แถลง
อันตราย ที่น่ากลัวของการอยู่ในโลกส่วนตั๊วส่วนตัว(ภพ)

ในงานพุทธาฯ ที่ผ่านมาทำให้พวกเราบางคน ที่มีอดีตเคยหมกมุ่นอยู่ในภพของตน เกิดความสะดุ้งกลัว ถึงอันตรายของภพทั้งหลายเป็นอันมาก เพราะพ่อท่านได้อธิบายให้ฟังว่า เมื่อใดที่เราได้หมดลมหายใจ เมื่อนั้นจิตวิญญาณของเราก็มีสภาพเหมือนกับ คนที่นอนหลับ แล้วฝันว่าผีอำ ต้องละเมอเพ้อพกทุรนทุรายอยู่ในภพของจิต ยิ่งตายแล้วยิ่งไม่มีใครมาช่วยเขย่าร่าง ให้จิตตื่นออกมาจากภวังค์นั้นได้

นั่นก็คือเราจะต้องฝันร้ายไปตามแรงยึดถือของโลภ โกรธ หลง ไปอีกยาวนาน จนกว่าจะหมด วิบากกรรม กันทีเดียว ซึ่งจะเป็นภพนรกหรือภพสวรรค์ ก็ขึ้นอยู่กับทุกๆขณะปัจจุบัน ที่เรากำลังสั่งสมอารมณ์ร้ายหรืออารมณ์ดีให้กับตัวเราเอง

สิ่งที่น่าต้องถามตัวเองก็คือ ทุกวันนี้เรากำลังเข้าภพ หรือออกจากภพ หรือกำลังหมกมุ่นอยู่ในภพ อย่างเมามัน ในสภาพเช่นนั้นเราเองก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่ตายแล้วจากโลกนี้ โดยมีจิตวิญญาณ ไปจมเกาะอยู่กับ วัตถุข้าวของเงินทอง หรือญาติพี่น้องอย่างหมกมุ่นมัวเมา

พ่อท่านตั้งคำถามกับพวกเราว่า ถ้าเจอ บ่อเพชร กับ บ่ออาริยะ พวกเราจะตัดสินใจโดดลง ในบ่อไหนก่อน ดูเหมือนพวกเราจะตอบถูกกันทุกคน เพียงแต่ว่าเวลาเอาจริงๆ เราจะวิ่งไปทางไหน เราห่วงข้าวของเงินทองจะบกพร่อง หรือว่าห่วงชีวิตของเราจะหมดไปสิ้นไป โดยไม่ทันกับมรณภัย หรือสึนามิภัย ที่ทำให้ชีวิตต้องมีอันพลัดพราก จากของรักของชอบใจทั้งหมดทั้งสิ้น และหลังจากนั้น ต่างคนต่างก็ต้องนอนฝันร้ายในภพของตนไปอีกยาวนาน

พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่า "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย....อุจจาระ ปัสสาวะ น้ำลาย น้ำหนอง เลือด แม้มีประมาณน้อยก็มีกลิ่นเหม็นฉันใด แม้ภพทั้งหลายแม้มีประมาณน้อย ชั่วลัดนิ้วมือเดียว ก็มีกลิ่นเหม็น น่ารังเกียจฉันนั้น"

ภพทั้งหลายนั้นจึงเหมือนอุจจาระที่มีความเน่าเหม็นน่ารังเกียจ มีชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส เป็นที่สุด การอยู่ในโลกส่วนตั๊วส่วนตัว จึงไม่ต่างอะไรกับการอยู่ในบ่อส้วม ที่มักจะมี การหมกเม็ดซึ่งอนุสัยอาสวะทั้งหลาย อย่างไม่มีใครเข้าไปช่วยได้ ต่อให้เก่งจริงๆ ก็เป็นได้แค่เทวนิยม ที่หลงใหญ่คับฟ้า เป็นวิญญาณปรมาตมันที่อยู่ร่วมกับใครๆในโลกนี้ไม่ได้ ในโลกนี้จึงกำหนด ให้มีพระเจ้าเพียงองค์เดียว จะมีร่วมกันสององค์ไม่ได้

การมุ่งสลายตัวตน (อัตตา ๓) และสลายภพโดยออกมาพบกัน มารวมพลังของมิตรดีสหายดี สังคมสิ่งแวดล้อมดี นอกจากจะเป็นทั้งหมดทั้งสิ้น ของความบริสุทธิ์บริบูรณ์ในศาสนาแล้ว ก็ยังจะเป็น การเฉลิมฉลอง ๗๒ ปี ด้วยการพลีชีพของสักกายะกิเลส ได้อย่างวิเศษสุด เพื่อให้ได้หลุดพ้น จากโลก ส่วนตั๊วส่วนตัว ที่ไม่ต่างอะไรจากบ่ออุจจาระเลย
- คณะผู้จัดทำ -

- สารอโศก อันดับที่ ๒๘๐ เดือน กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ -