งานฉลองหนาวธรรมชาติอโศก ครั้งที่ ๓ หลังจากพ่อท่าน นำผู้ปฏิบัติธรรมชาวอโศกร่วมกับคณะสถาบันบุญนิยม ไปปฏิบัติธรรมภาคใต้ในกิจกรรม "ซับขวัญชาวใต้" ที่ อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เป็นเวลา ๑๐ วัน แล้วชาวอโศกหลายชีวิตก็เดินทางขึ้นเหนือ เพื่อร่วมงานฉลองหนาว กับชาวดอยแพงค่า ที่ภูผาฟ้าน้ำ จ.เชียงใหม่ ภายใต้อุณหภูมิ ๙ ํc ด้วยบรรยากาศเรียบๆง่ายๆ สัมผัสใกล้ชิด ในวิถีชีวิตธรรมชาติ ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ - อาทิตย์ที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๔๘ พฤหัสบดีที่ ๒๗ มกราคม ๑๘.๐๐ น. ณ ลานเวทีหน้าศาลาซาวปี๋ มีรายการ "ควันหลงสึนามิ" มีสมณะฟ้าไท สมชาติโก ดำเนินรายการ โดยสัมภาษณ์ สมณะดินดี สันตจิตโต สมณะพอแล้ว สมาหิโต สมณะเก้าก้าว สรณีโย สมณะแก่นเกล้า สารกโร สมณะลึกเล็ก จุลคัมภีโร ต่างก็เล่าถึง บรรยากาศความประทับใจ ที่พ่อท่านได้นำสมณะ สิกขมาตุและญาติธรรม เกือบพันชีวิตไป "ซับขวัญชาวใต้" ทำให้เกิดประโยชน์ตน และประโยชน์ท่านเป็นอันมาก ศุกร์ที่ ๒๘ มกราคม ก่อนฉัน พ่อท่านแสดงธรรม ณ ลานสนามหน้าศาลาซาวปี๋ พ่อท่านได้กล่าวเน้นว่า "ให้พวกเราพึ่งแก่ พึ่งเจ็บ พึ่งตาย กันให้ได้ มาคราวนี้ก็ได้นอน ๑๑ ช.ม. พยาบาล บังคับไว้ให้นอนอย่างน้อย ๑๐ ช.ม. อายุยาวหลายอย่างก็เปลี่ยนแปลงไป หลายคนก็มาคอยดูแล ศาสนาพระพุทธเจ้า แตกต่างจากศาสนาอื่นๆ คือเป็นอเทวนิยม เป็นศาสนาที่พิเศษ ศาสนาพุทธเป็นศาสนาของมนุษย์ ที่เป็นวิทยาศาสตร์ สามารถพิสูจน์ได้ คนเราเกิดมาควรทำให้ได้ ๓ สิ่งนี้คือ หลังพ่อท่านแสดงธรรมจบ มีการปล่อยโคมลอย แห่โรงบุญ มีโรงบุญที่สวนป่าสัก มีอาหารแจก หลายอย่าง เช่น ข้าวเหนียว ส้มตำ ข้าวหนุกงา มันย่าง เห็ดย่าง อาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยว ฯลฯ แล้วมีการฟ้อนเจิง โดยนักเรียนสส.ภ. กับผู้มีอายุยาว ๑๑.๐๐ น. เปิดตลาดอาริยะ ขายน้ำมันพืช แค็บเจ และเสื้อยืด กางเกงยีนส์บริการแก่ชาวบ้านข้างเคียง ๑๓.๐๐ น. สมณะกับญาติธรรมชาวหัวเลา แบ่งกัน ๙ กลุ่ม ไปทำแนวกันไฟ เนื่องจากปีกลาย มีไฟป่ามาก จึงทำแนวกันไฟไว้รอบภูผา ๑๘.๐๐ น. พ่อท่านเอื้อไออุ่น พูดถึงเรื่องสุขภาพที่หลังยอก จากนั้นพ่อท่านก็ตอบปัญหา เสาร์ที่ ๒๙ มกราคม ๐๘.๓๐ น. มีการประชุมองค์กรบุญนิยมต่างๆ ซึ่งมีพาณิชย์บุญนิยม การเมืองบุญนิยม ฯลฯ ก่อนฉันพ่อท่านแสดงธรรม เน้นชี้ให้เห็นวิถีชีวิตของพวกเราที่เรียบง่าย ที่นี่ใช้น้ำมาปั่น เป็นกระแสไฟฟ้า การกักน้ำไว้ก็เป็นผลดีกับชาวบ้าน แทนที่น้ำจะไหลไปหมด เราก็ค่อยๆปล่อยให้น้ำให้ไหลไปเรื่อยๆ ๑๒.๐๐-๑๓.๐๐ น. มีกีฬาอาริยะ เช่น การเก็บผักป่า
และหักฟืน มีผู้สมัคร ๗ ทีม ทีมละ ๓ คน กีฬาอาริยะคือ การแข่งกีฬาของผู้ฉลาด เหนื่อย สนุก แต่มีประโยชน์กับการดำรงชีวิต ประจำวัน ๑๗.๐๐ น. พ่อท่านพบสมณะนวกะที่กุฏิ พ่อท่านกล่าวว่า "ผู้ที่จะมาบวชมีน้อย จะมาก็ลำบาก ศาสนาพุทธเป็นอเทวนิยม ตอนนี้กำลังเขียนหนังสือ เทวนิยม กับอเทวนิยมต่างกันอย่างไร เขียน ๑๐ ประเด็น ที่ผมมาทำเป็นพุทธแท้ๆมีอุบาสก-อุบาสิกาอยู่กินอย่างมีวัฒนธรรม มีสาธารณโภคีถึงฆราวาสเลย พุทธเป็นอิสระเสรีไม่ครอบงำทางความคิด พุทธเป็นปัจจัตตัง เวทิตัพโพ เป็นเอหิปัสสิโก เหมือนกันหมด เป็นจิตที่บริสุทธิ์ ธรรมะของพระพุทธเจ้าไม่เอาเปรียบ เรามาพิสูจน์กันถึงโภคักขันธา ปหายะ ญาติปริวัตตัง ปหายะ เรามาเป็นพี่เป็นน้องกันในทางธรรม ๒๐-๓๐ ปีชุมชนเราพิสูจน์ได้ ได้ลดความโลภ และความโกรธ ชุมชนเราไม่เคยเกิดมี ถึงขั้นอาชญากรรม ทุกคนสำรวม สังวร ไม่ทำร้ายกัน ความโลภก็ไม่รุนแรง อยู่กันเป็นมวล ก็ไม่มีอะไรร้ายแรงเลย แม้มีข้อบกพร่องก็นิดหน่อย ถ้าทุกบ้านเป็นอย่างพวกเรา ก็อยู่เป็นสุข" จากนั้นพ่อท่านก็อธิบายธรรมะในหลักของโพธิปักขิยธรรม และตอบปัญหา ให้กับสมณะนวกะ ๑๗.๐๐ น. มีการแสดงภาคค่ำ ปีนี้การแสดงเน้นความเรียบง่าย ตั้งแต่เวที การแสดง ก็พยายามให้เป็นธรรมชาติ การแสดงไม่มีการจัดลำดับการแสดง ใครจะแสดงอย่างไร ผู้แสดงก็ไปตกลงกันเอง จากนั้นสมณะเดินดิน ติกขวีโร ก็แจกรางวัลแก่ผู้ชนะ ในการแข่งขันกีฬาอาริยะ งานนี้ได้มีการแจกรางวัล ผู้อายุยาวที่มาร่วมงาน ฝ่ายชายคือ คุณปรีดา กลีบมาลัย อายุ ๘๔ ปี จาก จ.อยุธยา ฝ่ายหญิง คือ คุณจูม สุณาวรรณ อายุ ๘๔ ปี จากลานนาอโศก จ.เชียงใหม่ นักกีฬาที่เข้าแข่งขัน ซึ่งเป็นผู้มีอายุยาว ฝ่ายชายได้แก่ คุณร่มดิน จากกีฬาจักตอก อายุ ๕๙ ปี มาจากดอยรายปลายฟ้า ฝ่ายหญิงคือ นางประยูร ศรีเกษสันต๊ะ อายุ ๗๐ ปี นอกนั้นนักกีฬาตักทราย มีผู้เข้าแข่งขัน ๗
ทีม * กีฬาตำข้าวด้วยมือ ที่ ๑ คือ ทีมจากศีรษะอโศก
ที่ ๒ คือทีมนักเรียนสส.ภ. ที่ ๓ คือทีมแด่ชีวิต อาทิตย์ที่ ๓๐ มกราคม ในงานนี้นักเรียน ม.๖ จากบ้านราชฯ สันติฯ สีมาฯ ปฐมฯ ศีรษะอโศกฯ มาร่วมจัดงาน และเข้า หลักสูตร ฝึกฝนตนเองตามความสมัครใจ งานนี้ตำข้าวเลี้ยงกันเอง ตลอดงานใช้ไฟจากโซล่าเซล นับเป็นปีที่ ๒ ที่ไม่ต้องเสียเงิน ซื้อน้ำมัน ปั่นไฟเลย ปีนี้มีผู้มาร่วมงานพันกว่าคน ชาวบ้านจาก ๖ หย่อมบ้าน และชาวต่างชาติ มาร่วมงานมากกว่าปีก่อน - สมณะโพธิสิทธิ์ โพธิสิทโธ - - สารอโศก อันดัที่ ๒๗๙ มกราคม ๒๕๔๘ - |