หอมดอกพุทธา - แม่น้ำ ลักขิตะ -



อย่าสยบยอมให้กับความอ่อนแอ
" เมื่อล้มก็จงคลาน อย่าหยุดพยายามไปให้ถึงจุดหมาย
ความล้มเหลวไม่ใช่สิ่งน่าอาย
ใจไม่คิดสู้น่าละอายยิ่งกว่า "

วิญญาณที่ไม่ยอมแพ้เป็นหนทางประเสริฐแล้ว...
แต่วิญญาณที่แพ้แล้วลุกขึ้นสู้ใหม่ประเสริฐกว่า
ศาสนาคริสต์สอนไว้ว่า ขอให้ท่านช่วยตัวเองก่อนแล้วพระเจ้าจะช่วยท่าน
ศาสนาพุทธสอนไว้ว่า ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน
ภาษาชาวบ้านบอกว่า ตัวใครตัวมัน
รวมความแล้วคือให้เราพยายามช่วยตัวเองอย่างสุดๆ อย่าหวังรอความเมตตาจากใคร ตัวเราเป็นที่พึ่งที่มั่นคงกว่าอื่นใด
ทำตัวเราให้แข็งแกร่ง กระทั่งตนก็พึ่งตนได้ และยังเป็นที่พึ่งให้คนอื่นได้อีก
เราทุกคนต่างต้องการแข็งแกร่งด้วยกันทั้งนั้น ปัญหาอยู่ที่ว่าเราจะฝึกตัวเองอย่างไร ?
กล้าที่จะเผชิญปัญหา...
ปรกติคนเรากลัวที่ต้องเผชิญปัญหา ถ้าเลี่ยงได้ก็จะเลี่ยงตลอดหรือผลักภาระให้คนอื่นไป ทำเช่นนี้ชีวิตจะไม่มีวันแกร่งกล้า
ไม่มีใครหนีปัญหาพ้น ต่อให้หนีไปจวบวันตาย กลับมาเกิดใหม่ยังต้องเจอปัญหาจนได้

หนีไม่พ้นก็ต้องหันหน้าเข้าชน ให้มันรู้กันไปว่าจะหมู่หรือจ่า และที่สำคัญ ปัญหามีไว้ให้แก้มิใช่มีไว้ให้กลุ้ม กลุ้มใจไปก็เท่านั้น ปมปัญหายังอยู่ สู้เข็นสมองออกมาคิดหาทางออกจะดีกว่า

กระบวนการแก้ปัญหานี่แหละ จะเสริมสร้างให้ใจเราแข็งแกร่ง หากเราไม่กล้าเผชิญปัญหาเสียก่อน สิ่งนี้จะไม่เกิด
ล้มแล้วลุกขึ้นสู้...
เจ็บตัวบ่อยๆ ทำให้ใจแข็งแกร่งได้เหมือนกัน

เปรียบเทียบระหว่างลูกคนรวยกับคนจน เราจะได้แง่คิดที่ชัดขึ้น.....ลูกคนรวยจะถูกเลี้ยงเหมือนไข่ในหิน ประคบประหงม จนอ่อนแอ มดไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมจึงเป็นเด็กขี้โรค จิตใจอ่อนไหวง่าย ความอดทนอดกลั้นน้อยมาก

ต่างจากลูกคนจน พ่อแม่เลี้ยงตามยถากรรม คลุกดินคลุกฝุ่น ตากแดดตากลมเป็นธรรมดา เติบโตมากับความลำบาก ทำงาน ช่วยพ่อแม่แต่เล็กแต่น้อย ร่างกายจึงแข็งแรง ภูมิคุ้มกันสูง จิตใจแข็งแกร่ง เพราะเผชิญความลำบาก

เหตุนี้.....ชีวิตที่ล้มลุกคลุกคลาน ประสบการณ์ชีวิตจะแน่น แข็งแกร่งทั้งกายและใจ

ขอเพียงเราอย่าละอายหากต้องพ่ายแพ้ แต่จงละอายที่จะไม่คิดสู้ สยบยอมให้กับความอ่อนแอ

- สารอโศก อันนดับ ๒๘๖ สิงหาคม ๒๕๔๘ -