ก่อนจะไม่มีแม่ให้กราบ ความรักของแม่เริ่มต้นที่ใด และดำเนินไปอย่างไร ถึงได้มากมายและยิ่งใหญ่เพียงนี้ เป็นความพิสุทธิ์พิเศษ ที่ใคร ก็ไม่มีทาง ให้เราได้ เพราะความรักของแม่ ไม่มีวางขายตามแผงเท็ป และแม่คนดีคนเดียวของเรา ก็หาซื้อไม่ได้ ตามท้องตลาด และร้านขายยาทั่วไป ฉันเรียนจบม.๓ จากโรงเรียนข้างนอก ฉันดิ้นรนหาที่เรียนต่อม.๔ ทั้งที่ฐานะทางบ้านยากจน พี่สาว แนะนำ ให้มาเรียนกับ หลานของสามีเขา ที่นครราชสีมา ฉันอยากเรียนมาก มากซะจนลืมคิดถึงแม่ ซึ่งขณะนั้น เป็นโรค อัมพฤกษ์ เบาหวาน หัวใจ และ โรคแทรกซ้อนอีกหลายโรค แม่ทั้งขอร้องและห้ามไม่ให้ฉันมา จนมีปากเสียง กับพี่สาว แม่เสียใจมาก วันเดินทาง ฉันหิ้วกระเป๋าเข้าไปกราบลาแม่ ท่านไม่ได้ให้พร แต่ตัดพ้อต่อว่าและร้องไห้ ที่ฉันดื้อรั้นยิ่งนัก ไม่ยอม เชื่อฟังท่าน ฉันคิดว่าฉันต้องไป เพื่ออนาคตของตัวเอง และไปให้พ้นๆจากสภาพความจนอย่างนี้เสียที แต่ส่วนลึก คือ "ฉันคิดถึงแม่ เหลือเกิน" ฉันมองเหลียวหลัง แม่มองตามฉันจนลับตาและยังคงร้องไห้ น้ำตาไหลริน ฉันต้องเริ่มเรียน ม.๑ ใหม่ ผิดหวังมาก แต่ก็สู้อยู่ต่อ จนถึงฤดูทำนา ฉันไปรับแม่มาดูแล เราพักอยู่ที่บ้าน ญาติธรรมปากช่อง แม่ได้รับ การช่วยเหลือน้ำใจจากชาวชุมชนมาก ได้ฟังธรรมจากท่านสมณะ จนความรู้สึก กลัวตาย หายไป แม่พยายามทำใจ ให้สบาย อาการของท่านดีขึ้นเรื่อยๆ แม่ชอบนักเรียนสัมมาสิกขา ชอบอ่านหนังสือ ร้องเพลง แต่งเพลง แม่เคยแต่งเพลง ให้ฉันร้อง ในงานวันแม่ แต่ฉันไม่อยากร้อง เพราะมันเชย โบราณมาก แม่เสียใจที่อุตส่าห์ตั้งใจแต่ง แต่ลูกกลับไม่เห็นคุณค่า ปิดเทอมพี่ชายมารับฉันและแม่กลับบ้าน แม่จะไม่กลับมาวัดแล้ว และขอร้องให้ฉันลาออกไปดูแลท่าน เพราะแม่ รู้ตัวท่านดีว่า เหลือเวลาอีกไม่นาน ฉันเคยปากเสียพูดกับแม่ว่า "ตราบใดที่แม่ยังมีแรงบ่นว่าหนู แม่ก็ไม่ตายง่ายๆหรอก" ตอนนั้นธรรมะ ของท่านใด ก็ยังไม่ซึมลึกในใจฉันสักเท่าไร ไม่อย่างนั้น คำพูด อัปมงคล อย่างนั้น คงไม่หลุดจากปากฉันแน่นอน และเหมือนเดิม ฉันก็จากแม่มา แม่ร้องไห้ คราวนี้ ท่านไม่พูด อะไรมาก คงเจ็บปวดจากคำพูดของฉันนั่นเอง แต่ฉันก็ใจหวิวๆอย่างไรบอกไม่ถูก ไม่นานเลยจริงๆ ! วันนั้นที่ฉันไม่อยากให้มีก็มาถึง ฉันได้รับโทรศัพท์จากท่านสมณะว่า ทางบ้านโทรมาบอก "แม่ของเธอ เสียชีวิตแล้ว" หัวใจฉันสั่น น้ำตาฉันไหล ภาพต่างๆถูกซัดเข้ามาในสมองอย่างรวดเร็ว คืนนั้น เกิดอะไรขึ้นบ้าง ฉันไม่รู้เรื่องเลย มันหวิวๆ แต่รู้ว่าใจหวิวที่เกิดขึ้น มันคือสัญญาณนั่นเอง และมันกลับมา ตอกย้ำอีกครั้งว่า ความจริงได้เกิดขึ้นแล้ว ความจริง ที่เธอต้องยอมรับและต่อสู้ ศพของแม่นิ่งสงบ เหมือนคนนอนหลับ เป็นการย้ายบ้านใหม่ จากบุญที่แม่เคยทำ ฉันคิดและภาวนาว่า ในชาติภพใหม่ แม่คง มีร่างกายที่แข็งแรง เสร็จจากงานศพ พี่ชายเล่าให้ฉันฟังว่า หลังจากที่ฉันกลับวัด อาการของแม่ทรุดหนักลงเรื่อยๆ บ่นถึงฉันทุกวัน ทั้งคิดถึง ทั้งเป็นห่วง คงมีทุกความรู้สึกอยู่ในหัวใจแม่ จนวาระสุดท้าย แม่ก็ยังเรียกหาฉัน อยากให้ฉัน ไปอยู่ใกล้ๆ ลูกคนเล็ก ที่แม่ห่วง มากที่สุด ถึงแม้ฉันจะทำให้ท่านเสียใจอย่างไร ถึงที่สุด ฉันก็ยังเป็นที่รัก ของแม่ ท่านฝากฝังฉันกับพี่ๆ ให้ช่วยกันดูแล "เป็นพี่ อย่าทิ้งน้อง" ฉันยังไม่รู้หรอกว่า ฉันได้ช่วยหรือตอบแทนบุญคุณท่านแล้วหรือยัง รู้แต่ว่าน่าจะออกมาอยู่กับแม่ซะ อย่างน้อย ท่านก็จะได้ สบายใจ หารู้ไม่ว่า การที่ฉันพาแม่มารู้จักสัจธรรมชีวิต มาสัมผัสสังคมสิ่งแวดล้อม และสัตบุรุษ ก็เป็น การทดแทน พระคุณ เหมือนกัน ตอนนั้นมันมีแต่เสียใจ หดหู่ กับการจากไปของแม่ ครั้งนี้ฉันได้เข้าใจอะไรมากมาย ถึงเวลาที่ฉันต้องเข้มแข็ง ถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้ ฉันจะทำความเข้าใจ กับแม่ พูดกับท่าน ดีๆ ขอให้ท่านมาอยู่วัดกับฉันบ้าง แม้เล็กน้อย จะไม่ทำให้แม่เสียใจ ไม่เถียง ไม่บ่น ในงาน วันแม่ ฉันก็จะไม่อายที่มีแม่แก่ๆ ไม่เป็นสาวสวย เหมือนแม่คนอื่น ฉันจะให้แม่หัดร้องเพลงที่แม่แต่งให้ น่าเสียดาย เหลือเกิน ที่มันเป็นไปไม่ได้เลย บางครั้ง ฉันรู้สึก เจ็บปวดกับการกระทำของตัวเอง ความรัก เป็นสิ่งที่ทุกคนเรียนรู้ได้ แต่อย่ารอให้สายเกินไปที่จะเข้าใจ ไม่ยากนักที่ปรับเข้าหากัน ถึงแม้ แม่กับลูกจะต่างวัยกัน เพียงใด ก็สอดร้อยกันได้เสมอ ด้วยสายสัมพันธ์ไม่มีวันขาด ก่อนไม่มีแม่ให้กราบ ขอให้ทำ อะไรสักอย่าง เป็นของขวัญ มอบให้ท่าน ท่านไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนหรอก แต่มันเป็นคุณค่าของคนดี เพราะเรา คือคนพิเศษในหัวใจของพ่อแม่เราอยู่แล้ว - น.ส.พิมลพัทธ ไกรราช - - สารอโศก อันนดับ ๒๘๖ สิงหาคม ๒๕๔๘ - |