บันทึกคนวัด

"อันเป็นที่รัก"

๑๓ พ.ย.
ชีวิตของมนุษย์เราสงบไม่ได้ เงียบไม่ได้ ก็มาจากจิตที่ไม่สงบ เพราะถูกยื้อๆยุดๆ ในความเอา และ ความไม่เอา จะเอาสิ่งที่ใจต้องการ ไม่เอาสิ่งที่ใจไม่ต้องการ ถ้าเราไม่หยุดเอา เราก็เป็นผู้ไม่เต็ม เป็นผู้ขาด พร่อง บางทีเราไม่ต้องกินอย่างนี้ทุกครั้งก็ได้ เพื่อคนอื่นจะได้กินบ้าง ของมีน้อย รู้จักแบ่งปัน แม้ไม่ได้ให้ตรงๆ แต่เราสามารถฝึกได้ ทุกสถานการณ์

๑๕ พ.ย.
ขอพัก ไม่ได้ขึ้นทำวัตรเป็นวันที่ ๓ กระดูกนิ้วที่ร้าวแม้จะติดกันแล้วแต่ก็ยังอักเสบอยู่ เราเองไม่ได้ระวัง ไปชนซ้ำเข้าอีก เมื่อวานถ่ายท้อง รู้สึกเบื่ออาหาร มวนๆท้อง ตอนสายเริ่มรู้สึกหิวนิดหน่อย แต่ต้อง ไปทำกายภาพ และเอาเท็ปไปซ่อม ตอนนี้รู้สึก หิวข้าวมากเลย แต่ไม่อารมณ์เสีย เราดูใจตัวเอง ตอนบ่าย อยากให้เพื่อน เก็บผ้า ที่ตากอยู่ข้างบนให้ เห็นเพื่อนไปเอาน้ำ อยากให้เขาช่วยเอาน้ำให้กิน เจ็บขาไม่อยากเดิน แต่เราก็ไม่เอ่ยปาก ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรง วันที่ไปหาหมอ หมอบอกเดินได้ อย่าอ้อน ยังทำเองได้ จงพึ่งตนเองให้ถึงที่สุด คนอื่นเขาก็มีงานมาก เรายังไหวอยู่นะ

คนไม่สู้ คือคนเสื่อม

๑๘ พ.ย.
รู้สึกเบื่อหน่ายกับสังขารตัวเอง ระบบย่อยยังไม่ปกติ ความรักตัวเอง เริ่มมาให้เห็นหน้าเห็นตา เมื่อก่อน เป็นอะไรก็อาจจะคิดบ้าง ไม่ค่อยได้สนใจมากมาย แต่วันนี้รู้สึกสะดุดกับอารมณ์ของตัวเอง ที่เรารู้ ไม่เท่าทันมัน ทั้งการเต้นผิดปกติของหัวใจ ที่เต้นแรงมาก แต่ไม่รู้สึกเหนื่อย ความจริงแล้วก็ยังไม่ได้ เป็นอะไรร้ายแรงสักหน่อย หากเป็นมากกว่านี้ เราจะทนกับความป่วยได้ไหม? ความรักตัวนั่นเอง ให้รู้ตามเป็นจริง ทุกขขันธ์ ก็ดูแลไป สุขและทุกข์เป็นของไม่คงที่ อย่าไปเพ่งเล็งมาก นี่เป็นเพียง เล็กน้อย ต้องเตรียมใจไว้สู้ สู้อะไรต่อมิอะไรอีกหลายอย่างในชีวิต คิดถึงคุณพ่อ ตอนนี้ไม่รู้ว่าสุขภาพ เป็นยังไงบ้าง เราจะปฏิบัติให้ดี สมกับที่ท่านให้ชีวิตเลือดเนื้อ ของเรานี้มาอยู่ในศาสนา มาเพื่อแก้ไข ตัวเอง แม้ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนแปลงได้เมื่อไร แต่เราจะพยายามทำให้ดีที่สุด เพื่อเรียนรู้และอยู่ให้ได้

ผู้ไม่รู้จักความทุกข์ ย่อมไม่รู้จักตัวเอง

๒๐ พ.ย.
ไปดูต้นบวบที่ได้เมล็ดพันธุ์มาปลูก ขึ้นแล้วหรือยัง เอ้า ไหงกลายเป็นตำลึงไปได้ เอ๊ พันธุ์จะเพี้ยนไปได้ อย่างงั้นเชียวรึ รอดูต่อไป คนเราก็ยังมีเพี้ยนๆบ้างเลย รดน้ำให้ดีล่ะ หากโตเผื่อมีคนเก็บไปกินได้ นิดๆหน่อยๆก็มีความสุข สุขกับการได้อยู่กับธรรมชาติ สุขกับการเป็นผู้ให้ สุขอย่างที่ไม่ต้องไปซื้อหา เราเข้าใจชีวิตมากขึ้น จึงยืนหยัดยืนยัน อยู่ในที่นี้ ชีวิตในโรงเรียนทางโลก ชั้นประถม มัธยม อุดมศึกษา ๒๐ กว่าปี ไม่ได้ช่วยให้เรา เตรียมพร้อมที่จะออกมาเผชิญกับ สภาพของสังคม มีความรู้ท่วมหัว แต่ไม่ได้ วิชา ที่จะปรับตัวให้อยู่ในสังคมที่จริงๆได้ จึงเหน็ดเหนื่อยกับการดิ้นรน แย่งลาภ ยศ เงินทอง แต่กับหมู่ มิตรดี สหายดีในที่นี้ ได้สอนให้เรารู้จักชีวิตที่แท้จริง คิดเป็น ทำเป็น และอยู่อย่างพอเพียง มักน้อย เพราะเราพอ เราจึงไม่ต้องดิ้นรนแสวงหา บุญและกรรม ต่างหาก คือทรัพย์ที่จริง ที่ควรทำเพิ่ม ต้องศึกษา คำสอนของพระพุทธองค์ นี่เป็นศาสตร์ ที่ดีที่สุด

จงรู้จักชีวิตให้ดีที่สุด แล้วจงใช้ชีวิตให้มีประโยชน์สูงประหยัดสุด

๒๑ พ.ย.
งานยุ่งๆรู้สึกอยากพัก อยู่เงียบๆ พอมีคนมาคุยด้วย ก็ต้องเปลี่ยนใจ นึกถึงใจเขา ฟังเขา ด้วยความ เอื้อเฟื้อ เมตตา พูดคุย ขอบคุณที่เขาเป็นครูดึงสติของเราขึ้นมา ไม่จมอยู่ในภพ การได้เจอหน้ากัน มีเวลาให้กัน ได้คุยกันก็ได้ประโยชน์ แล้วก็หัดเป็นผู้ฟังที่ดี ได้ปรับทิฐิ ถ้าไม่พูดคุยกัน ให้รู้จักรู้ใจ ก็มองกันทำกันอย่างต่างคนต่างคิด เข้ากันไม่ได้ เหมือนวิดีทัศน์เรื่อง"รักปิดผนึก" ที่ไม่สื่อกัน ให้รู้ใจ เดากันไปเอง เข้าใจไปคนละอย่าง เพราะปิดผนึกเอาไว้ ต่างคนต่างคิด ความรักเป็นความทุกข์ ที่หนักหน่วงหัวใจเป็นที่สุด จะตัดก็ไม่ขาด จะหลีกหนีก็ไม่จริง ห่างไกลก็คิดถึง เราเองสิ อย่าหลง ในอุปาทานอันนี้ ต้องทำให้หลุดพ้น อย่าให้ชีวิตต้องวนเวียนในอารมณ์เสพยึดเป็นของเรา จงให้อิสระ แก่ตนเอง ให้อิสระแก่ผู้อื่น อย่าไปเผลอใจทุกๆชาติเลย เพราะ...

ความรักคือการให้ หัวใจควรเต็มเปี่ยม สิทธิ์เธอควรเท่าเทียม ก้าวไปสู่ความหวัง ความหวังของเรา หนุ่มสาวของโลก ดั่งนกน้อยบินโบก ดั่งหัวใจบินโบก เริงลม

ความรัก คือการให้ ให้เธอจงชื่นชม หากมีทุกข์ระทม เจ้าจงกล้าฝ่าฟัน วันนี้ของเรา หนุ่มสาว หมองหม่น หากน้ำตารินหล่น น้ำใจควรรินหลั่ง แด่เธอ

ความรัก ความรัก ความรัก

จงแน่นหนักอยู่เสมอ ให้เธอคิด ให้เธอมีเสรีภาพ ให้เธอหวังให้เธอวาด ให้เธอ

บทเพลงความรัก ช่วยเสริมให้จิตใจของเราอ่อนโยนขึ้น มีกำลังใจที่ให้แก่กันอย่างไม่ยึดถือ เราเหลือ เวลาไม่นาน มีชีวิตอยู่จนบัดนี้ นับว่ายังเป็นบุญ

ชีวิตจะต้องเบิกบานแจ่มใส ถ้าทำตัวให้ซบเซา เศร้าหมอง ก็สู้ดอกไม้ดอกหนึ่งไม่ได้

๒๒ พ.ย.
ตื่นขึ้นมา เรายังอยู่ในวิถีชีวิตที่รายล้อมไปด้วยมิตรดี สหายดี สิ่งที่สมณะเน้นย้ำคือ การให้ความสำคัญ กับการจัดความสมดุลของชีวิต ถ้าจมไปกับงาน ทำให้ภาพของงาน กลายเป็นของเสีย จริงๆแล้ว งานไม่ใช่ของเสีย แต่สิ่งที่แฝงมาคือโลกธรรม ต้องรู้ให้เท่าทัน ช่วงนี้พ่อท่านเน้นการทบทวน ต้องทบทวน จัดสรรตัวเองให้เกิดความสมดุล ความคิดจิตใจสมดุล ชีวิตที่สมดุลร่างกายจะสัมพันธ์กัน ทำ คิด พูด อย่างไรให้เป็นสัมมา ความคิดไม่สมดุล ทำให้สายตัวแทบขาด ทำจนไม่มีเวลาจัดสรร แล้วก็ไม่ค่อยฟัง เสียงคนอื่น ตัวตนก็ค่อยออกมาเป็นตัวจริงเสียงจริง การสลายตัวตนตรงนี้ยากมาก ให้เรียนรู้ว่าไม่ชอบใจใคร คือ เกิดจากความหลงลืมตัวของเรา โมหะอวิชชาไม่ใช่น้อย ขาดการเจริญ เมตตา สักกายะไม่รู้ตัวง่ายๆ หาทางยังไงที่จะล้างตัวเอง ล้างโมหะตัวเอง อย่าสำคัญว่าตัวเอง เป็นคนรอบรู้ ไม่ฟังใคร อย่าถือดื้ออยู่แต่เรื่องของตนเอง สิ่งที่ทำให้ขุ่นมัวใจ หรือหลงใหลไปด้วย ต้องทบทวนกลับมาดูตัวเองว่า เราไปเอา ตัวอย่างนี้ มาจากไหน สิ่งไม่ดีอย่างนี้ รู้จักหน้าตามันไว้นะ อย่าหลงว่าตนแน่ คนอื่นก็แน่เหมือนกัน และที่แน่กว่าใครๆก็คือ กิเลสของประจำตัวเรานี่แหละ

การช่วยเหลือเขา แล้วเป็นทุกข์เป็นร้อน เราเอาตัวเองเข้าไปแบกหาม นึกว่าหวังดีมีเมตตา แต่มองตาม ความจริงแล้ว มันไม่ใช่ความสุขของเขา ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ มันเพื่อความสุขของเราต่างหาก ที่ซ่อนเร้น แอบอยู่ลับๆ ต้องรู้กิเลสของตัวเอง ไม่ใช่ไปรู้ความลับคือกิเลสของคนอื่น ถูกเขาติบ้าง ก็เถียงเคืองในใจ เถอะน่า เขาจะว่าเราบ้าง ทำกิริยาใส่บ้างก็ช่างปะไร หากเราไม่มีผู้ที่มีจิตใจสูง เอื้ออาทรเอ็นดูอดทนกับเรา อบรมสั่งสอน เอาน้ำจิตน้ำใจชะโลมให้ จนทำให้เราละทิฐิ ความพยศ ในใจค่อยๆคลายได้ เราก็คงมีกิริยาน่าเกลียดสั่งสมต่อไป เราต้องอดทน ที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อคนอื่นจะไม่ต้องอดทนอดกลั้นในพฤติกรรมของเรา

ในโลกจะไม่ให้มีศัตรู ไม่ให้มีอุปสรรค ไม่ให้มีอะไรมาผัสสะไม่ได้ พุทธจะไม่หนีสิ่งเหล่านี้

จงปลุกเร้าตัวเองขึ้นมาพากเพียร

วันศุกร์ที่ ๒๔
อากาศดี เช้าแวะไปดูตำลึงซะหน่อย เอ๊ๆ ต้นอะไรขึ้นมาข้างๆ คงจะเป็นบวบที่เพาะไว้ ขึ้นด้วยเหรอเนี่ย เรานึกว่าธรรมชาติจะเล่นตลกซะแล้ว โตเร็วๆนะ เราอยากเห็น เป็นพันธุ์บวบยาว ๑ เมตร เกิดมาไม่เคย ได้ยิน ได้พันธุ์มา ๒ เมล็ด รอให้แข็งแรงหน่อย ค่อยหาที่ลงดิน ได้อาศัยกิน ไม่ฉีดยาจะมีที่ไหน ถ้าไม่ทำเอง หากมีลูกดกจะได้แบ่งคนอื่นๆ เอาเข้าส่วนกลางด้วย การได้ให้เป็นความอบอุ่น เป็นการสร้าง มิตรภาพ กสิกร ถ้าไม่เห็นแก่ผลผลิตมากๆก็ดี อย่าเห็นเงินเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน ที่ทำให้ต้อง คร่าชีวิตตัวเอง ครอบครัว คนกิน ด้วยการฉีดยา ฉีดสารเคมีเลย

ตอนบ่ายสาวน้อยดรุณีวัยรุ่น เธอไปข้างนอกกลับมาเล่าโน่นเล่านี่ให้ฟัง มีเรื่องหน้าแตก ของเธอ ผสมด้วย นิดหน่อย ตอนท้าย มีคำถามอย่างที่เธอก็ไม่นึกจะถาม จริงๆจังๆ

อาคะ... หนูให้เงินขอทานได้ไหม ผิดรึเปล่า

ได้สิ แต่เออ อาก็ไม่แน่ใจขอทานน่ะเขามีขบวนการเลยนะ เคยได้ยินไหม เธอพยักหน้า

อา... เขาน่าสงสาร

อาก็ไม่ได้สรุปในสิ่งที่เธอเห็น ถ้าเธอทำแล้วสบายใจ ก็ทำเถอะ ไม่ได้ผิดศีล ผิดระเบียบอะไรนี่ แล้วเธอก็ลาไป

เธอคงฝึกความเป็นผู้ให้ หากเธอได้อ่านบันทึกนี้ อาอยากจะบอกว่า การให้ การเสียสละ เป็นสิ่งดี แม้เล็กแม้น้อย หัดให้หัดแจก แต่ในขั้นสูงขึ้นไป การให้ต้องเป็นผู้ให้ ที่มีปัญญาประกอบด้วยนะลูก อาขยานบทหนึ่งว่า "ซักเอ๋ยซักส้าว ผลมะนาวทิ้งทาน ในงานศพ เข้าแย่งชิงเหมือนสิ่งไม่เคยพบ ไม่น่าคบเลยหนอพวกขอทาน ดูประหนึ่ง ขัดสน จนปัญญา มีทางหากินได้หลายสถาน ประหลาดใจ เหตุไฉนไม่ทำงาน ประกอบ การอาชีพที่ดีเอย" บทนี้พอจะเป็นคำตอบอธิบายขยายได้บ้าง

หากเธอยังอยู่ในหมู่กลุ่มนี้ แวดวงนี้ เธอจะเข้าใจได้มากขึ้น จิตวิญญาณของเธอ จะพัฒนาไป ในทางที่ประเสริฐที่เจริญ เป็นความหวังส่วนตัวของเรา

มนุษย์ต้องเลือกดี เลือกชั่วเป็น แล้วทำดี ไม่ทำชั่ว

- ร้อยดอกศีล -

- สารอโศก อันดับที่ ๒๗๘ ธันวาคม ๒๕๔๗ -