- ป.ปรีดา -email: [email protected]

"ไม่อยากเชื่อแล้ว"

ทุกวันนี้การจะช่วยเหลือใครสักคน ช่างเป็นเรื่องยากเสียนี่กระไร เมื่อการช่วยเหลือนั้น กลับได้รับ ผลตอบแทน เช่น ชาวนากับงูเห่า ไม่ว่าจะเป็นคนวัด คนใกล้วัด หรือคนนอกวัด ก็ตามคดีดัง อย่างพระกู้ ก็มีให้เห็น ช่างเป็นเรื่องราวสลับซับซ้อน ซึ่งเรื่องราวอยู่ในระหว่าง พิจารณาคดี

ในมูลนิธิแห่งหนึ่ง คนอาศัยอยู่กับมูลนิธิแท้ๆ ช่วยงานสารพัด(แต่ไม่ใช่ด้านการเงิน) วันหนึ่ง มีโอกาส รับเงินบริจาค จากสาธุชนผู้มีจิตศรัทธา และให้ความไว้วางใจบุคลากรของมูลนิธิ บริจาคเงิน จำนวน ๒,๐๐๐ บาท แต่เธอนำเงิน ไปให้เจ้าหน้าที่การเงินของมูลนิธิ เพียง ๒๐๐ บาท เจ้าหน้าที่ออกใบเสร็จ ๒๐๐ บาท เธอผู้นั้นนำใบเสร็จ มาเติมศูนย์ และแก้ตัวอักษร โชคดี ที่ผู้บริจาคคุ้นเคยกับเจ้าหน้าที่การเงิน และมีการโทรศัพท์คุยกัน ทำให้สามารถ จับการโกงเงิน ของบุคคลผู้นั้นได้

แม้อาที่เลี้ยงหลานแท้ๆ ของตัวเองก็สามารถปลอมแก้ตัวเลขในเช็คอย่างแนบเนียนจาก จำนวน ๓,๐๐๐ บาท เป็นเงินถึง ๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท สร้างความเดือดร้อน ให้คุณอา เป็นอย่างมาก

ลูกจ้างลูกชิ้นปลาชื่อดัง วันร้ายคืนร้ายก็กลับมาฆ่านายจ้างของตนเอง เรื่องเช่นนี้เกิดบ่อยขึ้น จนทำให้คน ที่ทราบเรื่องราว ต่างผวา ไม่กล้าช่วยใครอีกแล้ว ขนาดทำงานอยู่ร้านตกแต่ง ทรงผม สตรี ลูกน้องในร้าน ยังกระทำทุจริต พอลูกค้าเผลอก็ขโมยเงินในกระเป๋า เมื่อลูกค้า ทราบว่า เงินสูญหาย ก็ไปเอาเรื่องกับ เจ้าของร้าน ซึ่งไม่รู้เรื่อง รู้ราวมาก่อน ทำให้มีเรื่องราว ขึ้นอีกมากมาย กว่าจะหาผู้ร้ายตัวจริงได้

ร้านค้าในกรุงเทพฯ ก็เช่นกัน มักจะมีคนแวะเวียนไปขอเงินค่ารถกลับบ้านบ้าง ลูกไม้ที่ว่า มาจากต่างจังหวัด ตกรถ ไม่มีเงินจะกลับ ยังคงใช้ได้ดี คนกรุงก็เท่าทัน ไม่ให้เงินคนเหล่านั้น อีกแล้ว เพราะหากให้ไป ก็เท่ากับ ส่งเสริม ให้เขาประกอบ ทุจริตต้มตุ๋นผู้คนไปเรื่อยๆ เรื่องแบบนี้ ผู้เขียนก็เจอมาแล้วเหมือนกัน

เมื่อ ๑๐ กว่าปีก่อน นักศึกษาคนหนึ่งมาหาผู้เขียนบอกว่า ถูกล้วงกระเป๋า ไม่มีเงินกลับบ้าน ต่างจังหวัด เธอบอก ขอยืมเงิน ๔๐๐ บาท หากกลับถึงบ้านแล้ว จะส่งเงินคืนมา ทาง ไปรษณีย์ ผู้ที่ช่วยออกเงิน จำนวนนั้น จดชื่อที่อยู่ของ นักศึกษาสาวไว้ ผ่านมา เป็นแรมเดือน ก็ไม่ได้คืน เมื่อมีโอกาส แวะเวียน ไปจังหวัดนั้น จึงไปหา ตามที่อยู่ที่เธอจดให้ ปรากฏชัดว่า ไม่มีที่อยู่ตามที่เธอให้ไว้ นี่มาหลอกกันถึงในบ้าน เรื่องเช่นนี้หากเกิดขึ้นอีก ผู้เขียน คงไม่กล้า ที่จะให้ใครช่วยเหลือ เรื่องในทำนองนี้อีกแล้ว หากตกรถ ไม่มีเงินกลับบ้าน ก็ได้แต่แนะว่า ให้ไปขอกระเป๋ารถดีๆ ขออาศัย รถกลับก็เท่านั้น บางรายอยู่กรุงเทพแท้ๆ ไม่มีเงินแม้แต่ค่ารถเมล์จะกลับบ้าน หากนั่งรถ หลายต่อ ก็ให้เดิน ออกกำลังกาย ไปยังรถเมล์ อีกสาย ขอกระเป๋าขึ้นฟรีๆ บอกถึงความจำเป็นว่า วันนี้มีเงินไม่พอ หากรถเมล์คันใด ไม่ให้ขึ้น ก็ขอขึ้นรถเมล์ คันที่กระเป๋า ใจดี ให้คำแนะนำดีกว่า ต้องเสีย เงินฟรีๆ กับทุจริตชน ที่มากัน หลายรูปแบบ เข็ดจริงๆ ที่ให้เงินไปแล้ว กลับส่งเสริมให้คนประกอบ ทุจริต เป็นภัยหลอกลวง อยู่ในสังคมเช่นนี้

จึงขอเตือนภัยให้ทุกท่านได้พิจารณาให้ดีก่อนจะช่วยเหลือใคร โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ หากสามารถ ให้คำแนะนำ ที่ช่วยแก้ปัญหาได้ย่อมดีกว่าการให้ทรัพย์สิน

หากท่านผู้ใดมีประสบการณ์จริงจากชีวิตสามารถส่งมายังคอลัมน์นี้ หรือส่งมายัง e-mail ข้างต้นได้

- สารอโศก อันดับที่ ๒๘๕ กรกฎาคม ๒๕๔๘ -