- ป.ปรีดา - email: [email protected]


ไม่เกี่ยวจึงรอด

เทศกาลวันรวมญาติทุกปี บรรดาน้องๆ หลานๆหรือญาติๆจากตัวเมืองกรุงเทพฯ หยุดงาน มุ่งหน้า กลับภูมิลำเนา แถวรอบนอกชานเมือง หากใครไม่กลับไปเยี่ยมรวมญาติ ก็จะอยู่พักผ่อนกันไป ตามประสา คนเมือง ทำอะไรแบบเมืองๆ ไปจนกว่าจะถึงกำหนด วันทำงาน

สำหรับที่บ้านของดิฉัน ซึ่งอยู่แถบชานเมือง ขึ้นกับจังหวัดปทุมธานี เป็นเขตปริมณฑล ทุกเทศกาล หากตรงกับวันหยุดงาน ที่บ้านทั้งครอบครัว จะกลับมาให้เห็นอย่างพร้อมหน้า พร้อมตากัน ดูอบอุ่น ช่วยกันซื้อข้าวของบริโภคมาทำกินและคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันบ้าง ปรึกษาหารือเรื่องการงาน การเรียน การใช้และการดำเนินชีวิต เมื่ออยู่ต่างถิ่นต่างที่ เล่าสู่กันฟัง อย่างผาสุก

งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา ลาเพื่อกลับไปประกอบภาระหน้าที่การงาน ที่ต่างต้อง รับผิดชอบ เมื่อถึงเวลา เกือบ ๑๗.๓๐ น. คุณแม่พร้อมน้องชายคนสุดท้อง(เอก) ออกเดินทาง เข้ากรุงเทพฯย่านเสาชิงช้า ซึ่งทั้งสองคนกลับก่อนคนอื่น

หลายวันต่อมาตรงกับวันเสาร์-อาทิตย์ เวียนมาอีกวาระ วันรวมญาติ ซึ่งปฏิบัติ กันเป็นปกติ ทุกวันหยุด อยู่แล้ว คุณแม่เล่าให้คุณพ่อ และน้องๆญาติๆ ที่อยู่ภายในบ้าน จะละจากงานอื่นมานั่งฟัง อย่างใจจด ใจจ่อ คุณแม่เล่าว่า วันที่กลับไปบ้านที่กรุงเทพฯ ขึ้นรถเมล์สาย ๕๙ นั่งเบาะหลังสุดกับลูกชาย นั่งไปได้ ประมาณหนึ่ง จากรังสิตมาถึง ย่านตลาด สี่มุมเมือง สงสัยเหมือนกันว่า ทำไมชายวัยรุ่นลูก ๒-๓ คน หันมามองฉันกับลูก ฉันสงสัยมากๆ สังเกต เห็นเบาะหน้ามีชายคนหนึ่งนั่งหลับอยู่นั่นแหละ สวมชุด ข้าราชการทหาร ครึ่งท่อน สวมสร้อยทอง ประมาณหนึ่งบาท คุณแม่เล่า ด้วยความตื่นเต้นว่า รู้มั้ย เผลอแผล็บเดียว ชายคนหนึ่งในสามคน หันมากระชาก คอเสื้อเจ้าเอก ให้ลุกขึ้นจากเบาะ แล้วพูด ใส่หน้าว่า "เฮ้ย! มึงไม่เกี่ยว!!!" แล้วผลัก ให้นั่งลงอย่างเดิม ชายอีกสองคนก็จัดการกระชากสร้อยคอ จากชายที่นั่งหลับ ทุกคนในรถนิ่งเหมือนหุ่น ไม่มีใครกล้าร้อง หรือทำอะไร เพราะเขามีปืน แบบนี้ ใครจะไปกล้า ไม่คุ้มถ้าจะทำอะไรลงไป พอรถจอด คนร้ายทั้งสาม ก็ลงจากรถ ไปอย่างสบายๆๆ แหม ง่ายจัง จี้กันซึ่งๆหน้า กับผู้หลับไหล และผู้คนในรถ ก็ไม่มีใครกล้ายุ่ง กับคนพรรค์นั้น

ลูกๆได้ถามคุณแม่ว่า วันนั้นทำไมคุณแม่ไม่สวมเครื่องประดับ(สร้อยทอง)อย่างที่เคยสวมอยู่ คุณแม่ ไม่ตอบอะไร คงเป็นเพราะเดชะบุญ ส่วนน้องชายเล่าว่า วันนั้นอยู่ในรถเมล์นี่ ขาสั่น ไปหมดเลย ไม่รู้จะทำอย่างไร คนร้ายมีตั้ง ๓ คน แถมพกปืนอีกต่างหาก ดีนะ ที่เขาไม่ทำร้ายใคร ถึงเลือดตกยางออก เอาแค่ของมีค่าไปเท่านั้น ชายที่ถูกกระชากสร้อย ก็มีสติดี ไม่โวยวาย อยู่นิ่งๆ ไม่หวงของ ปล่อยให้เขา กระชากไป ถ้าไปขัดขืน คงเจอดีและวุ่นวายชุลมุนไปทั้งรถ แถมอีกหลายคน อาจตกเป็นเหยื่อ ลูกกระสุน ก็เป็นได้

บทเรียนนี้สอนให้ทุกคนต้องระวังเนื้อระวังตัว อย่างเจ้าเอก(น้องชาย) แค่เป็นผู้เห็นเท่านั้น มันยัง เอาเรื่อง ข่มขู่ให้อยู่นิ่งๆ อย่าไปยุ่งเรื่องที่เขาจะปลดของมีค่า ของคนนั่งหลับ ในรถเมล์ สังคมทุกวันนี้ มีภัยร้ายอยู่ทุกๆหย่อมหญ้า ไม่เว้นแม้แต่ในที่สาธารณชน ใครก็ช่วยใครไม่ได้อีกแล้ว แต่ละคน ต้องระวังตัว ของตัวเอง เพราะคนจน ปล้นคนจน ด้วยกันเอง หรือคนรวยปล้นคนจน ก็มีให้เห็น โดยเฉพาะ ผู้ที่มีการศึกษาสูงแล้ว นำไปใช้ในทางผิดๆ โกงกันอย่างแนบเนียน นี่ยิ่งร้ายกว่าร้ายนัก ขอให้ท่านผู้อ่าน พึงระวังในเรื่องนี้ด้วย

- ข้อมูลจาก นง-ภัทรภาดา -

หากท่านผู้ใดมีประสบการณ์จริงจากชีวิต สามารถส่งมายังคอลัมน์นี้ หรือส่งมาทาง e-mail ข้างต้นได้

- สารอโศก อันดับที่ ๒๗๘ เดือน ธันวาคม ๒๕๔๗ -