บันทึกเหตุการณ์ประชาชนคนไทยหัวใจรักชาติ
ร่วมชุมนุมคัดค้านแผนการบริหารจัดการ
พื้นที่ปราสาทพระวิหารของกัมพูชา

ที่องค์การยูเนสโก, สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง และที่หน้ากองทัพภาค ๑


ด่วนที่สุด...สำคัญที่สุด !!!
ถึงคนไทยหัวใจรักชาติทุกท่าน
ขอแจ้งเปลี่ยนแปลงการไปยื่นหนังสือประท้วง เพื่อปกป้องแผ่นดินไทย จากเขมร ที่หน้า UNESCO จากกำหนด การเดิม วันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ให้เลื่อนขึ้นมาเร็วขึ้น เป็นวันอังคารที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๓ เวลา ๑๐.๐๐ น. เพราะฉุกเฉินที่สุดแล้ว!

คราวนี้เราต้องการมวลประชาชนคนไทยที่ หัวใจรักชาติ ไปรวมพลังกันให้มากที่สุด เพื่อแสดง อธิปไตย ครั้งสำคัญที่สุด ในประวัติศาสตร์ เพื่อปกป้องแผ่นดินไทย ไว้อย่างสันติ อหิงสา...

โปรดออกไปแสดงพลังให้มากที่สุด ไม่มีวันและเวลาอื่นอีกแล้ว วิกฤติที่สุดแล้ว !!!... ใครคิดว่า ตนเป็นคนไทย รักชาติ ถ้าคุณไม่ออกไป ประชาไทยเสียดินแดน แน่ยิ่งกว่าแน่ !!

ด่วนที่สุด ไม่มีโอกาสอื่นอีกแล้ว

๒๖ ก.ค. ๒๕๕๓ FMTV ประกาศเลื่อนวันไปยื่นหนังสือประท้วงเพื่อปกป้องแผ่นดินไทยจากเขมร ที่หน้ายูเนสโก(องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization หรือ UNESCO) จากวันที่ ๒๘ เป็นวันที่ ๒๗ ฉันจึงวางงาน ที่อยู่ตรงหน้า ไว้ก่อน งานของชาติสำคัญกว่า รีบขึ้นรถไปยังสันติอโศกทันที หากพวกเรา ไม่ออกมาร่วมกัน ชุมนุมคัดค้าน โอกาสที่ไทยจะสูญเสียดินแดน ให้แก่เขมรนั้น แน่ยิ่งกว่าแน่

พี่น้องมากันมากมาย ทั่วประเทศจากเหนือ-ใต้-ออก-ตก-อีสาน เสียงทักทายเจริญธรรม ดังขึ้น ไม่ขาดสาย แม้จะมีท่าทีอิดโรยจากการเดินทาง แต่แววตายังดูแจ่มใส และมุ่งมั่น หากวันนี้ ฉันไม่มา คิดแต่เรื่องตัวเอง อยู่ในภพของตัวเอง ฉันคงยกโทษให้ตัวเองได้ยาก

๒๗ ก.ค. ๗ โมงเศษๆ ฉันขึ้นรถ ๖ ล้อที่ออกเป็นคันแรก เสียงทักทายเจริญธรรมๆๆ ดังขึ้น ด้วยใบหน้า ยิ้มแย้ม แจ่มใส ของพี่น้องบนรถ ทักทายฉัน พี่น้องอโศกเยอะจริงๆ

รถวิ่งออกไปได้สักพัก เสียงสนทนาก็เริ่มขึ้น "ผมขับรถออกจากโคราชตี ๒ มาถึง ตี ๕ กว่าๆ ถ้าฝนไม่ตก คงถึงเร็วกว่านี้" ฉันฟังแล้ว อดทึ่งไม่ได้ แสดงว่าโชเฟอร ์ยังไม่ได้หลับเลยนะเนี่ย แล้วเสียงนั้น ก็พูดต่อว่า

"รัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่ไหว ไม่ทำอะไรเลย จะไปหวังพึ่งรัฐบาลคงไม่ได้แล้ว ถ้าวันนี้พวกเรา ไม่ออกมารวมกัน ผมว่า เราเสียดินแดนแน่" เขาหยุดไปนิดนึง แล้วพูดต่อ "ไม่มีสื่อช่องไหน เสนอเรื่อง เสียดินแดนเลย มีแต่ FMTV กับช่อง ๑๓ เท่านั้น"

"ใช่" อีกคนพูดขึ้นบ้าง "นี่หากผมไม่ดู FMTV และช่อง ๑๓ ก็ไม่รู้นะว่า ตอนนี้เราเสียหมู่บ้าน ให้เขมรไป หลายหมู่บ้านแล้ว ชื่อหมู่บ้านถูกลบออกจากแผนที่ประเทศไทยแล้ว FMTV ทันเหตุการณ์จริงๆ ปลอมตัว เข้าไปเป็นชาวบ้านเก็บเห็ด จึงได้ข้อมูลจริง ว่าทหารกันคนไทย ไม่ให้เข้าไป อ้างว่าอันตราย มีกับระเบิด แล้วแอบ ตัดไม้กัน ก่อนที่จะยกแผ่นดินให้เขมร ลำพังแค่เขาพระวิหารนั้น ไม่เท่าไหร่หรอก แต่ผลประโยชน์ ที่อ่าวไทยนี่ซิ มหาศาล ทั้งก๊าซ ทั้งน้ำมัน แล้วเมื่อไหร่ เราจะได้นักการเมือง ที่ทำเพื่อผลประโยชน์ ของประเทศชาติ มากกว่า ผลประโยชน์ส่วนตัวบ้าง...เฮ้อ! นี่ถ้า FMTV ไม่เอาข้อมูล มาเปิดเผย เราก็จะ ไม่รู้ความจริง"

"ถ้านักการเมืองมีคุณธรรม พวกเราคงไม่ต้องออกมาอย่างนี้ เมืองไทยจะเจริญก้าวหน้ากว่านี้ นี่ย่ำเท้า อยู่กับที่ กี่ปีแล้ว"

"แต่ผมว่าถอยหลังมากกว่า" อีกคนเสริม

"ความไม่เอาไหน ไร้คุณธรรมของนักการเมืองและข้าราชการไทยบางคน ก็เป็นประโยชน์ เหมือนกันนะ" อีกคนพูดบ้าง

"เป็นประโยชน์ยังไง" ญาติธรรมอีกคนถามขึ้นบ้าง

"ก็ทำให้พวกเราได้มาเสียสละไง ลำพังพวกเราอยู่ตัวกันแล้ว ถือศีล กินมังฯ พออยู่พอกิน มีอาหาร ไร้สารพิษกิน อุดมสมบูรณ์ มีความสุข เขมรจะเอาดินแดนไปเท่าไหร่ก็ไม่กระทบถึงพวกเราหรอก แต่เพราะ คิดถึงคนอื่น ที่ถูกเขมรข่มเหงเอาแผ่นดินไปนี่ซิ เราต้องไปช่วย แล้วลูกหลาน ในภายหน้าอีก ล่ะ หากไม่ออกไปช่วย ก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปพบ บรรพชนของเรา ได้ยังไง" แหม พี่แกพูด เข้าท่าแฮะ เหมือนหนังจีนเลย ฟังๆไป พวกเขาเหล่านี้ เป็นนักการเมือง ตัวจริงนะเนี่ย

อีกคนพูดต่อบ้าง "พวกเราโชคดีนะที่ได้มาปฏิบัติธรรม รู้ผิดชอบ-ชั่วดี บาป-บุญ คุณ-โทษ รู้จักเสียสละ เพื่อคนอื่น ไม่อย่างนั้น ก็คงทำบาปอีกไม่รู้เท่าไหร่ โชคดีจริงๆ แล้วนี่พี่เตรียม มาค้างหรือเปล่า" เขาหันไปถามบ้าง

"เตรียมแล้ว ถ้าค้างก็ค้าง ไม่มีปัญหา เสร็จภารกิจเมื่อไหร่ค่อยกลับ งานเราเอาไว้ทีหลัง ชาติต้อง มาก่อน" เขาตอบอย่างสบายๆ เหมือนเรื่องการพักค้างข้างถนนกับการนอนที่บ้านไม่ต่างกัน นับถือพี่เขาจริงๆ การได้ฝึกหัด ปฏิบัติ เรื่องกินอยู่หลับนอน ของเขา จึงกลายเป็นเรื่องง่ายๆ นี่ไงมนุษย์วรรณะ ๙

การสนทนาเหมือนจะจบลง หลายคนในรถเริ่มคอพับคออ่อน ก็แหงล่ะ ส่วนมากเดินทาง กันมา เมื่อคืน แบตหมดกันแล้ว นอนชาร์ตแบตเอาแรงเถอะ ในรถมีทั้งผู้อายุยาว ศิษย์เก่าสัมมาสิกขา ญาติธรรม นักเรียน สัมมาสิกขา ซึ่งตอนนี้กำลังหลับอยู่บนตักของเพื่อน บางคนนั่งสัปหงก บางคน หลับพิงคนข้างๆ คนข้างๆ ก็หลับ พิงคนหลับเหมือนกัน ฉันได้แต่มอง และซาบซึ้ง ในหัวใจรักชาติ ของพวกเขา ภารกิจครั้งนี้ พวกเขาอดตาหลับ ขับตานอน ไปเพื่ออะไร แล้วได้อะไร

"เพื่อไม่เอาไง มาให้ นี่ไงคนบุญนิยม มนุษย์พันธุ์ใหม่ที่พ่อท่านสร้างขึ้นมา เป็นนักการเมืองตัวจริง เลยแหละ" ฉันถามเอง ตอบเอง ถูกผิดฉันรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว

๘ โมงกว่าๆ ๖ ล้อคันแรกก็ถึงลานจอดรถวัดธาตุทอง มีรถรออยู่แล้ว ๔-๕ คัน มีลูกๆหลานๆ ศิษย์เก่าสัมมาสิกขา และนศ.ม.อุบลฯ ดูแลเรื่องการจัดขบวน สักพักรถบัสจากที่ต่างๆก็วิ่งเข้ามา พร้อมเสียงปรบมือต้อนรับ จากผู้ที่ มาถึงก่อน ฉันดีใจที่มากัน เยอะ พวกเรามาช่วยกันจริงๆ

ผู้ดูแลลานจอดรถเดินผ่านมา ญาติธรรมชายยกมือไหว้พร้อมพูดว่า "ขอรบกวนด้วยนะครับ ขอจอดรถด้วย" "เอาเลยครับ วันนี้ลานจอดรถว่าง เป็นวันหยุด ปกติที่จอดเต็มนะครับ วันนี้ ตามสบายครับ" ชายผู้ดูแล ตอบด้วยความยิ้มแย้ม แล้วจากไป

๙ นาฬิกาเศษ ลุงจำลอง และ ลุงปรีชา เดินนำหน้าขบวน ขบวนการต่อสู้ด้วยสันติ อหิงสา ก็เริ่มขึ้น เคลื่อนขบวน ด้วยความสงบ การ์ดอาสาทำหน้าที่เป็นเชือกมนุษย์ คอยกั้นรถ ขบวนข้ามถนน สุขุมวิทขาเข้า ไปยังถนน สุขุมวิทขาออก มีพี่น้องที่รออยู่บนทางเท้า เข้าร่วมขบวน เป็นระยะๆ ขบวนยาวขึ้น มีพลังมากขึ้น ไม่นาน ก็ถึงหน้า องค์การยูเนสโก สมทบกับพี่น้อง ที่รออยู่ก่อนแล้ว มากพอควร แล้วนั่งรอหน้าประตูยูเนสโก ลุงจำลอง แจ้งเจ้าหน้าที่ว่า จะมายื่นหนังสือ คัดค้านฯ ไม่นาน สื่อแต่ละช่อง นักข่าวแต่ละสำนักพิมพ์ ก็แน่นพรึบ

ลุงจำลองขึ้นพูดบนรถเวทีบอกเป้าหมายที่มาครั้งนี้ เพื่อคัดค้านการยื่นหนังสือ แผนการบริหาร จัดการ พื้นที่ ปราสาท พระวิหาร ฉันเดินสำรวจรอบๆพื้นที่ ตั้งแต่หน้าโรงเรียนปทุมคงคา จนเลยหน้า ยูเนสโก มีพวกเรา นั่งกันเกือบเต็ม เสียงเพลงและเสียงหัวเราะ สลับกันไป ตามจังหวะเพลง และลีลาของ ผู้ปราศัย ไม่ว่าจะเป็น พี่ปอง -อัญชะลี พี่ตั้ว อาจารย์ปานเทพ ลุงเทิดภูมิ คุณการุณ คุณไชยวัฒน์ และ อีกหลายท่าน รวมทั้ง ศิลปินเพื่อชีวิต หลากหลาย ค่ายตัวเอง บรรยากาศดี ฟ้าฝนเป็นใจ ไร้ฝนและแดดไม่ร้อน

กองทัพเดินด้วยท้อง พี่น้องเริ่มเอากล้วย น้ำว้า ข้าวไข่เจียว อาหารมังสวิรัติ อาหารมังสะ และน้ำดื่ม มาแจกกัน บางคนก็พัก หลับเอาแรง บางคนก็กินข้าว แบ่งอาหารกันกิน กินง่ายกันจริงๆ พี่น้อง พร้อมกับภาพ การมาคัดค้าน ได้ถ่ายทอดไปยังทีวี เกือบทุกช่อง ว่าขณะนี้ พี่น้องคนไทยกลุ่มหนึ่ง ได้ออกมา ทำหน้าที่ ของคนไทย ที่จะรักษา และปกป้องผืนแผ่นดินไทยเอาไว้ โดยมี FMTV ASTV และ ๑๓ สยามไทย ถ่ายทอดสด ตลอดการชุมนุม

ไล่เลี่ยกันร้านแบกะดินก็ผุดขึ้น ขายเสื้อ พัด กาแฟ ผ้าโพกหัว แผ่นปูนั่ง ซีดีเพลง ดนตรีเปิดหมวก ฯลฯ เกิดการ กระจายรายได้ทันที ไม่นานคนเดินถือถุงดำพร้อมคำถามและรอยยิ้มว่า "มีขยะทิ้งมั้ยคะ" ก็ปรากฏขึ้น นี่ไง วัฒนธรรม การชุมนุม ของผู้เจริญ ชุมนุมที่ไหน สะอาดที่นั่น

ลุงจำลองแจ้งว่าหลังจากยื่นหนังสือให้กับ ผู้อำนวยการใหญ่ยู เนสโก ผ่าน เอ็ดการ์ด ชารัค แล้ว เขาก็ชมว่า คนไทยน่ารัก และบอกว่า การมาคัดค้าน ของพวกเราในครั้งนี้ มีผลต่อการประชุม ที่ประเทศบราซิล และ ให้เรารอฟังผลว่า หนังสือที่เรายื่น ในวันนี้ ได้ไปถึงที่ประชุม คณะกรรมการ ยูเนสโก ที่บราซิลแล้ว ซึ่งเขาจะมาแจ้ง อีกครั้งหนึ่ง

คุณลุงขึ้นเวทีครั้งสุดท้ายบอกว่า หนังสือที่คัดค้านได้ไปถึงที่ประชุมคณะกรรมการที่บราซิลแล้ว การชุมนุม ครั้งนี้ ท่านนายกฯได้เชิญตัวแทน ๔ คน เข้าพบที่บ้านพิษณุโลก เพื่อพูดคุยกันในเรื่อง การคัดค้าน ครั้งนี้ เป้าหมาย ที่พวกเรามาในวันนี้ ได้สำเร็จลงแล้ว หากมีอะไรก็จะนัดรวมตัวกันอีก

๗ ชั่วโมงครึ่งหน้ายูเนสโกที่พวกเราใช้เวลาต่อสู้ร่วมกัน ก็จบลงด้วยเสียงปรบมือ รอยยิ้ม และ เสียงหัวเราะ วันนี้พวกเราได้มาทำภารกิจอันยิ่งใหญ่ ร่วมปกป้องผืนแผ่นดินไทย ที่บรรพบุรุษ ของเรา เอาเลือดเนื้อ ชีวิตเข้าแลก หากต้องตกไปเป็นของชาติอื่น เพียงเพื่อผลประโยชน์ ของคน ไม่กี่คน ฉันจะตอบคำถาม ลูกหลาน ในภายหน้า ว่าอย่างไร หากฉันไม่ได้ออกมาร่วมคัดค้าน ในครั้งนี้ เสียงเพลงปลุกใจดังขึ้น ในหัวใจฉัน "....บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณ ปกบ้าน ป้องเมืองคุ้มเหย้า เสียเลือดเสียเนื้อมิใช่เบา หน้าที่เรารักษาสืบไป ลูกหลานเหลนโหลนภายหน้า จะได้มีพสุธาอาศัย อนาคตจะต้องมีประเทศไทย มิยอมให้ผู้ใดมาทำลาย...."

การคัดค้านครั้งนี้สำเร็จลงในเบื้องต้น คณะกรรมการมรดกโลก ได้เลื่อนการพิจารณา แผนการบริหาร จัดการพื้นที่ ปราสาทพระวิหาร ของกัมพูชาออกไป ๒ ชั่วโมง (วันที่ ๒๗) และ เลื่อนอีก ๑ วัน (วันที่ ๒๘) ในวันต่อมา แต่ภาพการออกมาร่วมคัดค้านของพี่น้องประชาชนไทย ได้เผยแพร่ไป ทั่วทุกมุมโลก ไม่เว้นแม้แต่ ประเทศบราซิล ต่างได้รับรู้ร่วมกันว่า สิ่งที่กัมพูชา เสนอในที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกนั้น ประชาชน ชาวไทย ไม่ได้เห็นด้วย แม้ผลการเลื่อน ที่ออกมาจะไม่น่าไว้วางใจ แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรลงไปเลย อย่างน้อย ฉันก็ได้ออกมา ปกป้องประเทศไทยด้วย หัวใจและสามัญสำนึก ของความเป็นคนไทย

๒๙ ก.ค. พวกเราบางคนเห็นว่าจะใจเย็นรอฟังผลอยู่เฉยๆไม่ได้แล้ว หลังจากปรึกษาหารือ กับผู้ใหญ่ ตอนเที่ยง จึงมี อาสาสมัคร ๔ คน เดินทางไปที่หน้ายูเนสโกเพื่อรอฟังผล ปรากฏว่า นายเอ๊ดการ์ ได้เข้ามา ซักถาม สาเหตุ ของการกลับมาอีกครั้ง ต่อ จากนั้น มีนักข่าวต่างประเทศ มาสัมภาษณ์ ผู้กล้าทั้ง ๔ แล้วพี่น้อง คนไทย หัวใจรักชาติ ก็บอกต่อๆกันไป ไม่นาน คุณไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำตัวแทนเครือข่าย ประชาชนไทย หัวใจรักชาติ อดีต ส.ว.การุณ ใสงาม อดีต ส.ว.สมบูรณ์ ทองบุราณ และพี่น้องคนไทย หัวใจรักชาติ ก็ทยอย มารวมกัน หน้ายูเนสโก ช่วยกันพูด สลับกับ ร้องเพลงปลุกใจ ผ่านโทรโข่ง โบกธงชาติ ชูป้ายคัดค้าน อยู่บริเวณ ทางเท้า นั่นแหละ ฉันเห็นแล้ว ก็ประทับใจ ในน้ำใจ ของแต่ละคน พี่น้องจาก พลังบุญ บอกฉันว่า "ปกติปิด ๖ โมง วันนี้บอกลูกค้า ขอปิด ๓ โมง เคลียร์งานเสร็จ แล้วรีบมาเลย"

ประมาณ ๒ ทุ่ม คุณเอ็ดการ์ด ได้ออกมาพบคุณไชยวัฒน์ และบอกว่า ได้แจ้งไปยัง คณะกรรมการ มรดกโลก ที่กรุงบราซีเลียแล้ว ว่าวันนี้ได้มีคนกลุ่มเดิม ที่มาเมื่อวานนี้ (๒๗ ก.ค.) ประมาณ ๕๐๐ คนได้มาคัดค้าน อีกครั้ง ด้วยความสงบ สันติ และจะพักค้างเพื่อรอฟังผลจากยูเนสโก ซึ่งจะทราบผล ในเวลา ๓ ทุ่มครึ่งคืนนี้

นายเอ็ดการ์ดได้แจกเอกสารของนางไอรินา โบโกวา ผู้อำนวยการใหญ่ยูเนสโก ซึ่งกำลังประชุม กันอยู่ในขณะนี้ ซึ่งนางได้เรียกร้องให้มีการหารือร่วมกัน เรื่องการคุ้มครอง ปราสาทพระวิหาร ให้คณะกรรมการ มรดกโลก คำนึงถึงการคุ้มครอง และส่งเสริมมรดกโลกด้วยความเคารพ ปราศจากอคติ ที่มีต่ออำนาจอธิปไตย ของประเทศ สมาชิก หรือต่อการอ้างสิทธิ์ ความเป็นเจ้าของ อาณาเขต โดยคำนึงถึง การสร้างสันติภาพ ความเคารพ และ ความสามัคคี ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ ของภารกิจของ องค์การยูเนสโก

แล้วที่ทหารกัมพูชาถือปืนเต็มไปหมดที่ปราสาทพระวิหาร ตั้งแต่ผามออีแดง แม้แต่ทหารไทย ก็ไม่สามารถ เข้าไปได้ จะเข้าไปก็ต้องขออนุญาต ทหารกัมพูชาก่อน การที่คนไทย ที่ทำมาหากิน อยู่แถว ชายแดนไทย ถูกผลักไส ออกจากพื้นที่ แล้วให้คนกัมพูชา เข้าไปอยู่แทน แล้วหมู่บ้าน ของคนไทย หายไปจาก แผนที่ ประเทศไทย อีกหลายหมู่บ้านล่ะ มันสันติภาพ เคารพสิทธิ์ กันตรงไหน แค่นี้ก็ขัดกับหลักการ ของยูเนสโกแล้ว ฉันว่ารัฐบาลไทย ต้องลาออกจากการเป็น สมาชิกยูเนสโก เพราะหลักการอย่างหนึ่ง แต่ทำอีกอย่างหนึ่ง

ประมาณ ๒ ทุ่มครึ่ง พ่อท่านพร้อมสมณะได้เดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจพวกเราที่พักค้าง รอฟังคำตอบ และ ให้สัมภาษณ์FMTV แล้วเดินทางกลับในเวลาต่อมา

ประมาณ ๓ ทุ่มครึ่ง พวกเราก็ทราบผลว่า คณะกรรมการ มรดกโลกได้เลื่อนการพิจารณา ออกไป ๑ ปี แต่พวกเรา ยังไม่กลับ อยากรอฟังผล ให้แน่ชัดอีกที จึงรวมตัวกัน พักค้าง ที่หน้ายูเนสโก พวกเรา นอนเรียงกัน บนทางเท้า บริจาคเลือดให้ยุง เฉลี่ยกันไป อากาศกำลังสบายๆ ฉันหลับๆตื่นๆ เป็นระยะ ฝนโปรยลงมาเบาๆ พวกเราลุกขึ้น ใส่เสื้อกันฝน บ้างก็กางร่ม ไม่มีใครถอย ไม่มีใครบ่น แล้วนอนต่อ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ประมาณ ๒๐ นาที ฝนก็หยุดตก คงเห็นความมุ่งมั่น ของพวกรักชาติมั้ง

๓๐ ก.ค. ทางแกนนำและผู้ร่วมชุมนุมไม่เห็นด้วยกับการเลื่อนของยูเนสโก เพราะการเลื่อน เท่ากับ ซื้อเวลา เท่านั้น คนไทย ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย แล้วเรื่องนี้ มีผลประโยชน์ทับซ้อน หลายชั้นมาก จึงตกลง ที่จะนำแถลงการณ์ และข้อเรียกร้อง ไปยื่นต่อนายกรัฐมนตรี ในเช้าวันนี้

๑๐.๓๐ น. พวกเราเดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาลเพื่อยื่น ข้อเรียกร้อง ดังนี้

๑. รัฐบาลต้องยกเลิกเพิกถอนสัญญาและข้อตกลงและพันธกรณี ซึ่งทำให้ประเทศไทย เสียเปรียบ และ ได้รับความเสียหาย ให้แล้วเสร็จ ภายใน ๗ วัน

๒. รัฐบาลต้องมีมาตรการผลักดันชาวกัมพูชาและทหารกัมพูชา ออกไปจากเขตแดนไทย ตลอดแนว ชายแดนไทย - กัมพูชาทันที แล้วรายงานให้ประชาชนทราบ

๓. รัฐบาลต้องเร่งรีบดำเนินการตามพินัยกรรมของรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนรัตน์ ที่สงวนสิทธิ์ คำพิพากษา ศาลโลก เพื่อทำให้ปราสาทเขาพระวิหาร เป็นของไทย โดยยึดหลักสนธิสัญญาโตเกียว ปี พ.ศ.๒๔๘๔ เป็นหลัก

๔. ไม่ขึ้นทะเบียนร่วมแบบผสมและข้ามพรหมแดน(Transboundary) กับกัมพูชา โดยไม่จัดทำ หลักเขตแดน (โดยใช้หลัก สันปันน้ำ)

เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ออกมารับหนังสือ หลังจากยื่นหนังสือเสร็จ พวกเรา ก็แยกย้าย กันกลับ ฉันคิดว่า เหตุการณ์การครั้งนี้ คงยังไม่จบลงง่ายๆ คงต้องมี ภาคต่อไป

ขอคารวะในหัวใจอันบริสุทธิ์ของคนไทยหัวใจรักชาติทุกคน ที่เสียสละอดตาหลับ ขับตานอน ออกมาร่วมกัน ปกป้อง บ้านเมืองในครั้งนี้ หากมีอะไรเกิดขึ้น ลูกหลานจะได้รู้ว่า ยังมีคนไทย อีกกลุ่มหนึ่ง ได้ทำหน้าที่แล้ว ดุจเดียวกับ ชาวบ้านบางระจัน แล้วเจอกันเมื่อชาติต้องการ

วันพฤหัสที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๓
ได้มีประกาศทาง FMTV ว่า
"ต้องมาร่วมกันกู้ชาติแล้ว
เชิญชุมนุมอย่างสันติ อหิงสา ซื่อสัตย์ บริสุทธิ์
เพื่อปกป้องแผ่นดินไทยจากเขมร ในวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๓
ตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐ น. ที่ทำเนียบรัฐบาล
ผู้มีหัวใจรักชาติทั้งหลาย
เพื่อรักษาแผ่นดินไทย
คราวนี้หากไม่ใช้พลังรวมของประชาชน
ตามระบอบประชาธิปไตยเป็น "ธรรมาวุธ" ต่อสู้
เราเสียแผ่นดินไทยให้เขมรแน่ๆ
มาชุมนุมกันให้มากที่สุด มาแสดงธรรมะ
สันติ อหิงสา ซื่อสัตย์ บริสุทธิ์
เป็น "ธรรมาวุธ" ที่ทันสมัยที่สุด
ยิ่งใหญ่ที่สุด ในโลกประชาธิปไตยยุคนี้"

วันศุกร์ที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๓
กลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ เครือข่ายต่างๆทั่วประเทศเตรียมพร้อมแล้วที่จะมาชุมนุมกันเป็น จำนวนมาก ที่ทำเนียบรัฐบาล ในวันรุ่งขึ้น ทางศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ก็ออกประกาศ ห้ามชุมนุม บริเวณทำเนียบรัฐบาล อย่างเด็ดขาด เนื่องจากยังมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่ เพื่อแก้ไขสถานการณ์ ท่านนายกฯ ได้ขอเจรจากับตัวแทนกลุ่ม และเครือข่าย ซึ่งมี เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ อ.เทพมนตรี ลิมปพยอม เป็นตัว แทน เจรจากับนายกฯ นายกฯ ต้องการหยุดยั้งการไปประท้วง ที่ทำเนียบรัฐบาล จึงเสนอ ให้ย้ายการชุมนุมไปที่ ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง โดยนายกฯ จะไปพบ รับฟังปัญหา จากประชาชน ที่มาชุมนุมกัน วันพรุ่งนี้ ในตอนบ่าย และจะจัดให้มี การเจรจากันทั้ง ๒ ฝ่าย ออกอากาศทางช่อง ๑๑ NBT วันอาทิตย์ที่ ๘ ส.ค. ในเวลา ๑๐.๐๐-๑๓.๐๐ น. หลังรายการ เชื่อมั่น ประเทศไทย กับนายกฯ อภิสิทธิ์ โดยมีฝ่ายรัฐบาล ๔ ท่าน และฝ่ายประชาชน ๔ ท่าน ซึ่งทางตัวแทน ได้ตกลง ตามข้อเสนอ ของนายกฯ

ทางเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติจึงได้มีการประชุมหารือกัน ซึ่งที่ประชุมตกลงให้ พลตรีจำลอง ศรีเมือง และ เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ เป็นผู้รับผิดชอบ ดูแลผู้ชุมนุมประท้วง แต่ก็มีบางส่วนท้วงว่า เราได้นัด ประชาชน ไว้แล้ว ที่ข้างทำเนียบ ประชาชนที่กำลังเดินทางมา อาจจะไม่รู้ แล้วไปตามที่นัดหมาย จึงขอไป รับประชาชน ที่จะมาที่ทำเนียบ แล้วจะเดินทาง ไปสมทบ ที่ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ผู้ที่นำทีมไป มีคุณวีระ สมความคิด และคุณไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ โดย ASTV จะช่วยถ่ายทอดสด ที่ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ส่วน FMTV ถ่ายทอดสด ที่ทำเนียบรัฐบาล

พ่อท่านได้กล่าวว่า การชุมนุมประท้วงครั้งนี้ คือ "สงครามอาริยะ" ใครจะสงบปากหอก ได้มากกว่ากัน ให้สงบ สันติ พูดให้ความรู้แก่ประชาชน จะพูดหนักพูดแรงได้ แต่ห้ามการพูด หยาบคาย ไม่ให้ใช้ความจัดจ้าน รุนแรง จึงจะถือว่า ผู้นั้นชนะ โดยผู้ร่วมชุมนุมจะยึดหลัก "สันติ อหิงสา ซื่อสัตย์ บริสุทธิ์" เป็นสำคัญ

วันเสาร์ที่ ๕ สิงหาคม
พี่น้องคนไทยหัวใจรักชาติเดินทางมารวมตัวกันอย่างแน่นหนาอีกครั้ง เพราะครบกำหนด ๗ วัน ที่ภาคี เครือข่าย ประชาชนไทยหัวใจรักชาติ จะไปทวงคำตอบ จากนายกรัฐมนตรี

ที่ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง มีเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติมาร่วมชุมนุมประมาณ ๓,๐๐๐ คน ได้ทยอย เดินทางกันมาแต่เช้า โดยชุมนุมกันภายในสนามกีฬาเวสน์ ๒ ซึ่งติดแอร์เย็นฉ่ำตลอดเวลา เครือข่าย กองทัพธรรม จากปฐมอโศกและสันติอโศกจัดอาหารมังสวิรัติเลี้ยงตลอดงาน

๑๓.๕๐ น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีตอบข้อซักถาม จากตัวแทน เครือข่าย ประชาชนไทย หัวใจรักชาติ ๒ คน คือนายทศพล แก้วพิมา ผู้ประสานงานเครือข่าย คนรักชาติ ภาคประชาชน และ ดาบตำรวจ สุคนธ์ เริงฤทธิ์ ตัวแทนภาคประชาชนจาก จ.ศรีสะเกษ สลับกันถาม ให้นายกฯ ชี้แจง ซึ่งตลอด การถามตอบ มีทั้งเสียงปรบมือ และเสียงโห่ สลับกันไป หลังชี้แจงเสร็จ นายกฯได้เดินทางกลับในเวลา ๑๔.๔๐ น. ส่วนด้าน เวที มีการแสดงดนตรีของศิลปิน จนกระทั่ง ๑๗.๐๐ น. จึงได้ยุติลง

ประชาชนที่มาร่วมชุมนุมได้ฟังนายกฯแล้ว บ้างก็พอใจและไม่พอใจ และอีกมาก ที่ยังสับสน ในคำตอบของ นายกฯ แต่พอใจที่ภาครัฐ และประชาชน เข้าใจตรงกัน ว่าต้องพยายาม รักษาดินแดน เอาไว้ให้ได้ นับเป็น นิมิตหมายที่ดี ที่รัฐบาลรับฟัง เสียงประชาชน ที่บ้านเมืองวิกฤติ เพราะนักการเมือง ฟังเสียงประชาชน น้อยไป หรือ บางทีก็ไม่สนใจเลย

การที่นายกฯยอมรับฟังแล้วมาพูดจา ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะภาคประชาชนสำคัญ หากไม่รวมตัวกัน ไม่สร้างแรงกดดัน ในการที่จะดูแลประเทศ ประเทศเราจะอยู่ยากกว่านี้ จากนี้เป็นต้นไป ถือว่าภาคประชาชน สำคัญมาก ถ้าปล่อยให้ชุมนุม แล้วต่างคนต่างอยู่ ก็จะไม่เกิดผลอะไร

วันอาทิตย์ที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๕๓
สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่องNBT(ช่อง ๑๑) ถ่ายทอดสด การพูดคุยชี้แจง ปัญหาพื้นที่ ปราสาท พระวิหาร และ ถ่ายทอดสัญญาณไปยังสถานีโทรทัศน์ช่องทีวีไทย FMTV ก็ร่วมถ่ายทอดด้วย ระหว่าง รัฐบาล กับเครือข่าย คนไทยหัวใจรักชาติ โดยใช้ชื่อรายการว่า "รายการพิเศษปราสาทพระวิหาร" ซึ่งฝ่ายรัฐบาล ประกอบด้วย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว. ทรัพยากรธรรมชาติ และ สิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะ ที่เดินทางไปประชุมมรดกโลก นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว. ต่างประเทศ และ นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์

ส่วนทางฝ่ายกลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติประกอบด้วย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษก กลุ่มพันธมิตร ประชาชน เพื่อประชาธิปไตย นาย สมปอง สุจริตกุล อดีตทนายผู้ประสานงาน ฝ่ายไทย ปี ๒๕๐๓-๒๕๐๕, นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระ และนายวีระ สมความคิด แกนนำเครือข่ายฯ

ใช้เวลาพูดคุย ๑๐.๐๐-๑๓.๐๐ น. ๓ ชั่วโมง บรรยากาศเป็นไปอย่างเข้มข้น และตึงเครียด ทำให้มีการ ทำความเข้าใจ ที่ตรงกัน ในบางส่วน แต่บางส่วน ก็ตกลงกันยังไม่ได้ รายการนี้ ทำให้ประชาชน เข้าใจปัญหา และ รายละเอียดต่างๆ มากขึ้น

หลังจากจบการถ่ายทอดสด ในเวลา ๑๔.๑๐ น. ที่ห้องกันเกรา พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ ได้กล่าว ออกอากาศทาง FMTV สรุปว่า

"เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ที่คนไทยมารวมตัวกัน ใช้น้ำหนัก ของความเป็น ประชาชน เพื่อเรียกร้อง ตามสิทธิหน้าที่ ของระบอบประชาธิปไตย ตามหลักรัฐธรรมนูญ โดยภาคประชาชน และ ภาครัฐ ได้เสวนา ตกลงกัน แลกเปลี่ยนความเห็น กัน มีการสอดแทรก กันบ้าง

ได้เห็นทั้งความจริง ความปรารถนา ความตั้งใจของรัฐบาล ไม่ได้ต่างไปจากภาคประชาชน ถือว่า เป็นผลงาน ที่พวกเรา ลงทุนลงแรง เดินทางมาเป็นร้อย เป็นพันกิโล เป็นนิมิตที่ดี ที่ทางภาครัฐ และภาคประชาชน จะได้ร่วมมือกัน ทำเป้าหมายตรงกัน ถือว่าเป็นงานชิ้นหนึ่ง ของมนุษยชน ที่ทำหน้าที่อันควร ทำให้แก่สังคม ขณะนี้ ได้ทำเสร็จสิ้นไปแล้ว

ก็ขอขอบคุณทุกคนที่ได้ร่วมมือร่วมใจ แม้แต่ผู้ที่ขัดแย้งก็ขอบคุณ เป็นการทักท้วงกันไว้เพื่อเตือนสติ เป็นธรรมชาติที่ดี พวกเราไม่ได้มาเพื่อจะได้อะไร แต่เป็นความปรารถนาดี และเป็นมนุษยชาติ ที่เห็นว่า พึงกระทำ ก็ได้ปฏิบัติกิจนี้ จนผ่านพ้นได้ด้วยดี"

ประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่ง ในการต่อสู้ของภาคประชาชนได้เกิดขึ้นแล้ว ด้วยวิธีสันติ อหิงสา ซื่อสัตย์ บริสุทธิ์ ปราศจาก การเสียเลือดเนื้อ ประเทศไทยจะเสียพื้นที่ ปราสาทพระวิหาร และอีก ๑.๘ ล้านไร่ ให้แก่กัมพูชา ไปหรือไม่ ประชาชนชาวไทย จะได้ปราสาทพระวิหาร คืนมาจาก การสงวนสิทธิ์ ในรัฐบาลของ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชนต์ หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับความร่วมมือ ระหว่างภาครัฐ และ ภาคประชาชน ที่จะสนธิกำลังช่วยกัน

ขอบพระคุณทุกคนที่ออกมาทำหน้าที่ปกป้องแผ่นดินไทย และผู้ที่เอาใจช่วย อยู่ทางบ้าน ฉันขอสัญญาว่า... ในช่วงชีวิตของฉัน จะปกป้อง รักษาบ้านเมือง จะไม่ยอมเสียพื้นที่ แม้แต่ ตารางนิ้วเดียว ให้แก่ชาติอื่น เป็นอันขาด....

"ความรักอันใด แม้รักแค่ไหนคงไม่ยั่งยืน เช่นรักคู่รัก แม้รักดั่งกลืน ยังอาจขมขื่นขึ้นได้ภายหลัง แต่ความรักชาติ รักแสนพิศวาส รักสุดกำลัง ก่อเกิดมานะ ยอมสละชีวัง รักจนกระทั่งหมดเลือดเนื้อเรา ชีวิตร่างกายเราไม่เสียดาย ตายแล้วก็เผา ทุกสิ่งย่อมพราก เว้นแต่ชาติของเรา อย่าให้ใครเขา เหยียบย่ำทำลาย..."

ฅนไทย หัวใจ รักชาติ

(สารอโศก เดือน มีนา-พฤษภา๕๓ อันดับ ๓๑๗ หน้า ๓๑-๓๘)