- ป.ปรีดา - email: [email protected]

รู้นะว่าหยิบไป

ที่บ้าน ร้านทำการค้าอัญมณี หินบำบัดหรือหินมงคลและพลอย(เครื่องประดับกาย) เปิดบริการวันจันทร์ ถึงวันศุกร์ มีลูกค้าประจำ ทุกระดับ และลูกค้าขาจร แวะเวียนมาซื้อหา ชิ้นงานอันวิจิตร ประณีต ไว้เป็นเจ้าของ เพื่อสวมประดับออกงานต่างๆ มีทั้งบุรุษ และสตรี ที่มาอุดหนุนกัน เต็มร้านทุกวัน ทั้งรับสั่งทำ ในราคาที่ ลูกค้าพอใจ เพราะบริการ อย่างเป็นกันเอง ในราคายุติธรรม

วันนี้เช่นทุกวันที่มีลูกค้ามากมายมาอุดหนุน เพราะใกล้วันปีใหม่ไทย(สงกรานต์) ปกติลูกค้าก็มากอยู่แล้ว ในเทศกาลยิ่งมาก เพราะต่างพากัน มาหาของซื้อ ของฝาก สังเกตลูกค้า ชอบการบริการ ของน้องสาว และคุณแม่ น้องๆ ญาติๆ จะแนะนำสิ่งดีๆ ที่เหมาะสมให้ลูกค้าเสมอๆ หากต้องการแบบใด ก็จะดัดแปลง ประยุกต์แบบให้ตามประสงค์ ของลูกค้า จึงซื้อใจ ลูกค้าได้

วันนี้เองมีสตรีนางหนึ่งรูปร่างท้วมๆ ผิวขาว แต่งกายปานกลาง เดินแวะเวียนเข้ามาที่ร้าน ช่วงที่มีลูกค้า มุงเลือกซื้อสินค้า เธอผู้นี้ก็เข้ามา มุงเลือกด้วยเช่นกัน ทำเป็นหยิบๆ จับๆ สร้อยข้อมือเส้นนั้น เส้นนี้หลายเส้น ทำลักษณะนี้อยู่ นานพอสมควร ญาติๆทุกคนสังเกตเห็นความผิดปกติ ยิ่งน้องสาวเห็นกับตา พอดีดิฉัน นั่งอยู่ใกล้น้องสาว ซึ่งมีลูกค้า รายใหญ่ ฐานะดีกำลังตกลง ราคาสินค้าบางชิ้น จึงได้กระซิบกับน้องสาวว่า ไม่เป็นไร ถูกๆร้อยกว่าบาท น้องสาวจึงนิ่ง และหันไปใส่ใจบริการลูกค้า ผู้มีฐานะ และขายได้ จำนวนมาก ระหว่างที่ลูกค้าเข้างาน (ส่วนมากเป็นข้าราชการ) มีเวลาจึงบอกกับน้องว่า ลองตรวจดูซิ หญิงคนนั้น เอาเส้นไหนไป พอตรวจดู จึงทราบว่า เธอผู้นั้น ได้ขโมย สร้อยข้อมือ เส้นที่ถูกที่สุด แค่ร้อยกว่าบาทไป ถือว่าให้ทานก็แล้วกัน เราทำอะไรเสียๆหายๆ มากกว่านี้อีก โดยปกติที่บ้าน จะทำบุญให้ทาน เป็นประจำ อยู่แล้ว แม้แต่มาขายของ ได้ทุนคืนบ้างเล็กน้อย ก็จะรีบจำหน่ายออก ไม่ให้ของค้างสต๊อก อยู่นาน จึงมีเงินหมุนเวียน ใช้ตลอดมา

รู้ทั้งรู้ว่าเธอเข้ามาเพื่อขโมยแท้ๆ แต่เพื่อรักษาลูกค้ารายใหญ่ บางครั้งยังต้องทำเป็นมองไม่เห็น เพื่อไม่ให้ ลูกค้า คนอื่นตกใจ นี่เป็นการประมาณ ของคนค้า คนขาย หากสินค้า ที่ถูกขโมย ไปราคาไม่แพงนัก แบ่งกันกิน แบ่งกันใ ช้ยังได้เลย แต่ทำให้คนที่ ประกอบทุจริต เสียนิสัย ผิดกับยุคสมัยนี้ อะไรก็เป็นกฎ เป็นเกณฑ์ ไปหมด แค่ขนมของกิน ที่หยิบ จากห้าง เพียงไม่กี่ชิ้น เพื่อนำ ไปให้ลูกกิน เพราะเห็นว่า เป็นของเหลือ ยังโดนข้อหาขโมย จนเป็นข่าวปรากฏ ในหน้าหนังสือพิมพ์ มาหลายราย เสียเวลา ผู้ที่ต้อง มาเกี่ยวข้อง เพื่อประกันตัว หญิงผู้นั้น หากห้างร้านมีวิจารณญาณ พิจารณาตัดสินเอง ก็น่าจะเป็นไปได้ ดีกว่า การเป็นข่าว ที่เอากฎหมายมาจับผิด

ช่วงบ่ายเกือบบ่ายสองโมง ลูกค้าประจำสองคนเข้ามาติดต่อสั่งทำชิ้นงาน จึงนั่งสนทนาเสนอแนะ แบบของ ชิ้นงานให้ โดยน้องสาว ดิฉันและคุณแม่ รอคอยเวลา หากลูกค้า สองรายนี้ไป จะปิดร้าน เพื่อเก็บสินค้า หันไปอีกที เห็นสตรีผู้ที่ลักสร้อยข้อมือไป เมื่อช่วงเที่ยง กลับมายืนจับๆ หยิบๆ สินค้าอีกแล้ว น้องสาว จึงถามเธอว่า นี่พี่หยิบสร้อยข้อมือ... (สินค้าทุกชิ้น จะมีชื่อเรียก) ขณะที่ลูกค้าสองราย ซึ่งเป็น ลูกค้าประจำ คุ้นเคยกัน ไม่กล้าหันไปมอง ก้มหน้าเลือกสินค้า สตรีคนนั้น ทำทีตื่นตกใจ น้องๆ ญาติๆ ยืนดูอยู่ห่างๆ ขณะที่น้องสาวพูด "หากพี่อยากได้ ขอก็จะให้ หากราคาไม่สูงนัก หยิบๆไปแบบนี้มันไม่ดีเลย" เธอทำโวยวายว่า "อะไรของแค่นี้หรือจะเอา ไม่เอาหรอก เงินมีๆ จะดูมั้ย" น้องสาวนิ่ง ดิฉันรีบเดิน ไปอยู่ใกล้ๆ น้องสาว เธอล้วงเข้าไปในกระเป๋าผ้า หยิบเงินออกมาให้ดู ตั้งปึกใหญ่ พวกเราไม่ตกใจ ดูเฉย แล้วเงียบๆ หันมาใส่ใจ บริการลูกค้ารายอื่นต่อ เธอก็รีบเดิน จากไป ลูกค้าบอก "อุ๊ย! เจี๊ยบ (ชื่อน้องสาว) สมัยนี้โรคจิต เยอะนะ มีเงินก็มีเงินเถอะ มันเอาได้ มันก็เอาดะ ของฟรีๆ ไม่ต้องซื้อไง" น้องสาว ของดิฉัน บอกว่า "จริงๆ แล้ว ไม่ติดใจหรอก แต่เดี๋ยวเธอไปทำ พฤติกรรมนี้กับคนอื่น เขาเล่นงานแย่เลย ของแพงๆ ราคาสูงๆ เราเก็บไว้ ในตู้อยู่แล้ว ไม่วางแสดงให้เห็นหรอก เราเห็นใจ เข้าใจ และสงสาร แต่เราก็ต้องพูด ให้เขารู้ตัวว่า พวกเราเห็นนะ ว่าคุณหยิบของไป มันไม่ดี ไม่ควรกระทำ เป็นบาปที่ขโมย สิ่งของของผู้อื่น ที่เจ้าของ ไม่อนุญาต" หลังจากนั้น ก็ไม่เคยเห็น หญิงผู้นี้ อีกเลย

ข้อมูลจาก นง-องค์อเนก

หากท่านผู้ใดมีประสบการณ์จริงจากชีวิต สามารถส่งมายังคอลัมน์นี้ หรือส่งมาทาง e-mail ข้างต้นได้

- สารอโศก อันดับที่ ๒๘๑ มีนาคม ๒๕๔๘ -