มนุษย์สีขาว ปฏิบัติธรรม |
ดึกสงัดในคืนหนึ่ง ขณะที่ฉันกำลังฉีดยาประจำ เวลาตีสอง ให้กับคนไข้ ที่ตึกพิเศษ อายุรกรรมอยู่นั้น พลันก็มีเสียง เปรี้ยงสนั่น ดังแหวกความสงบเงียบ ในยามราตรีขึ้นมา เสียงนั้นดังมาก จนทำให้คนไข้ และ ญาติในแผนก ตกใจตื่น พูดถามไถ่กันอยู่เอะอะ อึงอลไปหมด
จนรุ่งเช้า จึงปรากฏว่า ต้นมะขามยักษ์ ที่มีอายุยืนนานกว่า ๑๐๐ ปี ที่เคยแผ่กิ่งก้านสาขาใหญ่ จนเป็นร่มครึ้ม ตรงระเบียงทางเดิน ของตึกพิเศษอายุรกรรม ได้โค่นล้มลงมา ฟาดกระแทกกับตัวถัง ของรถปิ๊กอัพ ของญาติคนไข้รายหนึ่ง ซึ่งจอดไว้ใต้ต้นไม้ จนพังยับไปทั้งคัน
สาเหตุที่โค่นล้ม เพราะต้นมะขามยักษ์ต้นนี้ มีลำต้นที่ใหญ่ ประกอบกับ กิ่งใบที่ดกหนาทึบ กว้างใหญ่ แต่มีรากแก้ว ที่หยั่งลงไปไม่ลึก ซ้ำยังมีมดปลวก เข้าไปทำรังอยู่ภายใน จนเป็นโพรงใหญ่ เมื่อถูกลมพัดแรง มัน จึงโค่นล้ม ถอนรากแก้วขึ้นมา เป็นยวง
ฉันสะดุดใจกับเหตุการณ์นี้มาก น่าประหลาดที่ว่า ต้นมะขามยักษ์ มันมีอายุยืนมากกว่า ๑๐๐ ปี แล้วมาโค่น ล้มลงวันนี้ ราวกับจะใช้ร่างขันธ์ ที่ยืนนานนั้น ล้มฟาดลง เพื่อจะบอกกับผู้คน ที่พบเห็น ได้ตระหนักว่า
"ตราบใด ที่รากแก้วแห่งความดี ยังไม่มั่นคง ยังไม่แทงราก หยั่งลึกพอแล้ว ย่อมโค่นล้ม ตกร่วงได้ง่ายเช่นนี้ แม้ภายนอก จะดูแผ่กิ่งก้านสาขา สดชื่นมั่นคง เป็นร่มเงา เป็นที่พึ่งแก่ผู้อื่น ก็อาจตกร่วงได้ ดุจต้น มะขามยักษ์นี้ทีเดียว"
"หมอครับ กรุณาช่วยดูลูกผม หน่อยเถอะครับ วันนี้ถ่ายเหลวมา ๓ ครั้งแล้ว"
สามี ของคนไข้ห้อง ๑๐๘ หลังผ่าตัดคลอดบุตร ทางหน้าท้องได้ ๒ วัน มาตามให้ไปดูบุตรชาย ที่เพิ่งเกิดใหม่ ทั้งกิริยา คำพูด สุภาพอ่อนโยน และ นอบน้อม ทั้งที่เขาอยู่ในวัยราว ๕๐ ปี ฉันนึกชื่นชมอยู่ในใจ
"หากเราอ่อนน้อมถ่อมตน ได้สักครึ่งหนึ่ง ของชายผู้นี้ คงจะดีไม่น้อยเลย"
ฉันเดินไปตรวจดูอาการ ของเด็กทารก พร้อมกับอธิบาย วิธีสังเกตอุจจาระ ของทารกที่ผิดปกติ วิธีเตรียมนม สำหรับทารก ที่สะอาดปลอดภัย และ ผล ของน้ำนมแรกคลอด ของมารดาต่อทารก นอกจากนี้ ยังได้เชิญ กุมารแพทย์ (หมอรักษาเด็ก) ท่านหนึ่ง มาช่วยดูอาการ และ สั่งยาให้ด้วย
ทุกครั้งที่ญาติ หรือ คนไข้ห้องนี้ มาตามให้ไปช่วยเหลือ ฉันจะให้บริการดูแล ช่วยเหลืออย่างยินดี และ เต็มใจ ฉันนำเอาเอกสาร ความรู้การปฏิบัติตน หลังคลอด การเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ภูมิคุ้มกันโรค และ อื่นๆ มาให้คนไข้ พร้อมกับ ตอบข้อสงสัย ของคนไข้ และ ญาติ จนเข้าใจดี
เมื่อมาทราบตอนหลังว่า สามีของคนไข้รายนี้ ดำรงตำแหน่ง เป็นรองผู้อำนวยการ วิทยาลัยมีชื่อแห่งหนึ่ง ฉันก็ยิ่งชื่นชม และ อดแปลกใจไม่ได้ว่า ทำไมชายผู้สูงด้วยวัยวุฒิ คุณวุฒิ และ หน้าที่การงาน จึงมานอบน้อมกับ ผู้มีอายุ คราวลูกหลาน อย่างฉันได้
อา...ความอ่อนน้อมถ่อมตน เป็นสิริมงคล ของชีวิต และ เป็นที่ชื่นชม ต่อสายตา ของผู้ที่ได้พบเห็น อย่างนี้จริงๆ
ครู่หนึ่งต่อมา ญาติ ของคนไข้ห้อง ๑๐๔ ก็มาตาม ให้ไปดูคนไข้บ้าง
"นี่...ช่วยไปดูน้ำเกลือ ให้หน่อยซี ไม่หยดอีกแล้ว"
ทั้งน้ำเสียง และ ท่าทาง มิได้แสดงตน ให้เกียรติเลย ช่างต่างกันลิบลับ กับญาติห้อง ๑๐๘ เสียจริง
แต่เราเป็นพยาบาล ผู้ให้บริการ เราจะเลือกดีแต่เฉพาะ คนไข้กับญาติที่ดีๆ ได้อย่างไร เพราะมนุษย์แต่ละคน ก็ต่างการอบรม มีเบ้าหลอมจิตใจ และ อยู่ในสภาพสิ่งแวดล้อม ที่แตกต่างกัน จะให้มีพฤติกรรม ที่เหมือนกันหมด ได้อย่างไร
ฉันลุกไปดูน้ำเกลือให้คนไข้ ห้อง ๑๐๔ ด้วยจิตใจที่สงบ
"นี่วัดความดันให้หน่อยซิ รู้สึกไม่ค่อยสบายยังไงไม่รู้"
ฉันถามอาการคนไข้ และ กลับไปเอาเครื่องวัด ความดันโลหิต มาวัดให้
"ความดันปกติดีค่ะ"
"ปกติน่ะ วัดได้เท่าไหร่ล่ะ"
"๑๒๐/๘๐ หัวใจก็เต้นปกติดีค่ะ"
"นั่นยังไงล่ะ! ชายคนไข้วัย ๖๔ ปีร้องขึ้นโวยวาย แล้วพูดต่อว่า
"ปกติ ของฉันน่ะ ๑๑๐ นี่สูงขึ้นถึง ๑๒๐ มิน่าล่ะ ฉันจึงปวดหัวอย่างนี้ เพราะความดัน สูงขึ้นนี่เอง"
ชายคนไข้แสดงภูมิรู้ มิไยที่ฉันจะอธิบายว่า ความดันโลหิต มีการเปลี่ยนแปลงได้ ตามองค์ประกอบต่างๆ ระดับนี้ ก็ไม่ถือว่าสูง จนทำให้ปวดศีรษะได้ แต่เขาก็ไม่ฟัง ยังบ่นต่อไปเรื่อยๆ
เวลาประมาณสี่ทุ่ม ของวันต่อมา ญาติของคนไข้ห้อง ๑๐๔ วิ่งกระหืดกระหอบ มาที่เคาน์เตอร์พยาบาล
"ช่วยไปดูพ่อให้หน่อย เป็นอะไรก็ไม่รู้"
ฉันสาวเท้าไปดูอย่างรวดเร็ว เห็นคนไข้นอนดิ้น กระสับกระส่าย อยู่บนเตียง ภรรยา ของคนไข้ ร้องโวยวายลั่นห้อง
จากการตรวจดูชีพจร ความดันโลหิต และ อาการแสดงอื่นๆก็ปกติ แต่มียาอยู่ตัวหนี่ง ที่แพทย์เจ้าของไข้ เพิ่งสั่งให้ เมื่อตอนสองทุ่มนี้เอง อาจจะเป็นอาการ แพ้ยาตัวนี้ก็ได้ ฉันพูดปลอบใจคนไข้ และ ญาติ และ รีบไปรายงาน แพทย์เวร ซึ่งเป็นแพทย์ เจ้าของไข้พอดี (วิ่งไปรายงาน ที่ห้องอุบัติเหตุ)
แพทย์สั่งยาระงับประสาทให้ ๑ เข็ม และ หันไปดูคนไข้ฉุกเฉิน ที่นอนโชกเลือด อีกสองคน บนเปลนอน
ฉันกลับมาเตรียมยาฉีด อย่างรวดเร็ว และ รีบมายังห้อง ๑๐๔
"ลุงคะ หมอให้ฉีดยาเข็มหนึ่ง เดี๋ยวก็จะดีขึ้นมาก"
"ไหนล่ะหมอน่ะ" ภรรยาคนไข้ ถามอย่างร้อนรน
"หมอกำลังดูคนไข้หนักอยู่ค่ะ เดี๋ยวจะฉีดยา ตามที่หมอสั่ง ให้เข็มหนึ่งนะคะ" กว่าจะหว่านล้อม ให้เปิดสะโพก เพื่อฉีดยา ก็กินเวลานานมาก พอเช็ดสำลีแอลกอฮอล์ เพื่อฆ่าเชื้อที่ผิวหนัง คนไข้ก็กระตุกกางเกง ปิดสะโพกอีก พูดอยู่อีกพักหนึ่ง จนคนไข้ ยอมให้เช็ดสำลี ที่สะโพกอีกครั้ง พอจะปักเข็มฉีดยา ก็ปัดเข็ม จนกระเด็นไป ฉันต้องใช้ ความอดกลั้น อดทน ใจเย็นอย่างมาก กว่าจะฉีดยาได้สำเร็จ
หลังจากนั้น คนไข้ก็หลับสบาย ตลอดคืน ไม่มีอาการผิดปกติใดๆอีกเลย
ตอนเช้า ฉันถูกต่อว่าจากคนไข้ และ ญาติว่า
"เนี่ย! คงเป็น เพราะยาเม็ดนั้น ที่พยาบาลเอามาให้ ตอนสองทุ่ม แน่ๆเลย"
ตอนสาย แพทย์เจ้าของไข้ มาสั่งงดยาตัวนั้น พยาบาลเวรเช้า รับคำสั่ง แต่ไม่ได้เอาบัตรแจกยา ตัวนั้นทิ้งไป เมื่อฉันขึ้นเวร มารับเวรบ่าย จึงจัดยาตอนสองทุ่มตัวนั้น ให้ไปเหมือนเดิมอีก คนไข้ร้องโวยวายว่า บอกให้แพทย์ สั่งงดแล้ว ฉันจึงเปิดดูคำสั่งแพทย์ ก็ปรากฏว่า แพทย์สั่งงดจริง
"อะไรกัน จะให้ฉันตาย หรือไง!" คนไข้พูดห้วนๆ อย่างไม่พอใจ
"ขอโทษทีนะคะ ไม่ทันได้ดูในคำสั่งแพทย์ เวรเช้าเขารับคำสั่ง แต่ไม่ได้เอาการ์ดยาทิ้ง"
ฉันรับยาคืนมา
รุ่งเช้าอีกวันหนึ่ง ฉันถูกเรียกไปตำหนิ เรื่องทำงานบกพร่อง แพทย์เจ้าของไข้ ของคนไข้รายนี้ โมโหมาก หลังจาก ที่คนไข้ฟ้องว่า
"แหม! หมอครับ พยาบาลเมื่อคืน เอายาตัวเก่าที่ผมแพ้ มาให้อีกแล้ว ดีนะที่ผมไม่ได้กิน ยังงี้ผมก็แย่น่ะซี"
ฉันไม่ได้แก้ตัวกับแพทย์ว่า เพราะเวรเช้ารับคำสั่งแล้ว ไม่ได้เอาการ์ดยาทิ้ง ฉันจึงจัดยาเหมือนเดิม หากฉัน พูดความจริงออกไป ก็จะทำให้พยาบาลเวรเช้า ถูกตำหนิอีกคนหนึ่ง
"ช่างมันเถอะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว" ฉันบอกกับตัวเองเงียบๆ
นึกไปถึงสหธรรมิกท่านหนึ่ง เคยกล่าวไว้ อย่างน่าประทับใจว่า
"ในการทำงาน หากเรามุ่งทำงาน เพื่อหวัง ลาภ ยศ สรรเสริญ เราจะทำงานได้ระยะหนึ่ง (ตามแรงผลักดัน ของโลกธรรม)
ถ้าเราทำงาน อย่างมีอุดมการณ์ เพื่อมวลชน เพื่อความสุข ของมวลมนุษยชาติ เราก็จะทำงานนั้น ได้ยาวนาน ยิ่งขึ้นไปอีก
แต่หากเราทำงาน เพื่อตัวเอง เพื่อนำผัสสะ ที่ได้จากการทำงาน มาขัดเกลา พัฒนาจิตวิญญาณ ให้แกร่ง และ อยู่เหนือทุกข์ ได้มากขึ้นเรื่อยๆ เราจะทำงานนั้นๆได้ตลอดไป"
จากประสบการณ์ ที่ผ่านมา การได้เผชิญต่อสู้กับปัญหา และ อุปสรรคต่างๆ จะทำให้เราเข้มแข็งขึ้น ฉลาด และ มีบทเรียน ที่จะแก้ปัญหาต่างๆ ได้มากขึ้น และ ผู้ที่หนีปัญหา หลบเลี่ยงผัสสะ ที่ไม่น่าปรารถนาต่างๆ ผู้ที่พยายามทำงานให้น้อย หรือ สัมผัสสัมพันธ์กับ"คน" ให้น้อยลงนั้น ผลก็คือ ผู้ที่หนีผัสสะ หรือ ผู้ที่มีโจทย์ มีแบบฝึกหัดน้อยนั้น พ่อท่านเคยบอกลูกๆว่า คนเหล่านั้น จะบรรลุช้า ถึงนิพพานได้ช้ากว่า ผู้ที่เป็นนักรบ ที่ปฏิบัติการรบจริง อยู่ในสมรภูมิ แห่งการเอาชนะกิเลส ในจิตใจของตนเอง
ขอบคุณ ผู้ที่สร้างโจทย์ต่างๆให้ ทั้งที่น่าปรารถนา และ ไม่น่าปรารถนา เพราะสิ่งต่างๆ เหล่านี้แหละ จะเป็นตัวกระตุ้น ชี้ให้ฉันได้เห็นธาตุแท้ ของตนเอง ว่ายังรักตัวเอง ยังพะเน้าพะนออัตตา ของตัวเอง อยู่มากเพียงใด
หากฉันยังครองสติ ครองทิฐิความเห็น ให้เป็นอย่างนี้ ได้ตลอดไป ก็คงไม่ตกร่วงง่ายๆ เหมือนต้นมะขามยักษ์ ที่โค่นล้มลง ต้นนั้น อย่างแน่นอน
"ลูกไกลพ่อ"
๘ กรกฎาคม ๒๕๓๔ ๑๖.๑๓ น.
(สารอโศก อันดับ ๑๕๔ เม.ย. – พ.ค. ๒๕๓๕)