nurse

๑๘. ต้นไม้ที่โค่นล้ม

ต้นไม้ที่โค่นล้ม

ดึกสงัดในคืนหนึ่ง ขณะที่ฉันกำลังฉีดยาประจำ เวลาตีสอง ให้กับคนไข้ที่ตึกพิเศษ อายุรกรรมอยู่นั้น พลันก็มีเสียงเปรี้ยงสนั่น ดังแหวกความสงบเงียบ ในยามราตรีขึ้นมา เสียงนั้นดังมาก จนทำให้คนไข้ และญาติในแผนกตกใจตื่น พูดถามไถ่กันอยู่เอะอะ อึงอลไปหมด

จนรุ่งเช้า จึงปรากฏว่า ต้นมะขามยักษ์ ที่มีอายุยืนนานกว่า ๑๐๐ ปี ที่เคยแผ่กิ่งก้านสาขาใหญ่ จนเป็นร่มครึ้ม ตรงระเบียงทางเดิน ของตึกพิเศษอายุรกรรม ได้โค่นล้มลงมา ฟาดกระแทกกับตัวถัง ของรถปิ๊กอัพ ของญาติคนไข้รายหนึ่ง ซึ่งจอดไว้ใต้ต้นไม้ จนพังยับไปทั้งคัน

สาเหตุที่โค่นล้ม เพราะต้นมะขามยักษ์ต้นนี้ มีลำต้นที่ใหญ่ ประกอบกับกิ่งใบที่ดกหนาทึบ กว้างใหญ่ แต่มีรากแก้วที่หยั่งลงไปไม่ลึก ซ้ำยังมีมดปลวก เข้าไปทำรังอยู่ภายใน จนเป็นโพรงใหญ่ เมื่อถูกลมพัดแรง มันจึงโค่นล้ม ถอนรากแก้วขึ้นมาเป็นยวง

ฉันสะดุดใจกับเหตุการณ์นี้มาก น่าประหลาดที่ว่า ต้นมะขามยักษ์ มันมีอายุยืนมากกว่า ๑๐๐ ปี แล้วมาโค่น ล้มลงวันนี้ ราวกับจะใช้ร่างขันธ์ ที่ยืนนานนั้น ล้มฟาดลง เพื่อจะบอกกับผู้คน ที่พบเห็น ได้ตระหนักว่า

"ตราบใด ที่รากแก้วแห่งความดี ยังไม่มั่นคง ยังไม่แทงรากหยั่งลึกพอแล้ว ย่อมโค่นล้ม ตกร่วงได้ง่ายเช่นนี้ แม้ภายนอก จะดูแผ่กิ่งก้านสาขา สดชื่นมั่นคง เป็นร่มเงา เป็นที่พึ่งแก่ผู้อื่น ก็อาจตกร่วงได้ ดุจต้นมะขามยักษ์นี้ทีเดียว"

"หมอครับ กรุณาช่วยดูลูกผมหน่อยเถอะครับ วันนี้ถ่ายเหลวมา ๓ ครั้งแล้ว"

สามี ของคนไข้ห้อง ๑๐๘ หลังผ่าตัดคลอดบุตร ทางหน้าท้องได้ ๒ วัน มาตามให้ไปดูบุตรชาย ที่เพิ่งเกิดใหม่ ทั้งกิริยา คำพูด สุภาพอ่อนโยน และนอบน้อม ทั้งที่เขาอยู่ในวัยราว ๕๐ ปี ฉันนึกชื่นชมอยู่ในใจ

"หากเราอ่อนน้อมถ่อมตน ได้สักครึ่งหนึ่งของชายผู้นี้ คงจะดีไม่น้อยเลย"

ฉันเดินไปตรวจดูอาการ ของเด็กทารก พร้อมกับอธิบาย วิธีสังเกตอุจจาระ ของทารกที่ผิดปกติ วิธีเตรียมนมสำหรับทารก ที่สะอาดปลอดภัย และผลของน้ำนมแรกคลอด ของมารดาต่อทารก นอกจากนี้ ยังได้เชิญกุมารแพทย์ (หมอรักษาเด็ก) ท่านหนึ่ง มาช่วยดูอาการ และสั่งยาให้ด้วย

ทุกครั้งที่ญาติ หรือคนไข้ห้องนี้ มาตามให้ไปช่วยเหลือ ฉันจะให้บริการดูแล ช่วยเหลืออย่างยินดี และเต็มใจ ฉันนำเอาเอกสาร ความรู้การปฏิบัติตนหลังคลอด การเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ภูมิคุ้มกันโรค และอื่นๆ มาให้คนไข้ พร้อมกับตอบข้อสงสัยของคนไข้ และญาติ จนเข้าใจดี

เมื่อมาทราบตอนหลังว่า สามีของคนไข้รายนี้ ดำรงตำแหน่ง เป็นรองผู้อำนวยการ วิทยาลัยมีชื่อแห่งหนึ่ง ฉันก็ยิ่งชื่นชม และอดแปลกใจไม่ได้ว่า ทำไมชายผู้สูงด้วยวัยวุฒิ คุณวุฒิ และ หน้าที่การงาน จึงมานอบน้อมกับ ผู้มีอายุคราวลูกหลาน อย่างฉันได้

อา...ความอ่อนน้อมถ่อมตน เป็นสิริมงคลของชีวิต และเป็นที่ชื่นชม ต่อสายตาของผู้ที่ได้พบเห็น อย่างนี้จริงๆ

ครู่หนึ่งต่อมา ญาติ ของคนไข้ห้อง ๑๐๔ ก็มาตาม ให้ไปดูคนไข้บ้าง
"นี่...ช่วยไปดูน้ำเกลือ ให้หน่อยซี ไม่หยดอีกแล้ว"

ทั้งน้ำเสียงและท่าทาง มิได้แสดงตน ให้เกียรติเลย ช่างต่างกันลิบลับ กับญาติห้อง ๑๐๘ เสียจริง

แต่เราเป็นพยาบาล ผู้ให้บริการ เราจะเลือกดีแต่เฉพาะ คนไข้กับญาติที่ดีๆ ได้อย่างไร เพราะมนุษย์แต่ละคน ก็ต่างการอบรม มีเบ้าหลอมจิตใจ และอยู่ในสภาพสิ่งแวดล้อม ที่แตกต่างกัน จะให้มีพฤติกรรมที่เหมือนกันหมด ได้อย่างไร

ฉันลุกไปดูน้ำเกลือให้คนไข้ ห้อง ๑๐๔ ด้วยจิตใจที่สงบ
"นี่วัดความดันให้หน่อยซิ รู้สึกไม่ค่อยสบายยังไงไม่รู้"

ฉันถามอาการคนไข้ และกลับไปเอาเครื่องวัดความดันโลหิต มาวัดให้
"ความดันปกติดีค่ะ"
"ปกติน่ะ วัดได้เท่าไหร่ล่ะ"
"๑๒๐/๘๐ หัวใจก็เต้นปกติดีค่ะ"

"นั่นยังไงล่ะ! ชายคนไข้วัย ๖๔ ปีร้องขึ้นโวยวาย แล้วพูดต่อว่า

"ปกติของฉันน่ะ ๑๑๐ นี่สูงขึ้นถึง ๑๒๐ มิน่าล่ะ ฉันจึงปวดหัวอย่างนี้ เพราะความดันสูงขึ้นนี่เอง"

ชายคนไข้แสดงภูมิรู้ มิไยที่ฉันจะอธิบายว่า ความดันโลหิต มีการเปลี่ยนแปลงได้ ตามองค์ประกอบต่างๆ ระดับนี้ก็ไม่ถือว่าสูง จนทำให้ปวดศีรษะได้ แต่เขาก็ไม่ฟัง ยังบ่นต่อไปเรื่อยๆ

เวลาประมาณสี่ทุ่มของวันต่อมา ญาติของคนไข้ห้อง ๑๐๔ วิ่งกระหืดกระหอบ มาที่เคาน์เตอร์พยาบาล

"ช่วยไปดูพ่อให้หน่อย เป็นอะไรก็ไม่รู้"

ฉันสาวเท้าไปดูอย่างรวดเร็ว เห็นคนไข้นอนดิ้น กระสับกระส่ายอยู่บนเตียง ภรรยาของคนไข้ ร้องโวยวายลั่นห้อง

จากการตรวจดูชีพจร ความดันโลหิต และอาการแสดงอื่นๆก็ปกติ แต่มียาอยู่ตัวหนี่ง ที่แพทย์เจ้าของไข้ เพิ่งสั่งให้เมื่อตอนสองทุ่มนี้เอง อาจจะเป็นอาการแพ้ยาตัวนี้ก็ได้ ฉันพูดปลอบใจคนไข้ และญาติ และรีบไปรายงานแพทย์เวร ซึ่งเป็นแพทย์เจ้าของไข้พอดี (วิ่งไปรายงานที่ห้องอุบัติเหตุ)

แพทย์สั่งยาระงับประสาทให้ ๑ เข็ม และหันไปดูคนไข้ฉุกเฉิน ที่นอนโชกเลือดอีกสองคน บนเปลนอน

ฉันกลับมาเตรียมยาฉีดอย่างรวดเร็ว และรีบมายังห้อง ๑๐๔
"ลุงคะ หมอให้ฉีดยาเข็มหนึ่ง เดี๋ยวก็จะดีขึ้นมาก"
"ไหนล่ะหมอน่ะ" ภรรยาคนไข้ ถามอย่างร้อนรน

"หมอกำลังดูคนไข้หนักอยู่ค่ะ เดี๋ยวจะฉีดยาตามที่หมอสั่ง ให้เข็มหนึ่งนะคะ" กว่าจะหว่านล้อม ให้เปิดสะโพกเพื่อฉีดยา ก็กินเวลานานมาก พอเช็ดสำลีแอลกอฮอล์ เพื่อฆ่าเชื้อที่ผิวหนัง คนไข้ก็กระตุกกางเกง ปิดสะโพกอีก พูดอยู่อีกพักหนึ่ง จนคนไข้ยอมให้เช็ดสำลี ที่สะโพกอีกครั้ง พอจะปักเข็มฉีดยา ก็ปัดเข็มจนกระเด็นไป ฉันต้องใช้ความอดกลั้น อดทน ใจเย็นอย่างมาก กว่าจะฉีดยาได้สำเร็จ

หลังจากนั้น คนไข้ก็หลับสบายตลอดคืน ไม่มีอาการผิดปกติใดๆอีกเลย

ตอนเช้า ฉันถูกต่อว่าจากคนไข้ และญาติว่า

"เนี่ย! คงเป็นเพราะยาเม็ดนั้น ที่พยาบาลเอามาให้ตอนสองทุ่ม แน่ๆเลย"

ตอนสาย แพทย์เจ้าของไข้ มาสั่งงดยาตัวนั้น พยาบาลเวรเช้ารับคำสั่ง แต่ไม่ได้เอาบัตรแจกยาตัวนั้นทิ้งไป เมื่อฉันขึ้นเวรมารับเวรบ่าย จึงจัดยาตอนสองทุ่มตัวนั้น ให้ไปเหมือนเดิมอีก คนไข้ร้องโวยวายว่า บอกให้แพทย์สั่งงดแล้ว ฉันจึงเปิดดูคำสั่งแพทย์ ก็ปรากฏว่าแพทย์สั่งงดจริง

"อะไรกัน จะให้ฉันตายหรือไง!" คนไข้พูดห้วนๆ อย่างไม่พอใจ

"ขอโทษทีนะคะ ไม่ทันได้ดูในคำสั่งแพทย์ เวรเช้าเขารับคำสั่ง แต่ไม่ได้เอาการ์ดยาทิ้ง"
ฉันรับยาคืนมา

รุ่งเช้าอีกวันหนึ่ง ฉันถูกเรียกไปตำหนิ เรื่องทำงานบกพร่อง แพทย์เจ้าของไข้ ของคนไข้รายนี้ โมโหมาก หลังจากที่คนไข้ฟ้องว่า

"แหม! หมอครับ พยาบาลเมื่อคืน เอายาตัวเก่าที่ผมแพ้ มาให้อีกแล้ว ดีนะที่ผมไม่ได้กิน ยังงี้ผมก็แย่น่ะซี"

ฉันไม่ได้แก้ตัวกับแพทย์ว่า เพราะเวรเช้ารับคำสั่งแล้ว ไม่ได้เอาการ์ดยาทิ้ง ฉันจึงจัดยาเหมือนเดิม หากฉันพูดความจริงออกไป ก็จะทำให้พยาบาลเวรเช้า ถูกตำหนิอีกคนหนึ่ง
"ช่างมันเถอะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว" ฉันบอกกับตัวเองเงียบๆ

นึกไปถึงสหธรรมิกท่านหนึ่ง เคยกล่าวไว้ อย่างน่าประทับใจว่า
"ในการทำงาน หากเรามุ่งทำงาน เพื่อหวังลาภ ยศ สรรเสริญ เราจะทำงานได้ระยะหนึ่ง (ตามแรงผลักดันของโลกธรรม)

ถ้าเราทำงานอย่างมีอุดมการณ์ เพื่อมวลชน เพื่อความสุขของมวลมนุษยชาติ เราก็จะทำงานนั้นได้ยาวนาน ยิ่งขึ้นไปอีก

แต่หากเราทำงานเพื่อตัวเอง เพื่อนำผัสสะที่ได้จากการทำงาน มาขัดเกลาพัฒนาจิตวิญญาณ ให้แกร่งและอยู่เหนือทุกข์ ได้มากขึ้นเรื่อยๆ เราจะทำงานนั้นๆได้ตลอดไป"

จากประสบการณ์ที่ผ่านมา การได้เผชิญต่อสู้กับปัญหา และอุปสรรคต่างๆ จะทำให้เราเข้มแข็งขึ้น ฉลาด และมีบทเรียน ที่จะแก้ปัญหาต่างๆได้มากขึ้น และผู้ที่หนีปัญหา หลบเลี่ยงผัสสะ ที่ไม่น่าปรารถนาต่างๆ ผู้ที่พยายามทำงานให้น้อย หรือสัมผัสสัมพันธ์กับ"คน" ให้น้อยลงนั้น ผลก็คือ ผู้ที่หนีผัสสะ หรือผู้ที่มีโจทย์ มีแบบฝึกหัดน้อยนั้น พ่อท่านเคยบอกลูกๆว่า คนเหล่านั้นจะบรรลุช้า ถึงนิพพานได้ช้ากว่าผู้ที่เป็นนักรบ ปฏิบัติการรบจริงอยู่ในสมรภูมิ แห่งการเอาชนะกิเลส ในจิตใจของตนเอง

ขอบคุณ ผู้ที่สร้างโจทย์ต่างๆให้ ทั้งที่น่าปรารถนา และไม่น่าปรารถนา เพราะสิ่งต่างๆเหล่านี้แหละ จะเป็นตัวกระตุ้น ชี้ให้ฉันได้เห็นธาตุแท้ของตนเอง ว่ายังรักตัวเอง ยังพะเน้าพะนอ อัตตาของตัวเอง อยู่มากเพียงใด

หากฉันยังครองสติ ครองทิฐิความเห็น ให้เป็นอย่างนี้ได้ตลอดไป ก็คงไม่ตกร่วงง่ายๆ เหมือนต้นมะขามยักษ์ ที่โค่นล้มลงต้นนั้น อย่างแน่นอน

"ลูกไกลพ่อ"
๘ กรกฎาคม ๒๕๓๔ ๑๖.๑๓ น.
(สารอโศก อันดับ ๑๕๔ เม.ย. – พ.ค. ๒๕๓๕)


อ่านต่อ ๑๙.
บ่วงมาร