เรียงวลี กวีธรรม


ศาสตร์และศิลป์
สวัสดีปีใหม่กลางไพรพฤกษ์
หุบเขาลึกน้ำค้างปรอยดอยแพงค่า
จันทร์ข้างแรมเลือนลางจางลับตา
มือเท้าชาเย็นฉ่ำทุกค่ำคืน
ไม่ย่อหย่อนวิริยะละกิเลส
อ่านสาเหตุเวทนาพาจิตตื่น
เรียนพระธรรมพระวินัยให้ยั่งยืน
ความสดชื่นอยู่ที่ใจทำให้ตน
ย่ำกรวดดินหินคมระบมเท้า
ก่อนรุ่งเช้าลงจากภูสู่ถนน
บิณฑบาตเดียวดายทักทายคน
สุขกมลดั่งนกน้อยบินลอยไป
พ่อท่านผู้รู้ฉลาดศาสตร์และศิลป์
ลูกจดจำทั้งสิ้นเป็นนิสัย
อายุพ่อเจ็ดสิบสองฉลองชัย
เพียรล้างใจใสสะอาดปราศนิวรณ์
* ส.ธรรมรักษ์
๓๑ ธ.ค. ๒๕๔๗


 

ไฟไหม้ฟาง
ใหม่ใหม่ก็ไฟแรง สาดส่องแจ้งสว่างไสว
เคร่งครัดรับฉับไว กรรมฐานใหม่ก็มากมี
วาดหวังบรรลุธรรม สุขเลิศล้ำดื่มด่ำ "ดี"
เปลี่ยนชื่อด้วยอีกที จะได้ดีพร้อมรูป-นาม
ผ่านไปไฟเริ่มมอด ใจเริ่มถอดไม่ไถ่ถาม
กองไฟไร้ฟืนงาม เหลือแต่นามไฟไร้ฟืน
กรรมฐานเริ่มยานหย่อน เที่ยวผัดผ่อนทุกวันคืน
กล้อมแกล้มอย่างกล้ำกลืน แสนฝืดฝืนด้วยเฉโก
พอเถิดไฟไหม้ฟาง หวนคิดบ้างครั้งพึ่งโพธิ์ฯ
ระทมทุกข์งมโง่ ต้องวิ่งโร่หาแสงธรรม
สร้างฟืนให้กองไฟ ที่พลั้งไปเลิกถลำ
ประมาณใหม่ใส่ใจจำ รักษาธรรมย้ำยืนยง
* สายลม



คลื่นสงบ พบสว่าง
คลื่นสมุทรสุดเหี้ยมมาเยี่ยมฝั่ง
เคลื่อนประดังคลั่งโถมกระโหมหาญ
ทลายถิ่นสินสวรรค์ในวันวาน
คร่าวิญญาณญาติสนิทอนิจจา
หาดสลดหมดไสวไร้สวัสดิ์
ทรัพย์วิบัติมัดสมัยใจผวา
มองน้ำหนักหลักชีวิตสิทธิ์ชะตา
เหลือมรรคาก่อกุศลให้ยลเยือน
* อ่อนฌาน ญาณเยาว์



หัวเขา - เสาเรือน
คิดถึง ท้องนา - ป่าร้าง เจ้าทุย เขากาง
กินฟาง ลอมใหญ่ ใกล้เรือน
ตัวมัน เป็นควาย เผือกเผื่อน ดำด่างดวงเดือน
เป็นเพื่อน ทำนา ช้านาน
หน้านา ช่วยข้า ไถหว่าน แดดฝน กรำกร้าน
ลากคราด ดึงผาล นานปี
ลมโชย เกี่ยวรวง ครานี้ ฟ่อนข้าว จากตี
หน้าที่ เจ้าทุย ลุยทำ
กองเทิน พะเนิน เดินย่ำ เม็ดเหลือง ร่วงพรำ
น้อมนำ คืนเหย้า เข้าฉาง
เสร็จนา ทุยยืน กลืนฟาง ผลิตผล จากสร้าง
เมื่อยคาง ยังดี มีกิน
เลยล่วง ยี่สิบ- ปียิน เสียงกลอง วัดอินทร์ฯ
หนังเจ้า ทั้งสิ้น ดิ้นดัง
โอ้...หนอ ชีวิต อนิจจัง เหลือเพียง ความหลัง
ติดฝัง ลบยาก จากใจ
คดข้าว จากหม้อ ทีไร สะท้อน ย้อนไป
หวนไห้ คะนึง ถึงทุย
ก่อนนั้น เคยพา ข้าลุย ขี่หลัง เป่าขลุ่ย
ฮาฮุย ข้ามน้ำ ลำคลอง
เอนหลัง พิงฝา เรือนจ้อง น้ำตา ข้านอง
เหม่อมอง หัวเขา - เสาเรือน
* ทอง ๑๐๐%



มรณานุสสติ
เจริญธรรมนำสร้างทางพ้นทุกข์
เจริญสุขด้วยศีลดีที่รักษา
สมาธิสติดีมีปัญญา
วิปัสสนาพาพบสุขทุกคืนวัน
ชีวิตนี้น้อยนักอย่าชักช้า
ควรเร่งหาที่พึ่งตัวอย่ามัวฝัน
การเกิดนี้มีอยู่เรารู้กัน
ความตายนั้นวันใดหนอบ่รู้เลย
เช้าเห็นอยู่หลัดหลัดสายพลัดพราก
เที่ยงนี้หากร่วมวงข้าวลูกเต้าเอ๋ย
บ่ายเย็นม้วยมรณานิจจาเอย
กลางคืนเคยเคล้าคลอพอเช้าตาย
โอ้ชีวิตอนิจจังช่างไม่เที่ยง
ยากหลีกเลี่ยงการเกิดดับและลับหาย
เพราะโมหะอวิชชาพางมงาย
การเกิดตายในวัฏฏะจะยาวนาน
* อนาคาริก

- สารอโศก อันดับที่ ๒๗๙ มกราคม ๒๕๔๘ -