- ป.ปรีดา - email: [email protected]


หันมากินขนมไทย ปลอดภัยกว่า

ท่านทราบหรือไม่ว่าของกิน(เล่น)ทุกวันนี้ ที่มีบรรจุภัณฑ์จูงใจคนซื้อมีภัยอย่างมหันต์ต่อเด็กของท่าน ตามโรงเรียนต่างๆ จะขายของกิน ประเภทนี้ หลากหลายรูปแบบ จูงใจให้เด็กๆซื้อวันละหลายๆซอง ผลที่ตามมาก็คือ เมื่อบริโภค สิ่งเหล่านั้น เข้าไปแล้ว ไตจะทำงานหนัก สะสมนานๆ ไตของคนนั้นจะเสื่อมและเสียเร็วกว่าปรกติ

ของกินหลายชนิดโดยเฉพาะประเภทกรุบกรอบมีส่วนผสมของเกลือค่อนข้างสูง ล่าสุดแม้แต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ที่ต้องผสม น้ำเดือด เวลารับประทาน ยังผลิตเป็นประเภทขนมกรุบกรอบให้เด็กซื้อหาและรับประทานได้ทันที ราคาสูงกว่าเดิมสองเท่า ขนมหลายๆ ชนิด หากท่านดูที่บรรจุภัณฑ์ จะมีส่วนผสมของเกลือโซเดียมแทบทั้งสิ้น จึงน่าเป็นห่วง หากเยาวชนของชาติ มีพฤติกรรม การบริโภค ที่เป็นเช่น ทุกวันนี้

ทำให้ผู้เขียนนึกถึงขนมสมัยที่ยังเป็นเด็ก จำได้ว่าขนมกรุบกรอบก็มีขนมกรอบเค็ม ข้าวแตน ขนมผิง ขนมดอกจอก ข้าวเกรียบว่าว ข้าวเกรียบ ข้าวเกรียบอ่อน ข้าวเม่า ข้าวตัง ไม่ใช่ข้าวตังหน้าตั้ง อย่างที่รู้จักกันทุกวันนี้ แต่เป็นเพราะหุงข้าว ดงข้าว จนไหม้ก้นหม้อ จึงกลายเป็น ข้าวตัง โดยปริยายนั่นเอง ขนมเบื้องทั้งเค็มและหวานก็เป็นที่โปรดปราน กล่าวไปไย กับขนมครก ปาท่องโก๋ที่ทุกเช้า จะเห็นผู้คนเข้าแถว คอยซื้อกัน ขนมปิ้งๆ ก็เห็นแต่ขนมปังทาเนย ทานมข้นหวาน ที่ปิ้งขายกัน ข้าวเหนียวปิ้งที่ห่อใบตอง ก็เป็นที่นิยมรับประทาน กันไม่น้อย ไม่ต้องพูดถึง ขนมน้ำดอกไม้ ขนมถ้วยฟู ที่พ่อค้า หาบมาขาย ถึงหน้าบ้าน ขนมปลากริมไข่เต่าใส่ในหม้อดินเผารสหวานหม้อหนึ่ง รสเค็มหม้อหนึ่ง ใครต้องการซื้อ ก็จะตักใส่ถ้วย ให้กิน เดี๋ยวนั้น หรือหากไม่กินเดี๋ยวนั้นก็นำถ้วยชามในบ้านออกมาใส่ก็ได้ ขนมกุยช่าย ขนมถ้วย ที่แม่ค้า หาบมาบริการถึงที่ ไม่ต้อง เสียเวลาออกไปซื้อหา ขนมหวานๆได้แก่ สัมปันนี วุ้นกรอบ เผือกกวน ถั่วกวน ลูกชุบ ในรูปพริก ผลไม้หลากสี เด็กๆ ชอบกิน กันจัง แต่เก็บได้ไม่นาน เพราะสมัยนั้นยังไม่ได้เจือสารปนเปื้อนหรือวัตถุกันเสียใดๆ โดยเฉพาะสารกันบูด ยังไม่รู้จัก เสียด้วยซ้ำ เผือกต้ม มันต้ม กล้วยทอด มันทอด ข้าวเม่าทอด ข้าวโพดต้ม เกาลัด แห้วทั้งสดและต้มสุก เม็ดขนุนต้ม ถั่วลิสงต้ม เป็นที่นิยมไม่น้อย

ขนมๆไทยๆ ไม่ต้องมีบรรจุภัณฑ์อะไรมากมายแค่ห่อด้วยใบตองก็ดูน่ากินแล้ว ไม่ว่าจะเป็นขนมชั้น ขนมถั่วแปบ ขนมบ้าบิ่น ขนมด้วง ขนมเหนียว ขนมกล้วย ขนมใส่ไส้ ขนมตาล ตะโก้, เปียกปูน ข้าวหลามตัด ข้าวเหนียวตัด ขนมขี้หนู(ขนมทราย) วุ้นกะทิ สารพัดวุ้น ขนมต้มแดง ขนมต้มขาว ขนมลืมกลืน ขนมสาลี่ เป็นต้น ขนมกินอิ่ม ได้แก่ ข้าวต้มมัด ข้าวหลาม ขนมจาก ยิ่งตอนเข้าโรงหนัง ยังมีข้าวโพดคั่ว เกาลัด กวยจี๊(เมล็ดแตงโมตากแห้ง) ให้ขบเคี้ยว หรือไปตามงานวัด จะได้กิน อ้อยควั่น ผลไม้เชื่อมเสียบไม้ แม้แต่ตังเม โรตีสายไหม เด็กในยุคนั้น ก็ชอบกันมาก ทำให้ฟันผุ จนทุกวันนี้ ทั้งข้าวตอก ข้าวตู เวลาไปซื้อจะเห็นเก็บไว้ในขวดโหล ขนมเข่ง ถึงหน้าเทศกาล ของคนจีน มักจะได้กินเสมอ เก็บได้หลายสัปดาห์ นำมา ตากแดด และทอดกิน ภูมิปัญญาจีนในสมัยก่อน ประเทศจีน เป็นประเทศยากจน จึงมีกลเม็ด ในการถนอมอาหาร ที่กินได้ นานวัน ทั้งผักกาดดอง ขิงดอง หัวไช้โป๊ว เต้าหู้ยี้ ฟังคนจีนโบราณเล่าว่า ที่เมืองจีนสมัยนั้น ข้าวสารหายาก ขนาดจะหุง ข้าวต้ม ยังต้องใส่มันเทศลงไป เพื่อให้ดูมีจำนวนมาก และเพียงพอแก่คนในบ้าน เหมือนกับคนที่อยู่ตามชนบท ในเมืองไทย มักจะนำข้าวเหนียว มาปั้นเป็นก้อน แล้วไปจี่ในกองไฟ เรียกว่า ข้าวจี่ หากใช้แป้งปั้นเป็นก้อน แล้วนำไปทำวิธีเดียวกัน ก็เรียก แป้งจี่ กินอิ่มดี และจะได้กิน ข้าวต้มลูกโยน ในเทศกาลสำคัญๆ ทางศาสนา ขนมชนิดนี้ ทำจากข้าวเหนียวผัด กับกะทิ ใส่เกลือ น้ำตาล ห่อด้วยใบมะพร้าวอ่อน หรือใบเตย มีหางยาว ผูกเป็นพวง

มาถึงวันนี้ขนมไทยที่จำหน่ายอยู่นั้นจะไม่ค่อยเห็นห่อด้วยใบตองแล้วก็ตาม แต่ก็เป็นขนมสด อันตรายน้อยกว่าขนม สมัยใหม่ หากผู้ผลิต ลดความหวานลง ทำให้ผู้บริโภคสนิทใจในการกิน เด็กๆกินแล้วจะได้ไม่ติดหวานมากนัก ไม่เป็นอันตราย หากต้อง กินระยะยาว ขนาดน้ำนม ยังพากัน รณรงค์ ให้เด็กดื่มนมจืด เพราะเด็กดื่มกันเป็นประจำ หากไม่ใส่ใจดูแล เด็กของท่าน จะสะสม แต่พิษภัย จากการกิน

ผิดกับคนในยุคก่อน เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ป้อนด้วยน้ำข้าว (ทุกวันนี้ใช้หม้อหุงข้าวไฟฟ้า ไม่มีน้ำข้าวให้ดื่ม) และกล้วยน้ำว้าบด เพียงเท่านี้ เด็กๆ สามารถเจริญวัย ได้อย่างแข็งแรง ไม่มีอาการพิกลพิการน้ำหนักเกินขนาดอย่างที่พบเห็น เช่นเด็ก ในปัจจุบัน มองแล้ว น่าเป็นห่วงจริงๆ

จึงขอให้ผู้ผลิตขนมนานาชนิด โดยเฉพาะขนมที่มีบรรจุภัณฑ์ต้องตาเด็กๆ ได้โปรดสำเหนียกถึงคุณภาพของสินค้า ประเภท บริโภค หากยังมี ส่วนผสมของสารปนเปื้อน ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยเฉพาะใช้เกินขนาด ย่อมทำให้เยาวชนของชาติ มีสุขภาพ ที่เสื่อมเร็วกว่าวัย และขอวิงวอน เจ้าของโรงเรียนแต่ละแห่ง ได้โปรดพิจารณา ก่อนรับสินค้า ที่เด็กนักเรียน ต้องซื้อกิน เป็นประจำในโรงเรียน น่ายินดีที่ขณะนี้ หลายโรงเรียน ให้ความร่วมมือ งดจำหน่ายน้ำอัดลมทุกชนิด พ่อแม่ ผู้ปกครอง ก็เช่นกัน อย่าได้ตามใจ ซื้อของบริโภค ที่เสมือนยาพิษ เติมวันละเล็กวันละน้อย ให้เด็กของท่าน ต้องเสีย สุขภาพ เร็วกว่าอายุขัยเลย

หากท่านผู้ใดมีประสบการณ์จริงจากชีวิต สามารถส่งมายังคอลัมน์นี้ หรือส่งมายัง e-mail ข้างต้นได้

- สารอโศก ฉบับที่ ๒๘๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ -