พระมหากาลเถระ

พิจารณาซากศพ
รู้จบรู้จริงรู้แจ้ง
เกลือกกลั้วกิเลสทุกข์แรง
เปลี่ยนแปลงได้เป็นอรหันต์

ในสมัยพุทธกาล ก่อนที่พระมหากาลเถระจะออกบวช ได้กำเนิดอยู่ในตระกูลของพ่อค้า แห่ง เสตัพยนคร มีชื่อว่า มหากาล ครั้นศึกษาเล่าเรียนจนเจริญวัยเป็นหนุ่ม บิดามารดา ก็ให้ครองเรือน มีอาชีพเป็นพ่อค้า ตามอย่างบิดาของตน

มีอยู่คราวหนึ่ง เขาได้บรรทุกสินค้าด้วยเกวียน ๕๐๐ เล่ม เดินทางไปค้าขายยังนครสาวัตถี ในแคว้นโกศล ถึงที่แล้วก็พักกองเกวียนไว้ ณ ที่แห่งหนึ่ง ยามเย็นขณะนั่งพักสนทนา อยู่กับ เหล่าบริวารของตน ก็ได้เห็น อุบาสก อุบาสิกา(ชายหญิงที่ยึดถือพระพุทธ - พระธรรม - พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง) ถือเอาของหอมและดอกไม้ มุ่งไปสู่ พระเชตวันมหาวิหาร เขาบังเกิด ความรู้สึก สนใจ จึงติดตามไปสู่วิหารบ้าง

นับเป็นวาสนาบารมีทำให้เขาได้ฟังธรรมในสำนักของพระสมณโคดมพุทธเจ้า บังเกิดจิต ศรัทธา อย่างมาก ได้ขอบวชอยู่ในพุทธศาสนา

บวชแล้ว ภิกษุมหากาลก็พากเพียรฝึกฝนตนอย่างจริงจัง ถือศีลเคร่ง เผาผลาญกิเลสด้วย โสสานิกังคธุดงค์ (ถือปฏิบัติด้วยการอยู่ป่าช้า) ไปพักอาศัย อยู่ที่ป่าช้าแห่งหนึ่ง

วันหนึ่ง ณ ป่าช้านั้น หญิงสัปเหร่อ(คนเผาศพ)ชื่อ กาฬี ซึ่งมีร่างกายใหญ่โตกำยำ ล่ำสัน ผิวดำเข้ม ดั่งขนกา นางเห็น ภิกษุมหากาลประกอบความเพียรที่

ป่าช้าจึงปรารถนาให้ภิกษุได้ปลงอสุภกรรมฐาน(วิธีลดกิเลสด้วยการพิจารณา ร่างกาย เห็นเป็นของ น่าเกลียด) จึงนำศพที่จะต้องเผา เอามาที่เบื้องหน้าของภิกษุมหากาล แล้วหัก ขาซ้ายของศพ ด้วยเข่า ของตน จากนั้นก็มาหักขาขวา หักแขนซ้าย หักแขนขวา สุดท้าย ก็ใช้ท่อนไม้ ทุบศีรษะของศพ ทำราวกับ ทุบหม้อใส่นมเปรี้ยว ฉะนั้น มันสมองก็ไหล ออกมา เสร็จแล้ว ก็จัดวางอวัยวะต่างๆ ให้เป็นรูปร่าง ตามตำแหน่งเดิม ของศพ ก่อนที่จะนำไปเผา

ภิกษุมหากาลนั่งพิจารณาอยู่ เห็นซากศพเบื้องหน้า ดั่งกองเนื้อที่จัดวางไว้ในตลาด เนื้อสด จึงเกิดปัญญา รู้แจ้งสอนตนว่า

"ผู้ใดไม่รู้แจ้ง เป็นคนเขลาก่อให้เกิดกิเลส ผู้นั้นย่อมเข้าถึงทุกข์ร่ำไป ตกอยู่ในอบาย (ความฉิบหาย) มีนรก (ความเดือดเนื้อร้อนใจ) วนไปเวียนมา ไม่ล่วงพ้นสงสาร (การเวียนตาย เวียนเกิด) ไปได้

เพราะฉะนั้น บุคคลใดรู้แจ้งว่า อุปธิ(สภาวะเกลือกกลั้วกิเลส) เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ พึงกระทำใจ ให้แยบคาย ไม่ควรก่อกิเลสให้เกิดขึ้น เราอย่าได้ถูกเขาทุบศีรษะ นอนอยู่อย่างนี้ อย่าเป็นคน รกป่าช้า ด้วยการเกลือกกลั้ว กิเลสบ่อยๆเลย"

เมื่อเพ่งเพียรสอนตนอยู่อย่างนี้ แล้วขวนขวายวิปัสสนา(ฝึกอบรมปัญญาให้เกิดความรู้แจ้งเห็นจริง) ในไม่ช้า ก็ได้บรรลุธรรม พระมหากาลเถระได้เป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งในโลก

- ณวมพุทธ -
เสาร์ ๙ ก.ค. ๒๕๔๘
(พระไตรปิฎกเล่ม ๒๖ ข้อ ๒๗๓
อรรถกถาแปลเล่ม ๕๑ หน้า ๗๐)

-สารอโศก อันดับที่ ๒๘๔ มิถุนายน ๒๕๔๘ -