เจริญธรรม สำนึกดี
กระผมและภรรยามีความคิดเห็น หรือข้อปฏิบัติที่ได้จากการอ่านดังต่อไปนี้ครับ...

ทำให้ทราบประวัติความเป็นมาของนานาสังวาสของคณะสงฆ์ไทย ซึ่งหลายๆเรื่องกระผมไม่ทราบมาก่อนเลย และทำให้ทราบประวัติ นานาสังวาส ของคณะสงฆ์ชาวอโศกด้วย ถ้าพระพุทธองค์ไม่ทรงวางหลักเกณฑ์ หลักการไว้ ความวุ่นวาย ความเดือดร้อนคง มากมายกว่านี้ แน่นอนเลยครับ เป็นพระปรีชาญาณของพระพุทธองค์ และวิสัยทัศน์ของพ่อท่านจริงๆ ที่ช่วยให้คณะสงฆ์ชาวอโศก ฝ่ามรสุมต่างๆ มาได้จนถึงปัจจุบัน

สำหรับกระผมยังมั่นคงในการถือศีล ๕ ละอบายมุข และรับประทานอาหารมังสวิรัติวันละ ๑ มื้อ ทำได้โดยไม่ยาก ไม่ลำบาก คิดว่า จะทำไปเรื่อยๆ จนตลอดชีวิต เพราะยิ่งปฏิบัติก็ยิ่งเบาสบายทั้งกาย ทั้งใจ ปัญหาในครอบครัวก็ไม่ค่อยมี เป็นบุญของกระผมจริงๆ ที่นำธรรมะชาวอโศก มาใช้แก้ปัญหาชีวิต ซึ่งจากเดิมชีวิตไม่มีคุณค่า ไม่มีราคาเลย แต่พอนำธรรมะชาวอโศกมาปฏิบัติ (ปฏิบัติธรรม ตามแนวทางอโศกประมาณปี ๒๕๒๙) ทำให้ชีวิตมีคุณค่า มีราคาเพิ่มขึ้น ยิ่งปฏิบัติก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น เพราะยิ่งลดกิเลสได้มาก ก็ยิ่งทำงาน เสียสละได้มาก

กระผมจะทดแทนบุญคุณโดยการทำงานเสียสละเพื่อส่วนรวมเพื่อหมู่กลุ่มให้มากขึ้นครับ
* ร.ต.สาคร สายพันธ์ ร้อยเอ็ดอโศก

- อนุโมทนาสาธุ สำหรับชีวิตที่เจริญในธรรม และมีสำนึกดี -- บ.ก.



สมัครเป็นสมาชิกผู้ปฏิบัติธรรมทำอย่างไร?
ดิฉันได้รับประโยชน์มากมายจากหนังสือสารอโศก ทั้งวิธีการปฏิบัติ การถือศีล ทำให้ได้รู้ถึงความเป็นมาของหมู่บ้านสันติอโศก หมู่บ้าน แบบนี้ จะหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว สักวันหนึ่งดิฉันอยากเข้ามาสัมผัสกับหมู่บ้านนี้บ้าง ประมาณวันที่ ๑๙ หรือวันที่ ๒๐ ของทุกเดือน ดิฉัน ก็จะเฝ้ารอ สารอโศกทุกครั้ง บางครั้งดิฉันก็กลัวจะถูกตัดออกจากการเป็นสมาชิกเพราะไม่ได้ตอบจดหมาย และส่งความคิดเห็นใดๆ มาเลย ต่อไปนี้จะพยายามเขียนตอบมาให้ได้ ได้อ่านแต่ละหัวข้อ แต่ละคอลัมน์มีประโยชน์ทั้งนั้น อ่านแล้วทำให้เราสามารถเลิก ลด ละ สิ่งที่ไม่ดีต่างๆได้ และนำคำสอนที่ดีมาใช้ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย ซึ่งสังคมในปัจจุบันเป็นสังคมที่แข่งขัน เอารัดเอาเปรียบ เห็นแก่ตัว มักง่าย แต่พอได้อ่านสารอโศก ก็ช่วยให้เราได้มาคิดและมีสติขึ้นมา ดิฉันจะพยายามถือศีล ๕ ให้บริสุทธิ์ทุกข้อ แต่ขณะนี้ที่ดีที่สุดคือ ศีลข้อที่ ๑ ดิฉันถือได้เกือบบริสุทธิ์แล้ว คือห้ามฆ่าสัตว์ตัดชีวิต(กินเจมาประมาณ ๖-๗ ปีแล้ว)และจะพยายามถือให้ได้ครบทุกข้อ จะนำสิ่งที่ดี จากคำสอนมายึดถือและปฏิบัติ

สุดท้ายอยากสมัครเป็นสมาชิกผู้ปฏิบัติธรรม มีข้อปฏิบัติอย่างไร กรุณาแนะนำด้วยค่ะ
* ปทิตตา กลอนกลาง จ.มุกดาหาร

- ผู้จะสมัครเป็นสมาชิกสมาคมผู้ปฏิบัติธรรม ต้องเป็นผู้รับประทานอาหารมังสวิรัติ ถือปฏิบัติศีล ๕ และลดละอบายมุขทั้ง ๖ ข้อ เป็นปรกติ ในวิถีชีวิตประจำวัน สามารถสมัครได้เมื่อไปร่วมกิจกรรมประจำปีของชาวอโศกในแต่ละแห่ง เช่น งานพุทธาภิเษก งานปลุกเสกฯ งานอโศกรำลึก เป็นต้น ทั้งนี้เมื่อกรอกใบสมัครแล้ว จะต้องผ่านการพูดคุยสัมภาษณ์จาก นายกสมาคมผู้ปฏิบัติธรรมก่อน หากได้รับ การพิจารณาแล้ว เห็นว่ามีคุณสมบัติควรให้ผ่าน จึงจะสามารถสมัครเป็นสมาชิกสมาคมผู้ปฏิบัติธรรมได้ -- บ.ก.



ทำจริง...ได้จริง! ทำเล่น..ได้เล่น!
เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาก่อนเข้าพรรษา กระผมได้ตั้งใจปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง โดยเริ่มต้นตั้งแต่พื้นฐานคือ การสมาทานศีล ๕ ถือมังสวิรัติ เริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๔๘ ก่อนกินมังสวิรัติ ข้าพเจ้ามีน้ำหนักตัว ๗๓ กิโลกรัม พอมาถึงวันนี้(๒๙ สิงหาคม ๒๕๔๘) น้ำหนักตัว เหลือ ๖๗ กิโลกรัม นี่คืออานิสงส์ทางกายภาพ(รูป)ที่เห็นได้ง่ายๆ ทำงานได้กระฉับกระเฉงกว่าเดิม และไม่รู้สึกหิวมากมาย จนเกิด อาการโมโหหิว เหมือนตอนรับประทานเนื้อสัตว์ ซึ่งเมื่อตอนรับประทานเนื้อสัตว์อยู่นั้น ข้าพเจ้าอ่านคอลัมน์จดหมายจาก ญาติธรรม ในสารอโศก ซึ่งญาติธรรมบางท่านรายงานมาเกี่ยวกับอานิสงส์มังสวิรัติ บางคนอ่านดูแล้วในความรู้สึกของข้าพเจ้าเห็นว่า เป็นการ "เว่อร์" ไป จนกระทั่ง มาสัมผัสด้วยตัวเอง จึงได้รู้อย่างแจ่มแจ้ง เหมือนที่พ่อท่านได้เทศนาไว้ และญาติธรรมอโศก ได้เจริญรอยตาม จนได้อานิสงส์ กันถ้วนหน้า ขอกราบบูชาในอาริยญาณของพ่อท่าน ขออนุโมทนากับพี่น้องชาวอโศกทุกท่านด้วย

ส่วนอานิสงส์ด้านจิตใจ(นาม)ทำให้ใจเย็นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ชัดเจนอย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว ความโกรธเบาบางลงจนสัมผัสได้ ซึ่งข้าพเจ้า เป็นคนค่อนข้างหนักไปทางโทสะจริต จะครุ่นคิดเรื่องผูกโกรธบ่อยๆ ซึ่งทำให้ตัวเองเศร้าหมองไร้สุขบ่อยๆ ขณะนี้ดีขึ้น มากทีเดียว จนทำให้ครอบครัวอบอุ่นน่าอยู่ขึ้นเยอะ แม่บ้านก็ไม่บ่น ไม่เครียดเหมือนแต่ก่อน โดยรวมแล้วข้าพเจ้าดีขึ้นกว่าแต่ก่อน จนเห็นได้ชัดเจน ครอบครัวก็สงบเย็นขึ้น ถึงขณะนี้ข้าพเจ้าไม่มีข้อกังขาใดๆอีกแล้ว เกี่ยวกับการปฏิบัติที่พ่อท่านบอกว่า "การปฏิบัติธรรม มีเบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุด" แต่ก่อนนั้นข้าพเจ้าเป็นคนใจเร็ว ด่วนได้ จึงคิดว่าการปฏิบัติธรรมให้บรรลุเป้าหมายนั้นต้องมีทางลัด จึงไปปฏิบัติแบบลัดๆ ซึ่งผลก็คือไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย จึงหันมาปฏิบัติแบบมีเบื้องต้น ท่ามกลาง และบั้นปลาย โดยมีญาติธรรม ชาวอโศก เป็นต้นแบบ มีพ่อท่านโพธิรักษ์เป็นประธาน ผู้ชี้นำตลอดจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายสูงสุดในชีวิต คือ พ้นทุกข์โดยสิ้นเชิงตลอดไป
* นายเกริกศักดิ์ เพ็งรัตน์ กทม.

- พุทธศาสนาไม่ได้สอนให้เชื่องมงาย หากแต่ชวนให้มาพิสูจน์ธรรมฤทธิ์ว่าจะมีจริง เป็นได้จริงหรือไม่ โดยเอาชีวิตของแต่ละคน แต่ละท่าน นี่แหละ ปฏิบัติพิสูจน์กัน เราจะสัมผัสความจริงได้เท่าที่เราสามารถ.....และทุกวันนี้เราตั้งใจ-ทุ่มเท ใช้ความสามารถเต็มที่รึยัง? -- บ.ก.



วิถีชีวิตผู้ปฏิบัติธรรม...มีปรกติไม่เจ็บป่วยง่าย

ทุกวันนี้พยายามควบคุมตนเองให้มีสติระลึกอยู่เสมอว่า จะไม่โกรธ ไม่เพ่งโทษผู้อื่น มองโลกในแง่ดีและแผ่เมตตา ซึ่งบางครั้ง ก็แพ้กระแส ของโลกย์บ้าง แต่ก็พยายามทำต่อไป เพราะสิ่งนี้มีประโยชน์ต่อตนเอง ครอบครัวและเพื่อนมนุษย์

กระผมอยากจะเผยแพร่ความรู้ที่ทำให้ร่างกายไม่เป็นไข้หวัดและสุขภาพแข็งแรงคือ...หลังตื่นนอนและเข้าห้องน้ำขับถ่ายเรียบร้อยแล้ว กระผมจะดื่มน้ำเปล่าขณะท้องว่าง (ไม่ควรกินอาหารก่อนดื่ม) ๔-๕ แก้ว(ประมาณ ๑ ขวดลิตร)หลังจากดื่มแล้วทำงานสัก ๑๐ นาที (ไม่ควรนอน) ร่างกายจะขับอุจจาระที่คั่งค้างอีก ๒-๓ ครั้ง ในเวลาไล่เลี่ยกัน (ของเสียที่ร่างกายขับออกไม่หมดจากการถ่ายปกติครั้งแรก) ซึ่งทำให้อุจจาระที่คั่งค้างในร่างกายจะถูกขับถ่ายออกมาหมด ทำเช่นนี้ทุกวัน กระผมไม่เคยเป็นไข้เลย ตลอดเวลาที่ปฏิบัติเช่นนี้ เป็นเวลา กว่า ๑๐ ปีแล้ว อีกทั้งปัสสาวะหลังดื่มน้ำ ๔-๕ แก้ว ก็จะใสเหมือนน้ำประปาเลยทีเดียว ซึ่งนอกจากไม่เคยเป็นไข้แล้ว สุขภาพโดยทั่วไป ก็ปกติดี กระผมจึงขอแจ้งมาเพื่อเป็นบุญกุศลร่วมกัน หากใครที่กำลังปฏิบัติเช่นผม โปรดแจ้งลงในสารอโศกด้วย เพื่อเผยแพร่เป็น วิทยาทาน ต่อไป

ปล. ตำรานี้ได้มาจากผู้สูงอายุท่านหนึ่ง ซึ่งอายุ ๘๕ ปีแล้ว แต่สุขภาพแข็งแรงมาก สายตาดีไม่สวมแว่น สามารถขับขี่จักรยาน ในตัวเมือง ลำปาง ได้สบาย แกบอกว่าเป็นภูมิปัญญาของชาวจีน กระผมแนะนำให้เพื่อนปฏิบัติดู แกบอกว่าโรคกระเพาะดีขึ้นมาก และอีกคนอายุ ๖๐ กว่าปีแล้ว แกก็ทำเช่นกระผมและปฏิบัติเช่นนี้มากว่า ๓๐ ปีแล้ว สุขภาพแข็งแรงมาก และไม่เคยเป็นไข้หวัดเลย จึงอยากแนะนำมา ให้ทราบ หลังดื่มจะรู้สึกแน่นท้องบ้างแต่ก็ไม่มีผลเสียอะไร
* นายพิษณุ พงษ์ประเสริฐ จ.ลำปาง

- การดูแลสุขภาพของตนเองได้ เป็นสิ่งที่ดีมาก ควรกระทำให้ได้ต่อเนื่อง... ป้องกันไม่ให้เจ็บป่วยดีกว่าเจ็บป่วยแล้วค่อยรักษา ศาสตร์แห่ง การรักษา ที่ได้ผลแน่นอนกว่า คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตนให้มี ๗ อ. แม้ไม่ง่ายแต่ก็เป็นเรื่องควรต้องทำให้ได้ -- บ.ก.



จิตสำนึกอ่อนแอ ถูกกิเลสครอบงำง่าย
งานวิสาขบูชาปี ๒๕๔๘ ผ่านไป ผมติดตามข่าวคราวโดยตลอด ก็คิดว่าสังคมส่วนใหญ่เข้าใจอะไรดีขึ้นมาก ผิดกับสมัยก่อนปี ๒๕๓๒ หรือก่อนนั้น ที่ไม่เข้าใจในสิ่งที่เป็นอยู่ ยุคสมัยนี้เปลี่ยนไป อะไรดี ไม่ดี ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง มองเห็นได้ชัด ยิ่งคนใหญ่คนโต มีหรือที่จะไม่รู้ อะไรถูกอะไรผิด เพราะกิเลสตัวเดียว ทำให้ขาดหิริโอตตัปปะ กลัวความจริง อ่อนแอ ขี้ขลาด จึงทำอะไรโดยยึดแต่กฎหมายเป็นหลัก หลักธรรมไม่เอา สุดท้ายมันก็ฟอนเฟะอย่างที่เห็นทั่วไป สิ่งสูงสุดที่คนเคารพกราบไหว้ก็เป็นไปโดยไม่สนิทใจ
* กิตติ ธรรมสโรช

- กว่า"อโศก"จะมาถึงจุดที่ยืนอยู่ขณะนี้ ก็ต้องฝึกฝนให้สามารถทนอยู่ได้ในท่ามกลางสังคมยุคนี้ โดยชาวอโศกแต่ละคน ก็มีหลักพื้นฐาน เบื้องต้น ที่ใช้ศึกษาฝึกฝนคือ การปฏิบัติศีล ๕ ลด-ละ-เลิกอบายมุขให้ได้ให้ยิ่งๆขึ้น ด้วยความเข้าใจ ซึ่งผู้มีมรรคมีผลเท่านั้น จึงจะสามารถ ทนต่อการพิสูจน์ได้ ไม่ว่ากระแสการโต้ -ต้าน-ค้าน-แย้งจะรุนแรงหรือยาวนานปานใด..... -- บ.ก.



เรา...จะทำในสิ่งที่ บุคคลอื่น...ทำได้ยาก...
ผมพยายามปฏิบัติในการยึดศีล ๕ ในการดำเนินชีวิต ไม่ข้องแวะกับอบายมุข เพราะเชื่อว่าเป็นทางเสื่อมของชีวิต พยายามลด ละ เลิก สิ่งที่เป็นอบายมุข พยายามหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด เพราะรู้ว่าไม่มีประโยชน์ต่อชีวิตของเราเลย แต่บางครั้งก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี เพราะชีวิต ต้องกินต้องใช้ ผมมาอยู่ที่อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย อาหารการกินส่วนมากมักจะเป็นปลา เพราะไม่ต้องซื้อหา และอีกอย่าง ภรรยาชอบ ตกปลา มารับประทาน ผมรู้ว่าเป็นการสร้างบาปกรรม เอาชีวิตผู้อื่นมาทดแทนชีวิตของเรา แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ผมบอกภรรยาแล้วว่า ผมไม่ชอบ สร้างบาปกรรม กลัวบาปกรรมจะตามสนองเอา เพราะชีวิตของใครๆก็รัก เรายังรักตัวเราเองเลย เวลาไปงานเลี้ยงต่างๆ ส่วนมาก มักจะมีการเลี้ยงด้วยเหล้า การสื่อสารที่จะเข้ากันได้ง่ายส่วนมากมักจะมีเหล้าเป็นองค์ประกอบเป็นส่วนใหญ่ ไม่เช่นนั้น มักจะวางตัว หรือที่เขาเรียกกันว่า วางฟอร์ม คือจะไม่ค่อยคุยกัน นอกจากจะสนิทกันจริงๆ และจะนั่งรอให้ถึงเวลาพิธีการมักจะเนิ่นนาน เกิดความ เบื่อหน่าย หงุดหงิด ถ้าบางคนไม่กินเหล้า มักจะไปยืนสูบบุหรี่ เพราะไม่รู้จะทำอย่างไร คือ เอาเวลาไปทิ้งโดยเปล่าประโยชน์

คนเราสร้างความดี จะต้องมีความบากบั่นเป็นพิเศษ เพราะผลลัพธ์มักจะเหนื่อย และลำบากเหมือนกับปลูกไม้ผล มักจะกินเวลานาน กว่าจะเห็นผล บางทีก็เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ ที่ไม่ได้ผลอย่างใจ ถ้าเราไม่มีใจที่เข้มแข็ง อดทน มีความศรัทธาเชื่อมั่น อย่างลึกๆ มักจะพ่ายแพ้ ใจตัวเอง ท้อแท้พ่ายแพ้กิเลส
* ไพโรจน์ ศรีทันดร จ.เชียงราย

- การจำนนกับอุปสรรคกั้นขวางการบำเพ็ญความดี ง่ายเกินไป ทำให้ชีวิตทั้งชีวิตพลาดโอกาสปรับปรุงพัฒนาตนไปเลยทีเดียว ที่จริงสำนึกรู้ ของเรา ก็พอแก้ปัญหาให้ธรรมะชนะกิเลสได้อยู่ แต่...เราทำเพื่อพาตัวเองออกจาก "กับดักทางความคิดติดอยู่กับที่" มากพอหรือยัง? -- บ.ก.



คนดีมีศีลพาชีวิตพ้นทุกข์ได้ยิ่งกว่าคนเก่ง...
ระยะนี้ไม่ใคร่มีเวลาอ่านหนังสือ งานหลักๆยังไม่มีทำ มีแต่ทำงานบ้าน ช่วยเหลือน้องรับลูกที่โรงเรียน ว่างก็นั่งเรียนภาษาอังกฤษและจีน แบบพอจะสอนหลานๆได้ จากที่เกือบลืมหมดแล้วก็เลยทำให้รู้สึกว่า...มีคุณค่าขึ้นบ้าง เพียงแค่นี้ก็ดีใจแล้วค่ะ แต่จะพยายามพัฒนาต่อไป ตอนนี้คิดว่า ได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้นก่อน ค่อยๆกระเถิบ เพราะฐานของดิฉันไม่ใช่คนเก่ง ต้องอาศัยความขยันถ้าขาดตัวนี้ก็จะไร้ค่าทันที

ความขยันนี้ก็มีเป็นเพียงบางวัน ความจำก็มีไม่มาก อุปสรรคอันนี้ที่ทำให้ดิฉันเรียนรู้อะไรก็ไม่จบได้แค่งูๆปลาๆ แต่ก็ช่างมันเถอะ ถ้ายัง อ่านได้ ก็จะอ่านอังกฤษให้มากที่สุด ฝันเหมือนกันอยากพูดอังกฤษพอได้ ขอแค่พอสื่อสารกับคนต่างชาติได้ แต่ตอนนี้ก็ได้แค่ สอนเด็ก ประถมได้ ถ้ายังเรียนอยู่เรื่อยๆก็จะมีการพัฒนา แต่ถ้าเราหยุดก็จะเหมือนคนโง่ไปเลย ที่พูดหมายถึงตัวดิฉัน ไม่ได้รวมถึงคนอื่น หรอกนะ เพราะที่บ้านมองดิฉันค่อนๆไปทางโง่ๆอยู่เนืองๆ ดิฉันก็ไม่คิดจะทำอะไรให้คนอื่นมองว่าดิฉันฉลาดหรอกค่ะ

ดิฉันก็ไม่ได้ประมาทในชีวิต พยายามทำอะไรที่มีสาระ เรื่องเที่ยวๆสนุกๆไปวันๆไม่มีแล้ว ประคองสติได้ดีพอควร ไม่รู้ว่าจะเจออะไรอีก เพราะคนเราในบางช่วงจะต้องสติแตก เมื่อเจอเรื่องที่ไม่คาดฝัน ตอนธรรมดาอารมณ์ดีๆกันทั้งนั้น ไว้เจอสิ่งที่ไม่ปรารถนาเข้านั่นแหละ ถึงจะวัดได้ว่าเราเก่งรับกับเหตุการณ์นั้นๆได้รึเปล่า?
* สรญา เจริญศรีเกษม จ.สงขลา

- ผู้ไม่ประมาท ควรฝึกตนเป็นผู้มีศีล อย่างน้อยที่สุดชาวพุทธเราต้องมีศีล ๕ ข้อเป็นฐานเบื้องต้น อีกทั้งลด-ละ-เลิกอบายมุขทั้ง ๖ ข้อ ให้ได้ ในชีวิตประจำวัน เพื่อฝึกตนให้เป็น "คนดี" ก่อนอื่นใด ส่วนการฝึกตนเป็นคนเก่งเป็นเรื่องสำคัญน้อยกว่า เพราะการฝึกตน เป็นคนดี ความดีพาให้พ้นทุกข์ได้ แต่คนเก่งความเก่งไม่พาพ้นทุกข์เลย..... -- บ.ก.

- สารอโศก อันดับที่ ๒๘๘ ตุลาคม ๒๕๔๘ -