- แม่น้ำ ลักขิตะ - เปลื้องทุกข์จากใจ การเรียนรู้ทำชีวิตพ้นทุกข์ คือ การศึกษาที่ดีที่สุดของคนเรา ศาสตร์ต่างๆมีมากมายเหลือเกินในโลกปัจจุบัน นานวันคนยิ่งคิดค้นวิชาความรู้เพิ่มมากขึ้น เรียนกัน ตั้งแต่ เด็กจนแก่ตายยังไม่หมด จากความรู้รอบตัวออกไปถึงนอกจักรวาล ไม่มีสุดสิ้น "ความรู้ท่วมหัว แต่เอาตัวไม่รอด" คำพังเพยนี้เราได้ยินกันบ่อย และการศึกษาปัจจุบันเป็นเช่นนั้นจริงๆ นักศึกษาไม่น้อยที่เรียนจบแล้วตกงาน เอาแต่แบมือขอเงินพ่อแม่ หาเลี้ยงตัวเองไม่ได้ บางคนกดดันมากถึงฆ่าตัวตาย ปัญหาชีวิตรุมเร้า ทุกข์หนัก ความรู้ที่ท่องจำมาช่วยอะไรไม่ได้ จึงเลือก ทางออกสุดท้าย จากโลกนี้ไป บ้างเรียนมาเพื่อทำชั่วทำบาป.... รู้มากเอาเปรียบคนได้มาก ฉ้อฉลสังคม คดโกงประเทศชาติ ทำนาบน หลังคน กลายเป็นจอมโจรบัณฑิต ที่ชั่วร้ายกว่าโจรสามัญหลายเท่านัก ข้าพเจ้ามิได้กล่าวว่าการศึกษาเป็นสิ่งเลวร้าย แต่ต้องการจะตั้งคำถามว่า เราศึกษาไป เพื่ออะไร? แน่นอนว่าชีวิตคนเราต้องมีการศึกษา ไม่เช่นนั้นจะไม่ต่างจากส่ำสัตว์ ไร้มารยาทสังคม เป็นคนเถื่อนถ่อย แต่หากความรู้ไม่เคียงคู่คุณธรรม มันจะกลายเป็นดาบสองคมทันที คมหนึ่ง จะทำร้ายคนในสังคม ด้วยการเอารัดเอาเปรียบอย่างชาญฉลาด กระทำผิด ชนิดที่ จับไม่ได้ ไล่ไม่ทัน อีกคมหนึ่ง เหมือนเป็นการเชือดคอตัวเอง เพราะกระทำชั่วฝังลงจิตวิญญาณ บาปกรรมนี้ ไม่มีทางลบออกได้ ติดตรึงวิญญาณไปทุกภพชาติ แม้มีชีวิตอยู่ก็ทุกข์ร้อน เหมือนตกนรก ทั้งเป็น หวาดกลัวว่าความชั่วของตน จะถูกเปิดเผยสักวัน ความรู้วิชาการ เป็นองค์ประกอบหนึ่งของชีวิตเราก็จริง แต่ไม่ใช่หลักสำคัญของคนหรอก เพราะเมื่อเราต้องเผชิญกับภาวะทุกข์ใจ....วิชาการใดๆ ก็ไร้ความหมาย สูตรคำนวณ จะมีประโยชน์อันใด และที่สำคัญ ทุกข์ทางใจเกิดง่ายเสียด้วยสิ ผิดหวังก็เป็นทุกข์ พรากจาก ของรักเป็นทุกข์ ราคะโทสะโมหะ ล้วนเป็นทุกข์ พระสมณโคดมตรัสว่า.... ทุกข์เท่านั้น เกิดขึ้น.....ตั้งอยู่....แล้วดับไป รวมความว่า ทุกข์คือแกนของชีวิตคน ทุกข์เป็นชีวิต ชีวิตเป็นทุกข์ มิอาจแยกสองสิ่งนี้ ออกจาก กันได้ เราทนทุกข์ได้จึงยังมีชีวิต ทนทุกข์ไม่ได้เราก็ตาย เหตุนี้พระพุทธเจ้าจึงทิ้งศาสตร์วิชาทั้งปวง มาศึกษาวิชาดับทุกข์เรื่องเดียว เพราะเมื่อ ดับทุกข์ได้ ไม่ต้อง เวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ความรู้ทั้งหลายเหมือนใบไม้ทั้งป่า แต่ความรู้ที่พาคนพ้นทุกข์ เพียงแค่ ใบไม้ กำมือเดียว ซึ่งก็คือพระธรรมคำสอนของพระองค์นั่นเองหากปฏิบัติตามอย่าง สัมมาทิฏฐิ ความพ้นทุกข์ เป็นหวังได้ แต่คนทุกวันนี้ กลับศึกษาไปไกลสุดกู่ ออกนอกโลกไปจักรวาลโน่นแน่ะ สุดท้ายตัวเอง ยังไม่พ้นทุกข์ ความรู้ ที่สั่งสมมาชั่วชีวิตช่วยอะไรไม่ได้ ตายเปล่าไปอีกชาติหนึ่ง และ จะวนเวียนอีกกี่ภพชาติยังไม่รู้เลย... ตราบใดที่เราไม่ศึกษาวิชาเปลื้องทุกข์จากใจ เราจะไม่ได้สัมผัสสุขอันแท้จริงในชีวิตเลย ตราบวันสิ้นลม - สารอโศก อันดับ ๒๘๓ พฤษภาคม ๒๕๔๘ - |