# ประวัติชีวิต # อุปนิสัยใจคอ ช่วงที่ทำงาน ถึงช่วงเทศกาลเจ ผมก็กินเจอยู่ ๙ วัน เพราะร้านที่ผมทำงานอยู่ เขากินเจช่วงเทศกาล พอหมดเทศกาล ผมก็ตั้งใจกินเจต่อ แต่เจ๊เขากลัวผมจะผอม เขากลัวคนอื่นจะว่า ว่าอยู่กับเขาแล้วผมผอม เขาก็ไม่อยากให้ผมกินเจ ผมก็เกรงใจเขา ก็ต้องกินกับเขา อบายมุขมีแต่ไม่ติด เวลาจะเลิกก็เลิกได้ทันที ดื่มเหล้าร่างกายก็ไม่รับ ตอนแรกก็สนุก แต่พอแก้วหลังๆ ดื่มไปก็ทรมาน อาเจียนออกมาหมด ตอนนั้นไม่มีญาณปัญญาที่จะรู้ บุหรี่เคยสูบแต่ไม่ติด ก็สูบไปตามความเคยชิน วันละมวนสองมวน สนุกตามเพื่อน เพราะสูบเข้าไปก็แน่นหน้าอก เจ็บ พอเลิกก็เลิกได้เลย ไม่ได้มีความสุขกับชีวิตแบบนั้น # การงานอาชีพ # พบอโศก หลังจากนั้นผมกลับไปอยู่บ้าน ๑ ปี พอกลับมากรุงเทพฯอีกครั้ง ผมไปอยู่ร้านทำน้ำดื่มบรรจุขวด มีโอกาสได้ฟังรายการอีก คราวนี้มีหลายคลื่น ฟังมาเรื่อยๆ จนกระทั่งอดใจไม่ไหว เอ๊...พระองค์นี้ หน้าตาเป็นยังไง แล้วท่านก็เชิญชวนทางวิทยุ ตอนนั้น ปี ๒๕๔๓ จนกระทั่งวันอาทิตย์ ผมมาเรียนพระไตรปิฎกภาคบ่าย มาเจอคนใส่ชุดสีน้ำเงิน รู้สึกแปลก เรื่องถอดรองเท้า ผมไม่รู้สึกรังเกียจ เพราะในวัดมีลานทรายขาวสะอาด # ประทับใจ ติดตามมาวัดวันอาทิตย์เรื่อยๆ ก็รู้สึกว่าไม่พอ เลยขอเถ้าแก่ว่า ขอหยุดวันเสาร์ด้วย ถ้าจะลดเงินเดือนผมก็ได้ เขาก็ให้มา แม้จะไม่เต็มใจเท่าไหร่ พอมาวันเสาร์พรุ่งนี้ก็เป็นวันอาทิตย์ ถ้าจะกลับอีกก็ต้องกลับมาใหม่ ผมเลยได้นอนวัด ที่ใต้โบสถ์มีพระธรรมก่อนนอน ได้ฟังธรรมก่อนนอน บรรยากาศดีๆ ตื่นเช้ามาทำวัตรเช้า ที่นี้พอซึมซับทางนี้มากๆ ก็ไม่อยากกลับไปทำงานแล้ว เรียกว่าสนามแม่เหล็กแรงของมวลหมู่ดึงดูด ผมเทียวไปเทียวมาอยู่อย่างนี้ ประมาณ ๖ เดือน พอสิ้นปี ๒๕๔๓ หลังงานปีใหม่ก็ลาออกจากงาน ญาติธรรมชวนไปทำงานพลังบุญ อยู่ได้ประมาณ ๖ เดือน ตอนนั้นไฟแรง ก็ลาออกมาอยู่วัด ช่วงเข้าพรรษาพอดี # การเปลี่ยนแปลง ออกจากจตุจักร ก็มาอยู่บริษัทขอบคุณ อยู่โกดังอีก อยู่กับข้าวกับถั่วกับหนูกับแมลงสาบ วันหนึ่งได้เห็นโปสเตอร์ ท่าออกกำลังแบบโยคะ ก็เริ่มสนใจ เมื่อลองทำดูก็ดีขึ้น แม้จะไม่ต่อเนื่อง แต่ผมก็ยังกินอาหารผิดพลาดอยู่ # ก่อนเข้ามาอยู่วัด ตอนนั้นสถานการณ์ในวัด ลุกจากทำวัตรเช้าเสร็จ ก็ไปนั่งทำงานต่อ กินข้าวก็กินอยู่แถวนั้น ไม่ได้ขึ้นศาลา ไม่มีปีติหล่อเลี้ยง หมดไฟ ฟ้าอภัยมีเพื่อนผู้ชายเยอะ ผมต้องการหมู่กลุ่มเพื่อนผู้ชาย เหมือนสำนักบู๊ตึ๊ง ยุคนั้นเป็นยุคหมออารีย์ฟีเว่อร์ ก็เลยลองทำดีท็อกซ์ สุขภาพก็ดีขึ้น ทำโยคะก็ยืดหยุ่นดี อยู่ฟ้าอภัย มีเวลาเป็นสัดส่วน อยู่วัด ทุกวินาทีเป็นวินาทีแห่งการทำงาน ทำงานตลอด เลยต้องมาอยู่ที่เขาจัดเวลาให้ ตอนเช้าก็ฝึกโยคะจริงจัง กินข้าว ไปทำงาน มีความสุข เพราะมีการเตรียมพร้อมร่างกายมาดี ผมอยู่แผนกตัดกระดาษ มีโอกาสได้อ่านหนังสือ เกี่ยวกับสุขภาพ ได้รู้เรื่องโภชนาการมากขึ้น และได้ไปเข้าคอร์สสุขภาพที่วังน้ำเขียว ได้รับความรู้มากมาย ที่หมอต่างๆถ่ายทอดให้ กลับมาปรับเรื่องอาหาร ออกกำลังกาย สุขภาพดีขึ้น อยู่ฟ้าอภัย ผมมาทำวัตรเช้าประจำ ได้ฟังเทศน์ ได้ฝึกตัวเอง ได้จัดสรรตัวเองเป็น ก็มีไฟกลับมาอยู่วัดอีก ผมอยู่ฟ้าอภัยเกือบ ๒ ปี ออกจากฟ้าอภัยเมื่อต้นปี '๔๘ เพราะว่าคิดถึงวัด รู้สึกว่าตัวเองมีกำลังมากขึ้น รู้จักจัดระบบชีวิต รู้ว่าเราเข้าสู่สมรภูมิของวัดได้แล้ว # ทำอะไรบ้าง ตอนนี้ช่วยงานที่แผนกธรรมปฏิกรรม ตอนเช้าพาพี่ๆน้องๆออกกำลังกาย เวลามีงานอบรม ก็ช่วยเป็นพี่เลี้ยง และพาผู้เข้าอบรม ออกกำลังกาย # ปัญหาอุปสรรคในการทำงาน อุปสรรคที่ยิ่งใหญ่คือใจไม่สู้ ถ้าใจเราสู้ อุปสรรคที่หนักก็เบาลง เรื่องผัสสะก็พอทนได้ ยิ่งเจอผัสสะ เรายิ่งแข็งแรงขึ้น อุปสรรคคือใกล้สวรรค์ อุปสรรคเป็นบันไดไม่ใช่กำแพง ทำให้เราไต่สูงขึ้น ผมปฏิบัติตามกำลัง อันไหนที่ยังไม่ไหว ก็ใส่ลิ้นชักไว้ก่อน ค่อยๆเก็บเล็กผสมน้อยไปเรื่อยๆ ค่อยๆคืบคลาน จะเก็บรายละเอียดได้ดี ข้อปฏิบัติที่ยากที่สุดสำหรับผมไม่มี # คติธรรมประจำใจ # เป้าหมายชีวิต # ข้อคิดฝากให้หมู่กลุ่ม - สารอโศก อันดับ ๒๘๖ สิงหาคม ๒๕๔๘ - |