(๑๐๗)

ดีดวงบุญ "ยอม"

เมื่อวันที่ ๒๙ ม.ค. ๒๕๔๘ ผมได้ขับรถไปส่งสมณะที่ชุมชนดอยรายปลายฟ้า จากเชียงใหม่ มุ่งสู่เชียงราย ใช้เวลาขับรถ ๕ ช.ม. เมื่อมาถึงชุมชนดอยรายปลายฟ้าผมก็พัก

๑ ก.พ. ๒๕๔๘ ขณะนั้นเวลาสองทุ่มกว่าๆ ผมและเพื่อน ขี่จักรยานไปโทรศัพท์นอกชุมชน ที่ตู้โทรศัพท์นั้น มีผู้หญิงวัยรุ่นโทรอยู่ ผมจึงยืนรอ พอเธอเห็นผมรออยู่ เธอก็มีน้ำใจออกมาถามผมว่า
"จะโทรก่อนมั้ย ดิฉันโทรนานนะ"

ผมบอกว่า "ไม่เป็นไร ผมรอได้" ผมก็นั่งรอประมาณ ๒๕-๓๐ นาที

หลังจากนั้น หญิงสาวคนนั้น โทรเสร็จแล้ว ผมก็ได้โทร โทรได้ประมาณ ๑ นาที ก็มี วัยรุ่นผู้ชาย กับผู้หญิง ๒ คน ขี่มอเตอร์ไซค์มาที่ตู้โทรศัพท์แห่งนี้

พอมาถึงเขาก็รอประมาณ ๑ นาที แล้วก็ขี่ มอเตอร์ไซค์จากไป อีกสักพักชายคนนั้นก็ขี่มอเตอร์ไซค์ กลับมาใหม่ แต่คราวนี้เขามากับวัยรุ่นผู้ชายอีกคนหนึ่ง แถมถือเอามีดดาบ ยาวประมาณแขน มาสองเล่ม พอจอดมอเตอร์ไซค์เสร็จ เขาก็ตรงมาหาเพื่อนผม ที่นั่งคร่อมจักรยาน ซึ่งมือทั้งสอง จับที่แฮนด์จักรยานอยู่

ทันใดนั้นเขาก็ใช้มือตบเข้าที่หูของเพื่อนผม เพื่อนผมตกใจ ปล่อยจักรยานทิ้งทันที แล้ววิ่งหนี หายไป กับความมืดอย่างรวดเร็ว

ขณะนั้นผมกำลังโทรศัพท์อยู่ เมื่อเห็นเหตุการณ์อย่างนี้ ก็รีบออกมาจากตู้โทรศัพท์ แล้วผมก็ถูกวัยรุ่น สองคนนั้น เตะเข้าที่คอ โดนตบกระหน่ำทั้งมือและเท้าใส่ ผมไม่โกรธ ทั้งไม่ได้คิดต่อสู้ ผมล้มลง กองที่พื้น

เวลานั้นผมตกใจ จนลืมเจ็บไปเลย เสียงเขาสั่งผมว่า "มึงกราบตีนกูซะ" "มึงจูบตีนกูด้วย"

ผมไม่อยากมีเรื่อง จึงยอมทำตามที่เขาสั่ง พอดีขณะนั้น มีคุณตาคนหนึ่งเดินมา ในมือของคุณตา ถือไข่มา ๒ ฟอง คุณตาร้องขึ้นว่า "พวกมึงไปทำเขาทำไม" ผมได้โอกาส จึงรีบวิ่งมาที่จักรยาน แล้วขี่จักรยานหนีอย่างสุดชีวิต

กลับมาถึงชุมชนดอยรายปลายฟ้า เล่าเรื่องราวให้ผู้ใหญ่ในชุมชนทราบ พวกผู้ใหญ่รีบเอารถ ขับออกไป ตามหาเพื่อนผมที่วิ่งหนีหายไป แต่ก็หาไม่พบ ไปเจอแต่คุณตาที่ช่วยขัดจังหวะไว้ ผมจึงเข้าไปกราบ ขอบคุณคุณตา ที่ช่วยให้ชีวิตผมรอดมาได้ จากนั้นก็กลับมาที่ชุมชน พอมาถึงก็พบว่า เพื่อนของผม กลับมาที่ดอยรายปลายฟ้าแล้วด้วยความ-ปลอดภัย ผมจึงรู้สึกดีใจมาก ที่เพื่อนไม่เป็นอะไร

สิ่งที่ผมได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้ คือ ผมได้มาติดตามอาจารย์หนึ่ง (สมณะบินบน ถิรจิตโต) อาจารย์หนึ่ง ฝึกสอนให้ผมเป็นผู้ยอมได้ และงานนี้ผมก็ประทับใจ ที่ยอมได้จริง โดยไม่รู้สึกโกรธเขาเลย

มีผู้แนะนำให้ผมไปแจ้งความกับตำรวจ แต่ผมเห็นว่า เราควรให้อภัยเขาดีกว่า ดีกว่าไปตามเอาเรื่อง เอาราวเขา เราควรอหิงสา - อโหสิ ไม่ดำริขุ่นเคืองเขา

- เด็กวัด -

- สารอโศก อันดับที่ ๒๘๐ เดือน กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ -