กว่าจะถึงอรหันต์ โดย...ณวมพุทธ

แม้แก่ชราแต่ว่าง่าย
สอนอะไรก็เชื่อฟัง
แจ่มแจ้งแววไวดีจัง
กิเลสพังนิพพานผุด

พระราธเถระ

อดีตกาล ในสมัยของพระพุทธเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ พระราธเถระนี้ได้เกิด เป็นพราหมณ์ ชาวนครหงสาวดี เขาร่ำเรียนจนจบไตรเพท (คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ของศาสนาพราหมณ์) มีความรู้ ความสามารถเป็นอย่างดี มีสติปัญญามาก

อยู่มาวันหนึ่ง เขาได้ไปเข้าเฝ้าพระปทุมุตตรพุทธเจ้าที่วิหาร พบเห็นพระองค์ ทรงกำลังแต่งตั้ง ภิกษุ รูปหนึ่ง ให้อยู่ในตำแหน่ง ภิกษุผู้มีปฏิภาณ (ปัญญาคิดฉับไว และแยบคาย) เลิศยอดกว่า ภิกษุทั้งหลาย แล้วยังได้ฟังพระธรรมเทศนาอีก

จบการฟังธรรมนั้น ด้วยจิตศรัทธาแรงกล้าเขาเข้าไปสักการะพระพุทธองค์และหมู่สงฆ์ หมอบกราบ ศีรษะจดลงแทบพระบาทของพระศาสดา แล้วประกาศความปรารถนา ในธรรม ที่จะเป็นผู้เลิศยอด ด้านปฏิภาณเช่นนั้นบ้าง

พระปทุมุตตรพุทธเจ้าทรงสดับแล้ว จึงตรัสพยากรณ์เขาว่า

"ท่านจงเป็นผู้มีความสุข มีอายุยืนเถิด ปณิธาน(การตั้งความปรารถนา)ของท่านจงสำเร็จ ด้วยสักการะ ที่ท่านทำกับเราและหมู่สงฆ์ จะมีผลไพบูลย์ยิ่งนัก ในอนาคตกาล จะมีพระพุทธเจ้าพระนามว่า โคดม เสด็จอุบัติขึ้นในโลก ท่านจะเป็นสาวกของพระองค์ โดยมีนามว่า ราธะ และจะได้เป็นเลิศ ในด้านปฏิภาณ เหนือกว่าภิกษุทั้งปวง"

พอได้ฟังคำตรัสนั้นแล้ว เขาเบิกบานใจยิ่ง จิตเปี่ยมล้นด้วยความเมตตา ตั้งใจดูแลบำรุงพระพุทธองค์ และหมู่สงฆ์จวบจนตลอดชีวิต

ด้วยผลกรรมที่ได้ทำดีไว้ เมื่อเขาตายจากชาตินั้นแล้ว ได้เป็นเทวดา(ผู้มีจิตใจสูง)ถึง ๓๐๐ ครั้ง ได้เป็น พระเจ้าจักรพรรดิ ๕๐๐ ครั้ง ได้เป็นพระเจ้าประเทศราช อันไพบูลย์อีก นับครั้งไม่ได้ เป็นผู้มีความสุข ในทุกๆภพ

จนกระทั่งถึงภพสุดท้าย ในสมัยของพระพุทธเจ้าองค์สมณโคดม เขาเกิดเป็น พราหมณ์ในตระกูล ที่ยากจน อยู่ที่เมืองราชคฤห์ของแคว้นมคธ เขาขาดแคลน แม้เครื่องนุ่งห่ม และอาหาร ร่างกายผ่ายผอม ผิวพรรณทราม และที่น่าเศร้าใจยิ่งก็คือ เมื่อยามแก่ชรา หมดเรี่ยวแรง ถูกลูกเมียทอดทิ้ง ต้องมาอาศัย วัดอยู่ ทำให้เขาเกิดความคิดขึ้นมาว่า

"ไม่มีประโยชน์อะไรที่เราจะอยู่ครองเรือน เราสมควรจะบวชเสียดีกว่า"

แต่ปรากฏว่าไม่มีใครๆบวชให้เขาเลย เพราะเขาชรามากแล้ว บังเอิญมีอยู่วันหนึ่ง พระพุทธองค์ ทอดพระเนตรเห็นเขา จึงตรัสถาม "ดูก่อนราธะ ไฉนจึงดูเศร้าหมองนัก จงบอกถึงโรคที่เกิดในจิตของท่าน ให้เราได้รู้เถิด" "ข้าแต่พระองค์ผู้มีความเพียรยิ่ง ข้าพระองค์ปรารถนาจะบวชในศาสนาของพระองค์ แต่ไม่มีผู้ใดบวชให้จึงเศร้าโศก ขอพระองค์โปรดเป็นที่พึ่งของข้าพระองค์ด้วยเถิด"

พระศาสดาทรงสดับเช่นนั้น จึงรับสั่งประชุมสงฆ์ แล้วตรัสถามขึ้น "ผู้ใดนึกถึง ความดีของพราหมณ์นี้ได้ มีอยู่หรือไม่ จงบอกมาเถิด" เวลานั้น พระสารีบุตรเถระ ได้กราบทูลว่า

"ข้าพระองค์นึกถึงความดีของเขาได้อยู่ พราหมณ์ผู้นี้เคยถวายอาหารทัพพีหนึ่ง แก่ข้าพระองค์ ซึ่งกำลังเที่ยวบิณฑบาตพระเจ้าข้า"

"สาธุ ดีล่ะสารีบุตร เธอเป็นคนกตัญญู จงบวชให้พราหมณ์นี้เถิด พราหมณ์นี้ จะเป็นผู้ควรบูชา"

ราธพราหมณ์จึงได้บวชด้วยคำตรัสของพระศาสดาดังนี้ แล้วในเวลาไม่นานเลย ก็ได้บรรลุธรรม มีกิเลสสิ้นเกลี้ยงแล้ว เป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งในพระพุทธศาสนา

พระราธเถระเป็นผู้มีความยินดี และเพลิดเพลินในการสดับธรรม ของพระศาสดา โดยเคารพ มีปัญญา ฉับไว และแยบคายในคำสอนของพระศาสดายิ่งนัก และเป็นตัวอย่าง ของภิกษุผู้บวชเมื่อแก่ แต่ทำตน เป็นผู้ว่าง่าย ตั้งใจรับฟังคำสั่งสอน มีความสุภาพ อ่อนโยน ดังนั้นพระศาสดา จึงทรงยกย่อง ท่านว่า

"พระราธะนี้ เป็นเลิศกว่าพวกภิกษุสาวกของเรา ในด้านของผู้มีปฏิภาณแจ่มแจ้ง"

ท่านจึงได้กล่าว คาถาธรรมเอาไว้ เพื่อเตือนใจแก่คนทั้งหลายว่า

"เรือนที่บุคคลมุงไว้ไม่ดี ฝนย่อมรั่วรดได้ ฉันใด จิตที่ไม่ได้อบรมไว้ดี ราคะย่อมรั่วรดได้ ฉันนั้น"

ณวมพุทธ
เสาร์ ๘ ม.ค. ๒๕๔๘
(พระไตรปิฎกเล่ม ๒๖ ข้อ ๒๖๔ พระไตรปิฎกเล่ม ๓๓ ข้อ ๑๒๙
อรรถกถาแปลเล่ม ๕๑ หน้า ๓๐)

- สารอโศก อันดับที่ ๒๗๘ ธันวาคม ๒๕๔๗ -