรักษาโรคด้วยน้ำปัสสาวะ พบว่า ขณะนี้มีงานวิจัย หลายแห่ง ยืนยันถึงประสิทธิภาพในการรักษาโรคด้วยน้ำปัสสาวะนี้ เช่น งานศึกษา ของ ศ.น.พ.จอห์น อาร์เฮอร์มาน แห่งมหาวิทยาลัยแพทย์อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ที่นิวยอร์ค ซึ่งเคยตีพิมพ์ เผยแพร่ ในเจอร์นัล ออฟ แมดิซิน (Journal of Madicine Vol.8 no.7 June 1980) อธิบายว่า

"การดื่มน้ำปัสสาวะ มีใช้กันทั่วโลก และยังจะแพร่หลายต่อไปอีกมาก ปัสสาวะคือ ส่วนที่สกัด กลั่นมาจากเลือด ถ้าเราไม่ถือว่าเลือดเป็นของสกปรก ปัสสาวะ ก็ไม่ควรถือว่าเป็นของสกปรกด้วย เพราะปัสสาวะก็มีสารหลายร้อย หลายพันชนิด ในนั้น นอกจากนี้ยังพบงานวิจัยของ ดร.อัลเบิร์ต เซนต์ กีออร์กี นักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบล ซึ่งเคยทดลองใช้ สารเมทิลไกลออกซอล และเป็นสาร ในปัสสาวะ สามารถใช้รักษา ผู้ป่วยโรคมะเร็ง และได้ผล เป็นที่น่าพอใจหลายราย"

ขณะที่ น.พ.ธรรมาธิกรี รัฐมหา-ราษฎร์ จากอินเดีย ทดลองในผู้ป่วย ๒๐๐ คน โดยให้ดื่ม น้ำปัสสาวะ ของตนเอง และติดตามผลทางการแพทย์อย่างใกล้ชิด พบว่า เมื่อดื่ม น้ำปัสสาวะแล้ว เซลล์ในร่างกาย จะสามารถรับออกซิเจนได้มากขึ้น อัตราเผาผลาญ ในร่างกายดีขึ้น ตลอดจน ช่วยให้ร่างกาย สร้างเม็ดเลือด มากขึ้น ในผู้ป่วยทุกราย และปริมาณฮีโมโกลบินในเลือดก็สูงขึ้นด้วย อย่างไรก็ดี สำหรับสาร เมลาโทนิน ซึ่งอยู่ในน้ำปัสสาวะนั้น นักวิทยาศาสตร์ชาวออสเตรเลียพบว่า เมื่อดื่มเข้าไป จะช่วยให้จิตใจสดชื่น แจ่มใส สมาธิดีขึ้น และสารนี้ยังช่วยต้านความชรา และป้องกัน โรคมะเร็ง ได้อีกด้วย และที่สำคัญนักวิจัยหลายคนขณะนี้เชื่อว่า ปัสสาวะ ถือเป็นสิ่งดี สำหรับผู้ป่วยโรคเอดส์ และไวรัสฉกฉวยโอกาสของเอดส์ เนื่องจากปัสสาวะ ของผู้ป่วย โรคเอดส์แต่ละคน ไม่ได้มีเพียงแค่ สารต้านมะเร็งเท่านั้น แต่ยังมีสารแอนติบอดี้ ต่อเชื้อเอชไอวี 1 ด้วย

"ยังมีนักวิจัยและหมออีกหลายคนที่เชื่อตรงนี้ ทั้งพระทิเบต โยคี หรือลามะ ก็ทั้งดื่ม และใช้น้ำปัสสาวะ มานานแล้ว ซึ่งกรณีคนไทยก็เคยพบผู้ป่วย ที่เป็นโรคมะเร็ง ขั้นสุดท้าย ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่เมื่อมาพบ ความมหัศจรรย์ของน้ำปัสสาวะ เลยลองดื่มดู ปรากฏว่า ดื่มไปได้ ๒ เดือน กลับไปตรวจใหม่ ก็ไม่พบ มะเร็งอีกเลย แต่ทั้งนี้ ยังจะย้ำว่า การดื่มน้ำปัสสาวะนี้ ถือเป็นทางเลือกหนึ่งของประชาชนเท่านั้น ใครจะลองหรือไม่ ก็แล้วแต่บุคคล" นักวิชาการกองแพทย์ทางเลือกกล่าว

- สารอโศก อันดับที่ ๒๗๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๗ -