nurse

๒๐. อีกหนึ่งดาวที่เข้าวัด

อีกหนึ่งดาวที่เข้าวัด

เท็ปพร้อมแล้ว เราผู้ตั้งตัวเป็นนักสัมภาษณ์ ก็พร้อมแล้ว ผู้ให้สัมภาษณ์ก็นั่งอยู่ตรงหน้านี่เอง เราเตรียมกดปุ่มอัด พร้อมกับบอกว่า... ขอคุยด้วยหน่อยนะคะ จะเอาไปลงหนังสือ เราผิดเองแหละที่ไม่ได้บอกก่อน แต่ที่ไหนได้ พอบอกว่าจะเอาไปลงหนังสือ เพราะคิดว่าเธอคงไม่ว่าอะไร เท่านั้นแหละ..."โอ๊ย...ไม่ค่ะ-ไม่-ไม่เอา นึกว่าพี่จะให้ช่วยถอดเท็ป ยังไม่พร้อมนะพี่"

"ไม่พร้อมตรงไหนล่ะคะ" ขอทราบสักนิดเถอะน่า

"อยากจะให้มีตัวจริงมากกว่านี้ ตอนนี้รู้สึกว่าเรายังมีตัวปลอมๆอยู่เยอะ กิเลสเยอะอยู่น่ะค่ะ" เธอให้เหตุผล เราก็ไม่ยอมจำนน

"จะรอให้หมดกิเลสเลยเหรอ ถึงจะยอมเปิดเผยตัวเอง"

"ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ แต่อยากจะให้ตัวเองดีกว่านี้" เธอชี้แจง

"เอางี้ ศรัทธาพระพุทธเจ้ามั้ย เชื่อมั้ยว่าธรรมะที่ท่านอบรมสั่งสอนน่ะ จะทำให้มนุษย์พ้นทุกข์ได้"

เชื่อค่ะ ศรัทธามาก" เธอรีบตอบอย่างจริงจัง

"ดีเท่านี้ ใช้ได้แล้วน่า เชื่อมั้ย มีบางคน หลายคนไม่เชื่อหรอกนะ ว่าธรรมะจะพาให้คนพ้นทุกข์ เขายังสงสัยอยู่เลยว่า เอ๊ะ...ธรรมะนี่ช่วยคนได้จริงๆรื้อ" เรารีบหมุนปัญญาหาเหตุผล

"ยังมีตัวกลัวอยู่ค่ะ ยอมรับค่ะว่ามีตัวอสุรกายอยู่มาก" เธอขอความเห็นใจ

แต่เรายังไม่ยอมเห็นใจ ใจหินน่าดูแหละ

"แล้วจะเก็บไว้เหรอ จะไม่ยอมล้างตัวนี้เหรอ"

พอดีมีเหตุคั่นจังหวะ ให้เราและเธอ ต้องลุกไปทำธุระสักประเดี๋ยว เราเสร็จธุระก่อน เธอเสร็จทีหลังตามมา เราถอดปลั๊กเท็ป บอกว่า เอาละ ถ้ายังไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร พร้อมเมื่อไหร่ค่อยคุยกันแล้วกันนะ จากนั้นเราทั้งสอง ก็นั่งคุยกันต่อฉันพี่น้อง

"จริงๆนะพี่ ยังไม่กล้าจริงๆ"

"การกล้าเปิดเผยตัวเองก็เป็นงาน เป็นการปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่งนะ เป็นการช่วย... เป็นเหมือนการยืนยัน เป็นสิ่งรองรับการทำงานของพ่อท่าน ว่าเราก็ได้ประโยชน์อยู่นะ จากการอบรมของท่าน แม้จะยังไม่ได้มากก็เถอะ พ่อท่านก็ต้องการรู้เหมือนกันนะ ว่าพวกเรารับได้มากน้อยแค่ไหน อย่างบางทีท่านเทศน์ ถามว่าเข้าใจมั้ย ที่อาตมาอธิบายมานี่ พวกเราก็นั่งเงียบ ท่านก็ว่า นักเรียนอะไร ครูถามเข้าใจหรือไม่เข้าใจก็ไม่พูด ไม่มีการยกมือบอกกันมั่ง ในส่วนตัวเราก็อาจจะนึกว่า อะไรกันต้องยกมือด้วย ก็ที่มานั่งฟังอยู่จนถึงป่านนี้นะ น่าจะแสดงได้แล้ว ว่ารับได้พอสมควรแหละ ไม่งั้นไม่มานั่งฟังหรอก เพราะงั้นบางทีเราก็ต้องแสดงออก แสดงตัวบ้าง เป็นการช่วยกัน"

"ตกลงพี่ สัมภาษณ์ก็สัมภาษณ์" เธอตัดสินใจเป็นไงก็เป็นกัน เธอจะล้างตัวอสุรกาย น่ะ ไม่ใช่ว่าคล้อยตามเราหรอก

โอ๋ย...กว่าจะลงตัวกันได้... งั้นตอนนี้มารู้จักตัวเธอเลยค่ะ

คุณเคียงดิน เกิด มกราคม ๒๕๐๘

จบประกาศนียบัตร วิชาพยาบาลและผดุงครรภ์ระดับต้น วิทยาลัยพยาบาลสวนปรุง จ.เชียงใหม่ ขณะนี้ศึกษาอยู่คณะมนุษย์ศาสตร์ รามคำแหง ยังเหลืออีก ๖ หน่วยกิต

เป็นพยาบาลที่โรงพยาบาล นพรัตนราชธานี กรุงเทพฯ ประมาณ ๘ ปี

เพิ่งลาออกเมื่อเดือนกันยายน ๒๕๓๕ นี้เอง สมัครมาทำงานเงินเดือนศูนย์ ที่สันติอโศก

- เป็นคนสนใจเรื่องธรรมะมาก่อนหรือเปล่าคะ

ถ้าพูดถึงตอนเด็กๆ เรียนอยู่ประถมต้น ประถมปลาย ก็ชอบไปวัดนะคะ เอาอาหารไปถวายพระ ไปกับเพื่อน บางทีเพื่อนไม่ได้ไป ก็ไปคนเดียว ก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน ว่าทำไมชอบไปวัด

-แล้วมารู้จักสันติอโศกได้ยังไงคะ

พี่ชายเป็นคนพามา พี่ชายเขามาสันติอโศกอยู่ก่อนแล้ว ประกอบกับได้คุยกับญาติธรรม ที่ไปป่วยที่ ร.พ.นพรัตนราชธานี ญาติธรรมก็ชวนให้ไปฟังธรรม (เรียกว่าถึงจะนอนป่วย ก็นอนป่วยอย่างมีคุณค่าจริงจริ๊ง)

-ตอนนั้นปี พ.ศ.อะไรหรือคะ

๒๕๒๙ พอได้มาฟังธรรม ก็เริ่มกินมังสวิรัติ เรื่องมังสวิรัตินี่ ไม่ต้านเลยนะคะ รับได้ เพราะพี่ชายก็กินมาก่อนแล้วด้วย และเราก็ได้คุยกับญาติธรรม ฟังสมณะด้วย เข้าใจค่ะ เริ่มปฏิบัติธรรมมา

-เป็นพยาบาลอยู่ดีๆ ทำไมลาออกซะล่ะคะ

ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม

-ทำงานก็ได้เงิน เอาเงินมาซื้อของนั่นของนี่ อยากได้อะไรก็ซื้อ

ไม่รู้สิ ไม่เห็นอยากได้อะไรเลย ตอนแรกก็คิดว่า จะเอาโน่นเอานี่ ให้กับชีวิตเหมือนกัน แต่พอปฏิบัติธรรมไป ก็ไม่อยากได้อะไรสักอย่าง

- ทำงานข้างนอก ก็ได้ช่วยคนป่วย มีประโยชน์เหมือนกันนี่นา มีจุดไหนที่ทำให้ต้องถึงกับลาออก

คือตัวเองเป็นคนที่ศรัทธามาก แต่ไม่สามารถทำตามได้หลายๆอย่าง ก็เลยอยากจะเป็นคนที่ศรัทธา และทำได้ด้วย คืออยากเป็นตัวจริงๆฮ่ะ พอดีโชคเข้าข้างเรา วันหนึ่งได้ฟังพ่อท่านเทศน์บอกว่า คนที่ศรัทธามาก แต่ทำตามไม่ได้ เพราะอินทรีย์พละไม่พอ ต้องอาศัยเข้ามาอยู่ในหมู่มิตรดีสหายดี เราก็เลยคิดว่า ควรจะลาออกมาอยู่ที่วัด มาทำงานที่วัดดีกว่า เอาอาชีพของเรามาทำที่นี่ก็ได้ ซึ่งจะได้ประโยชน์มากกว่าด้วย เพราะเราทำฟรี และยังได้ประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ประโยชน์สูง ประหยัดสุด

คุณเคียงดินเธอมาอยู่ที่นี่ ก็ประจำที่ศาลาสุขภาพเป็นหลัก เป็นพยาบาลนี่นะ ก็ต้องดูแลคนป่วยเป็นธรรมดา แต่บางวันคุณเคียงดิน ก็แวบไปช่วยขายอาหารที่ ชมร. เหมือนกัน และช่วยไปเรื่อยๆแหละ มีเสียงประกาศขนดินขนหินเมื่อไหร่ ก็ไปเข้าแถวต่อสะพานกับเขาด้วย

-ออกมาไม่เสียดายเงินเดือน...? บอกได้มั้ยคะ เงินเดือนตอนนี้เท่าไหร่

ได้เดือนละ ๖,๔๘๐ ถ้าตุลานี้ก็ได้ ๖,๘๐๐ ไม่เสียดายเลยแม้แต่น้อย

ทิ้งเนื้อสัตว์ก็กล้า ทิ้งเงินเดือนก็กล้า มีเรื่องอื่นที่กล้าทิ้งอีกหรือเปล่า อายุเธอก็ยังไม่มากนี่นา เราจึงถามเธอเรื่องความรัก... เธอบอกว่า

"ไม่มีประสบการณ์เรื่องนี้เท่าไหร่ ไม่มีใครเคยมาบอกรัก เอ๊ะ...มีเหมือนกัน แต่เขาบอก เมื่อเขามีแฟนแล้ว ก็ไม่รู้สึกอะไร นอกนั้นก็มีแต่คนอื่นมาบอกว่า คนนี้มาจีบเรา คนนั้นมาจีบเรา แต่เราไม่รู้ว่า การจีบกันของสมมุติโลก เขาทำกันยังไง ก็เลยไม่คิดว่า คนที่มาชวนเราไปเที่ยว หรือมาคุยกับเราบ่อยๆ จะมาชอบเราหรือจีบเรา

แต่ก็มีที่เราแอบชอบคนอื่น แต่พยายามปิด กลัวเขาจะรู้ว่าเราชอบเขา กลัวหน้าแตก ถ้าเขารู้ว่าเราชอบเขา รู้สึกว่าเป็นการเสียเหลี่ยมมาก

-ถ้าเกิดว่า เราแอบชอบเขา เป็นตอนนี้จะทำยังไง

ไม่เล่นด้วยแน่ แม้แต่แอบชอบก็จะไม่ทำ คิดว่าไม่มีใครรักใคร เท่ากับเรารักตัวเอง ดิฉันไม่เชื่อว่าใครจะมารักเราจริง แล้วก็ไม่เชื่อว่า ดิฉันจะรักใครจริง ดิฉันคิดว่า คนที่ดิฉันรักมากที่สุด คือดิฉันเองค่ะ

-แต่ก่อนเคยรู้หรือเปล่า ว่าการมีครอบครัวน่ะเป็นทุกข์

ไม่เคยรู้ แต่มารู้ มากลัวก็ตอนปฏิบัติธรรมแล้ว กลัวจะต้องจองเวรจองกรรม กันหลายชาติ เหมือนโชคเข้าข้างเรา ตอนที่เราไม่ชัดเจน ในเรื่องทุกข์ของคนคู่ เราก็ไม่ได้ไปผูกพันกับใคร

-ลาออกจากงานมาใช้ชีวิตยังงี้ ที่บ้านว่าไงมั้ย

ไม่ พ่อแม่ให้เลือกทางชีวิตเอง ไม่มีใครบังคับใคร

-มาอยู่ที่นี่ เจอผัสสะ ที่เราๆยังไงบ้างหรือเปล่า

ตอนนี้เป็นน้องเล็ก เขาคงปล่อยไปก่อน แต่ก็มีคนบอกเหมือนกันว่า จะเข้าวัดหรือ อย่าเลย ไม่ไหวหรอก อยู่วัดลำบากนะ ผัสสะแรง ฟังดูแล้วถ้าไม่มั่นใจ จะไม่กล้าเข้า แต่คิดว่า มั่นใจว่าอยู่ได้ จึงฟังไว้เฉยๆ

มีเพื่อนบางคนเหมือนกัน เขาแทบจะไม่เชื่อว่าเราจะเข้าวัด เพราะเขารู้ว่า เราชอบกินข้าวเย็น มันอดข้าวเย็นไม่ได้หรอก แต่ดิฉันก็ตั้งใจฝึกกินมื้อเดียว ก่อนจะเข้ามาอยู่วัด คงจะพอสู้ได้ เรื่องมื้อเดียวนี่

เธอพูดถึงความตั้งใจว่า จะปฏิบัติธรรมให้ถึงที่สุด เท่าที่พละอินทรีย์จะทำได้ และก็ตั้งจิตทุกวัน ว่าขอปฏิบัติธรรม ตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ตลอดชาตินี้ ชาติหน้า และทุกๆชาติ และขอให้บรรลุธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วย

เราขออนุโมทนากับการตั้งจิต ทำดีข้ามชาติของเธอด้วยค่ะ

ลูกไกลพ่อ
๓๑ ต.ค.๒๕๓๕ ;๔:๔๐ น.

(สารอโศก อันดับ ๑๕๗ ๓๑ตุลาคม๒๕๓๕)

อ่านต่อ ๒๑.
บทเรียนราคาแพง