ใต้ร่มอโศก
ซับขวัญชาวใต้
บทเพลงแห่งความพลัดพราก
ประกาศตัวเป็นระยะ
บทเพลงแห่งความตาย
กู่ร้อง ตลอดวันตลอดคืน
เป็นรหัสชีวิต
เป็นสัญญาณลัย....แห่งการเตรียมพร้อม!
ไม่มีอะไรไม่พลัดพราก
ไม่มีสิ่งใดไม่จาก
พุทธพจน์เตือนสติ
โลกลุกเป็นไฟ ตัวตกอยู่ในความมืด
ไยไม่รู้จักหาแสงสว่าง?
ยิ่งจมปลักอยู่ในกองสุข
ความทุกข์ยิ่งมหาศาล
สายพานแห่งความตาย ลากไปสู่หุบเหว
ทุกชีวิตไม่มีละเว้น
จึงต้องเตรียมพร้อม
กิน น้อย ใช้น้อย ทำงานให้มาก
ไม่ทำบาป ทำแต่ความดีให้มาก ให้มากๆๆๆๆๆ
รายงานข่าวจากการประชุมพาณิชย์บุญนิยม
(๒๔ ม.ค. ๒๕๔๘) จิ้งจกเข้าฟังด้วยขอนำบางเรื่องเล่าสู่กันฟัง
๑. การประชุมทุกครั้ง ให้บันทึกจำนวนคน ณ เวลาเปิดประชุม
๒. ให้ทุกชุมชนรายงานฐานการผลิตเพื่อให้เห็นภาพของอัตรากำลังคน เพื่อเป็นแนวทาง
ในการช่วยเพิ่ม-ลด ปรับฐาน ปรับกำลังคน (ส่วนกลางจะช่วยตัดสิน)
๓. โรงงานขวดที่สีมาอโศก ต้องการแรงงาน
๔. พ่อท่านเสนอว่าฐานอาชีพโดยเฉพาะซีอิ๊ว, เต้าเจี้ยวทำยาก ขอให้ใส่ใจทำให้มาก
ส่วนฐานแชมพู เขาทำกันเยอะแล้ว ต่อไปน่าจะเลิก
๕. น้ำหมักอาบน้ำให้สุนัขขายดี
๖. พ่อท่านให้ข้อคิด "ผู้ผลิต" ไม่ควรละเลยตลาด ต้องวางให้ต่อเนื่อง
๗. ราชธานีอโศกมีโครงการจะซื้อที่ดินเพิ่มเติมอีก ๓๐๐ ไร่ ราคาไร่ละ ๓๐,๐๐๐
กว่าบาท
ประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของชาวอโศก
นโยบายผักพื้นบ้านของร้าน ชมร.
"วาระที่๓. ผู้รับใช้ รองผู้รับใช้แจ้ง"
๓.๑ คุณดาบบุญ แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ขณะนี้ทางร้านกู้ดินฟ้า ๑ ไม่มีผักส่งให้ทาง
ชมร. ตามปกติ และได้มีการแก้ไขสถานการณ์ โดยออกไปตามแหล่งผลิตต่างๆ เพื่อจัดซื้อผักมาส่งให้
ในช่วงนี้ คงต้องเปลี่ยนแปลงนโยบายในการทำอาหารบ้าง โดยต้องเน้นให้ใช้ผักพื้นบ้านในการทำ
อาหาร ให้มากขึ้น หากอาสาสมัครท่านใดพบว่าพืชผักชนิดใดไร้สารพิษ ที่น่าสนใจ
นำมาทำเป็นอาหาร ก็ขอให้แจ้งให้ทางร้านกู้ดินฟ้า ๑ ทราบด้วย เพื่อให้เป็นผู้ประสานงานในการจัดซื้อต่อไป
ที่ประชุม รับทราบ"
หมายเหตุ ตัดตอนมาจากรายงานการประชุมอาสาสมัคร
ชมร. สาขาหน้าสันติอโศก ครั้งที่ ๙/๒๕๔๗ (๑ ก.ค. ๒๕๔๗)
นักประชาสัมพันธ์ของชาวอโศก
จากญาติธรรม จิตราภรณ์ แก้วทะชาติ (ราชเทวี กทม.)
"แต่ก่อนแม่ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร ก็ยังอยากให้ลูกสาวตัวเองทำตัวเหมือนคนโลกๆทั่วไป
คือ แต่งงานมีครอบครัวเหมือนลูกๆทุกคนของท่าน พอทุกวันนี้ท่านก็เข้าใจแล้วว่า
ดีแล้วที่ลูกปฏิบัติ ตามแนวสันติอโศก ไม่ต้องแต่งงาน และข้าพเจ้าก็แสดงให้คุณพ่อ-คุณแม่เห็นได้ว่า
ผู้ที่ท่านพึ่งได้ คือลูกคนที่ไม่แต่งงาน เพราะทุกวันนี้ข้าพเจ้าทำงานได้เงินมา
พ่อแม่ขาดเหลืออะไร ก็จะมีข้าพเจ้า เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ช่วยท่านได้ ในขณะที่ลูกๆของท่านที่แต่งงานไปทุกคน
ไม่สามารถเป็นที่พึ่ง แก่พ่อแม่ได้เลย
แต่ก่อนที่ข้าพเจ้าปฏิบัติธรรมใหม่ๆ ต่างก็ไม่เข้าใจ แต่พอเวลาผ่านไปจนทุกวันนี้
ข้าพเจ้าก็พิสูจน์ ให้คุณพ่อคุณแม่เห็นแล้วว่า อโศกพาลูกท่านดี ไม่ใช่ไม่ดี
และข้าพเจ้าดีใจที่สุด ที่สามารถทำให้ท่าน เข้าใจสันติอโศกได้......."
อ่านจบแล้วก็คงจะอ๋อว่า นักประชาสัมพันธ์ที่แท้ก็คือตัวเรานั่นเอง เอาหลักธรรมสมณะมาอ้าง
๑๐,๐๐๐ วลี ฤาจะสู้แสดงชีวิตเรียบง่าย เสียสละ มีพรหมวิหารให้เขาสัมผัส
นี่แหละ "ธรรมกาย" ขนานแท้ จุ๊ย์ๆๆๆ
การเมืองของพระเป็นไฉน
จากญาติธรรม บุญมา การะเกษ (อ.เดชอุดม จ.อุบล) "พอตัดพระออกจากการเมือง
มันก็เท่ากับ ตัดกุศลออกจากการเมือง มันก็เท่ากับตัดกุศลออกจากการเมือง เมื่อตัดมือตัดตีน
ตัดเรื่องกุศล เรื่องดีออกจากการเมืองหมด การเมืองถึงได้เละ การเมืองถึงได้เน่า
เพราะออกกฎหมาย กีดกันไว้หมด ไม่ให้คนดี คนมีจิตใจเป็นกุศล คนที่มีจิตใจเสียสละอย่างพระมาเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง
นี่เป็น ความผิดพลาด อย่างมหาศาล ในสังคมประเทศไทย ที่ถูกแล้ว ควรจะให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง
กับการกุศล มีจิตเป็นกุศล มีใจเสียสละสร้างสรรเพื่อผู้อื่น พระเป็นผู้มีคุณธรรมแท้ๆจริงๆใช่ไหม
แต่เข้าไป เกี่ยวข้องในฐานะของปุโรหิต ผู้ช่วยคิด ช่วยอ่าน ช่วยออกความเห็น
ช่วยอบรมคนในการเมืองเลยจริงๆ อย่างนี้จะถูกต้องจะดีมาก แล้วผู้ที่จะทำงานการเมือง
ก็ควรจะรับฟังพระด้วย ไม่ใช่ไปกีดกันพระ เกิดอะไรขึ้นก็บอกว่า ไม่ใช่กิจของสงฆ์
แล้วไล่พระหนีออกหมดเลย อย่างนี้สังคมถึงได้บรรลัย ตัวเองจึงทำทุจริตได้เต็มไม้เต็มมือ
ผู้ที่เป็นพระจริงๆ ก็จะต้องแนะนำในสิ่งที่ดีที่ถูกต้อง อะไรเป็น สัจธรรมก็แนะนำ
ไปตามนั้น"
ญาติธรรมวิจารณ์ การเมืองกับศาสนามาได้น่าฟังทีเดียว จำได้ไหม ครั้งหนึ่งเราบอก
พระต้องไม่ฉัน เนื้อสัตว์ ไม่ใช้เงิน ไม่มีเดรัจฉานวิชา หลายค่ายสำนักทำใจยาก
วันนี้ถ้าบอก พระมีสิทธิ์ยุ่งการเมือง ก็คล้ายกัน เพียงแต่พระนั้น ต้องทำตัวเหมือนปุโรหิต
และผลักดัน ฆราวาสให้ทำงานการเมือง
ศาสนานั้นแท้จริงก็คือ "บุญนิยม" เราจะต้องสร้าง"ค่านิยม"
ทุกวงการต้องอยู่บนหลักการ"บุญนิยม"
นี่คือ สิ่งใหม่พอๆกับโลก ที่มีคอมพิวเตอร์ใช้กัน จุ๊ย์ๆๆ
เรื่องของศีลพตปรามาส
จากญาติธรรม มณีประภา สกุลลักษณ์ กิ่งอ.โนนนารายณ์ จ.สุรินทร์ "มีเรื่องอยากเล่าคือ
เมื่อวันที่ ๒๑ ต.ค. ๒๕๔๗ ที่ผ่านมา คุณตาของดิฉันได้เสียชีวิตที่บ้าน ก็มีการทำบุญ
ตามประเพณี โดยเอาศพ ไว้ที่บ้าน ๓ วัน ช่วง ๓ วันนี้เป็นช่วงที่ดิฉันรู้สึกว่า
คนไทยเข้าใจผิด เกี่ยวกับการทำบุญ คือ ช่วง ๓ วัน มีการฆ่าสัตว์ เพื่อนำมาเป็นอาหาร
มากมาย เช่น หมู และสิ่งที่น่าสังเกตอีกอย่างคือช่วง ๓ วันนี้ มีการทำบุญ
มีสวดอภิธรรม ในพิธีตลอด ๓ วัน มีการขอศีลจากพระทุกครั้งที่ประกอบพิธี แต่ไม่รักษาศีล
ดิฉันสงสัยว่าแล้วจะขอศีล(อาราธนาศีล)ทำไม? และในชนบทบ้านดิฉันส่วนมาก จะมีการทำบุญเวลามีคนตาย
๒ ครั้ง คือ ตอนตาย และอีกครั้งเมื่อพร้อมอาจจะ ๑ ปีข้างหน้า แต่สรุปแล้วคือ
มีการฆ่าสัตว์มากมาย และขอศีลแล้วไม่รักษาศีล เพราะถ้ารักษาศีล คงไม่มี การฆ่าสัตว์
มากมาย แล้วจะทำบุญทำไมเนี่ย?......"
เมื่อไม่ใช้สติปัญญาไตร่ตรอง โอกาสผิดพลาดย่อมมีมาก หากทบทวนสักนิด ปาณาติบาต
คงหายไป จากสังคมไทยอีกหลายสิบเปอร์เซ็นต์
เมื่อศีลข้อปาณาติบาตยังตื้นเขิน ป่วยการกล่าวถึงมรรคผลในศาสนา
ผู้แสวงหา การหลุดพ้น หากยังเบียดเบียนผู้อื่นอยู่ จะเป็นจริงได้อย่างไร?
ใจเขาใจเราคิดแค่นี้ก็จะตอบปัญหาโลกแตกได้ ! จุ๊ย์ๆๆ
บุญเป็นกำเนิด บุญเป็นเผ่าพันธุ์ บุญเป็นที่อาศัย
อนาคตบางทีเราก็ไม่รู้ว่าจบลงที่ไหน แต่ความจริงแล้วยังมีผู้ลิขิตอีกคนที่ยิ่งใหญ่ไม่เบาคือ
"บุญ"
เลือกชีวิตจะเดินทางไหน คิดไม่ออก อย่ากังวล ทำดี ถือศีล มีน้ำใจ สะสมความดี
แล้วปล่อยให้ "บุญ"เป็นผู้ตัดสินแทนเรา
จากญาติธรรม ดวงรัตน์ หาญณรงค์ (อ.กิ่งวังเจ้า จ.ตาก) "ต้องขอโทษนะคะ
ที่ตอบจดหมายช้าค่ะ เพราะมัวยุ่งอยู่กับการงาน และการตัดสินใจว่าจะไปทางไหน
มีญาติทำงานต่างประเทศให้ไปทำงาน โดยบอกว่าไปอยู่กับครอบครัวกินเจ พอดีมีใจ
คิดอยากหางานทำที่อยู่ไกลบ้านสักพัก ก็ตัดสินใจ ตกลงไป เขาก็วิ่งเรื่องให้ทางนอก
โดยที่เราไม่ต้องออกอะไรมากมาย แต่พอจะนัดวันที่จะเดินทาง ก็รู้ว่าครอบครัวเขา
กินเจคนเดียว แล้วเราจะต้องทำปลาอีก ก็คิดไม่ออก สับสนจะทำเช่นไร ร้องไห้
มือเราจะต้องทำลายชีวิตผู้อื่นแล้วหรือ ร้องไห้อยู่หลายวันถ้าไม่ไปเขาก็วิ่งเรื่องหมดแล้ว
เขาต้องว่าเรา มากมาย ตัวเองยิ่งจิตใจอ่อนแออยู่แล้ว พอคิดต้องฆ่าปลาร้องไห้ใหญ่
พอหมู่กลุ่มรู้ก็ไม่อยากให้ไป เราไม่กินแต่จะต้องทำให้คนอื่นกิน ไม่ถูก และกลัวกรรมมาก
ชีวิตที่ผ่านมามีกรรมมาก พอรู้ว่า จะทำกรรมให้เพิ่มขึ้นมาอีก ก็ตัดสินใจไม่ไป
ก็กลายเป็นคน ผิดคำพูดเลยค่ะ เขาต้องเอาน้องเขา ไปแทน น้องเขาต้องทิ้งร้านเสริมสวย
เพราะเขาวิ่งเรื่องหมดแล้ว และตอนนี้รู้สึกสบายใจมาก สะสางเรื่องลงแล้วค่ะ......"
บทสรุปเรื่องนี้ ชะตาชีวิตนั้นปล่อยให้บุญบันดาล-บุญพา-บุญนำ-บุญลิขิต น่าจะดีที่สุด
จุ๊ย์ๆๆ
แก้ปัญหาด้วยการอธิษฐาน !
"นิตยสารดอกหญ้าและสารอโศกที่เคยได้รับ ผมยังเก็บไว้อ่านเสมอทั้งเก่าและใหม่
พยายามจะแจก ให้กับเพื่อนบ้าน แต่ไม่มีใครสนใจ เพราะสัจจธรรมแนวอโศก สวนทางกับคติธรรมเก่าๆ
ที่เขาเคยยึดถือ ปฏิบัติกันมา ผมไม่สามารถพูดโน้มน้าว ให้เขามีความเห็นเป็นสัมมาทิฏฐิ
ถูกต้องตามหลักสัจจธรรม ของพุทธแท้ๆได้ ผมจึงถือคติที่ว่า เคร่งครัดที่ตนผ่อนปรนคนอื่น
ผมมีศรัทธามีความเคารพพ่อท่าน ตลอดจนสมณะและสิกขมาตุญาติธรรม ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบทุกท่านอย่างสูงสุด
โดยปราศจาก ความลังเลใจใดๆทั้งสิ้น ผมจะขอน้อมนำเอาธรรมะแนวอโศก มาประพฤติปฏิบัติตลอดไป
ทั้งๆที่ สิ่งแวดล้อมและสังขารร่างกาย จะมิอำนวยให้อยู่บ้างก็ตาม
ปัจจุบันผมมีอายุครบ ๗๕ ปีพอดี ผมป่วยเป็นโรคอัมพฤกษ์มาประมาณ ๑๐ กว่าปีแล้ว
มีอาการ มือเท้าชา ปวดเมื่อยร่างกายซีกข้างขวาตั้งแต่ตีนผมจรดปลายเท้ามาโดยตลอด
พยายามรักษามา แทบทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการฉีดยา กินยาต้ม ยาดอง ยาทา และบีบนวดแบบแผนโบราณ
อาการจะมีหนักบ้าง ทุเลาลงบ้าง แต่ไม่หายขาด สภาพร่างกายและจิตใจยังแข็งแรงดีมาก
คงจะเป็น อานิสงส์ จากการกินอาหารมังฯ และปฏิบัติธรรม มิเช่นนั้นผมคงจะเป็นเหมือนญาติทางแม่ผม
ที่ป่วยเป็นโรคอัมพาต ตายไปแล้วหลายคน แม่ผมป่วยช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย
๓ ปี ตายเมื่ออายุ ๘๙ ปี พี่สาวป่วย ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ตายเมื่ออายุได้
๘๐ ปี......"
ญาติธรรมเหลือ แก้วจู (อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก) เล่าชีวิตตัวเองพอสังเขป ถึงจะเจ็บป่วย
ก็ยังไม่ทิ้งธรรม
จิ้งจกอยากจะเสริมว่า หากเรามีชีวิตที่ทำดีเป็นทานเสียสละมาตลอด ลองเพิ่มการ
"อธิษฐาน" สักนิด
การอธิษฐานขอให้ร่างกายเราหายป่วยหายไข้ ไม่ใช่การขออำนาจใคร แต่ขอให้พลัง
ความดี ของเรา ทั้งหมด แทนที่จะกระจายรักษาทั่วไป ให้มารักษา "เฉพาะที่"
เท่านั้น
ใครเห็นอย่างไร โปรดเสนอความคิดมาเล่าสู่กันฟัง จุ๊ย์ๆๆ
เทพธิดาปุ๋ย
เป็นที่ฮือฮาเมื่อทราบว่า ญาติธรรมขวัญดิน สิงห์คำ ผลิตปุ๋ยทำเองได้วันละ
๔๐ ตัน
อะไรจะขนาดนั้น ?
ตำแหน่งนี้น่าจะให้ชื่อว่า "เทพธิดาปุ๋ย" แล้วใครจะเป็น "เทพบุตรปุ๋ย"
?
จิ้งจกดีใจแทน พระแม่ธรณี จุ๊ย์ๆๆๆ
การทำงานคือการปฏิบัติธรรม
ชุมชนดอยรายปลายฟ้า ประชุมกันครั้งที่ ๘ เมื่อวันที่ ๒๖ ก.ย. ๒๕๔๗ พอมีเรื่องที่น่าจะเป็นตัวอย่างแก่กันและกัน
ภายใต้ "กรรมเป็นอันทำ"
๑.๒ แผนงานอบรม'๔๘
ผู้ประสานงานศูนย์ฝึกอบรม (คุณต้นเสียงธรรม) ได้ทำแผนคำของบไปยังหน่วยงานให้ทุน
มีโครงการ-กิจกรรมปี'๔๘ ดังนี้
๑) โครงการพัฒนาบุคลากรศูนย์ฝึกอบรม (ฮ่วมหมู่สู่ตางธรรม) (๑๒ ครั้ง/ปี)
๒) การพัฒนาด้านกายภาพ-ทักษะ-๓ อาชีพ ทำสื่อ งานบริหาร (๖ ครั้ง/ปี)
๓) สุขภาพ ๗ อ. (๓ ครั้ง/ปี)
๔) การประชุม สัมมนาระหว่างเครือข่ายระดับประเทศ (๒ ครั้ง/ปี)
๕) งานส่งเสริมการเลื่อนฐานะการปฏิบัติธรรม (ค่าจ้างเหมารถ) (๓ ครั้ง/ปี)
๖) การทำแปลงสาธิต ปรับปรุงโรงปุ๋ย สร้างโรงแยกขยะ
๗) การอบรมกสิกร และลูกหลานเยาวชนของกสิกร
๘) โครงการติดตาม สนับสนุนออกเยี่ยมให้กำลังใจกสิกร (๑๒ ครั้ง)
๙) งานสัมมนาเผยแพร่กสิกรรมไร้สารพิษ (มหกรรมกู้ดินฟ้า) ๑ ครั้ง
๑๐) ทำสื่อหนังสือ-วิดีทัศน์-เสื้อตรา คกร. เป็นต้น
๑.๓) คุณต้นเสียงธรรมได้ไปอบรมปุ๋ยชีวภาพที่พุทธสถานศีรษะอโศก และจะนำความรู้มาทำ
และถ่ายทอดแก่ญาติธรรมและชุมชนต่อไป
๑.๔) การขายข้าวกล้องไร้สารพิษให้โรงพยาบาล ชุมชนเห็นว่า ไม่มีกำลังพอ จะหาข้าวกล้องไร้สารทัน
จึงระงับไว้ก่อน
วาระที่ ๖ เรื่องอื่นๆ
๑) คุณธรรมทำ เสนอให้ชุมชนทำวิทยุชุมชน เพื่อสร้างพลังชุมชนใกล้เคียง ที่ประชุมเห็นว่า
ยังไม่พร้อมทำ....."
ไฟเผาขยะ ตบะเผากิเลส
- อดอาหาร ๒ ครั้งต่อเดือน (แสนไท)
- ศีล ๘ วันพระ สวดมนต์ก่อนนอน (ภมร)
- ๑ มื้อบริสุทธิ์ ไม่มีอาหารเสริม สวดมนต์เสียงดังฟังชัด (คมธรรม)
- กินอาหารรสจืดในวันพระ (เติมบุญ)
- รับฟังมากขึ้น (ร้อยลายศีล)
- มังสวิรัติ ลดไข่-นม (สนั่น)
- ไม่จุบจิบ (ปานบุญ)
- มาวัดให้มากขึ้น (รุ่งชีวา)
- กินวันละ ๒ มื้อ (ฟ้าสาธุ)
หมายเหตุ ตบะที่ญาติธรรมตั้งไว้แม้จะนานหลายเดือนก็จะนำมาลงเพื่อเป็นกำลังใจแก่กันและกัน
- จิ้งจกส์.-
คติประจำเดือนนี้
คนทางโลก เอาเงินข่มอัตตา
คนทางธรรม เอาอัตตาข่มเงิน
(โอวาทพ่อท่าน)
- สารอโศก
อันดับที่ ๒๗๙ มกราคม ๒๕๔๘ -
|